โห้หยูเซิงเดินตรงต่อไปโดยไม่แม้แต่จะเหลียวมอง ความครึกครื้นกับแสงสีที่อยู่รอบๆ ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเขาเลยแม้แต่นิดเดียว
เมื่อกี้เขาได้ดูแผนที่ไปแวบหนึ่งแล้ว รู้ว่าต้องเดินไปทางไหน จึงจะสามารถออกจากสถานที่ที่น่ารังเกียจนี้ได้เร็วที่สุด
เดิมทีก็สามารถออกจากที่นี่ได้อย่างรวดเร็ว แต่จะทำยังไงได้ เมื่อข้างกายนั้นมีถังน้ำมันที่สลัดไม่หลุดอยู่ด้วย
"พี่คะ หนูอยากเล่นอันนั้น! หนูอยากนั่งรถไฟเหาะ!"
แรบบิทชี้ไปยังรถไฟเหาะของเด็ก สายตาก็เป็นประกาย ดูตื่นเต้นยิ่งกว่าตอนเห็นโคมไฟกระต่ายเสียอีก
โห้หยูเซิงเหลียวมองอย่างอึ้งๆ ไปแวบหนึ่ง สถานที่ที่ไม่เล็กไม่ใหญ่ คนก็ยังเยอะอยู่ดี
ยังคงต่อต้านต่อไป
เขาเดินหน้าต่อไป
แรบบิทพยายามดึงเขาสุดชีวิต "พี่คะ พี่คะ พี่อย่าไปสิคะ พี่ช่วยเล่นอันนี้เป็นเพื่อนหนูหน่อยได้มั้ยคะ หนูขอร้องล่ะ"
โห้หยูเซิงที่เย็นชานิ่งเฉยไม่สนใจ
แรบบิทพูดต่อ "เล่นแค่อันนี้อันเดียว แล้วเราก็ออกไปกันเลย โอเคมั้ยคะ?"
ออกไป?
แววตาของโห้หยูเซิงมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย และเริ่มสนใจขึ้นมานิดหน่อย
แต่พอมองดูคนแปลกหน้าพวกนั้น แล้วยังรถเปิดประทุนที่ไม่รู้ทำไมถึงได้วิ่งไปวิ่งมาแบบนั้น เขาจึงต่อต้าน ไม่ชอบ
เขาดึงแขนเสื้อ และยังคงปฏิเสธแล้วจะเดินหน้าต่อ
แรบบิทดึงเขาสุดชีวิต ดึงแข่งกับเขา
หลังดึงไปพักหนึ่ง ก็ยังตัดสินแพ้ชนะไม่ได้ แล้วจู่ๆ แรบบิทก็ได้ร้องไห้ฟูมฟายออกมา
ทำเอาโห้หยูเซิงตกใจจนงงไปเลย
ได้แต่ยืนตัวแข็งอยู่กับที่
แรบบิทรู้สึกเสียใจมาก ร้องไห้ฟูมฟาย และปล่อยมือจากโห้หยูเซิงแล้วมือเล็กๆ ทั้งสองข้างกุมอยู่ที่หน้า คอยปาดน้ำตาที่ไหลออกมาอย่างไม่ขาดสาย
เห็นแล้วช่างน่าสงสารเหลือเกิน
ดวงตาที่เบิกกว้างของโห้หยูเซิง จ้องมองแรบบิทด้วยความช็อก ใจหนึ่งก็ตกใจส่วนอีกใจก็แปลกใจ
จู่ๆ มาเห็นเด็กสาวที่คอยตามตัวเองอยู่ทุกวันร้องไห้ออกมาอย่างกะทันหัน ในใจของเขาก็รู้สึกแย่ขึ้นมา
ยังไงการได้เห็นเธอร้องไห้ เขาก็รู้สึกว่าสภาพจิตใจของตัวเองยิ่งแย่มากกว่าเดิม
สัญชาตญาณของเขามันไม่อยากให้เธอร้องไห้
แต่จะให้ทำยังไงหล่ะ?
โห้หยูเซิง ขมวดคิ้ว ครุ่นคิดอยู่นาน ถึงได้ยื่นปลายนิ้วออกไปดึงๆ แขนเสื้อของเธอ ส่งสัญญาณให้เดินไปทางรถไฟเหาะ
เสียงร้องไห้ของแรบบิทเงียบลงทันที "พี่คะ พี่จะไปเล่นเป็นเพื่อนหนูเหรอคะ?"
โห้หยูเซิงพยักหน้าอย่างขัดใจและไม่เป็นธรรมชาติ
แรบบิทยิ้มร่าออกมาทันที พลิกมือไปจับแขนเสื้อของโห้หยูเซิง แล้ววิ่งไปทางรถไฟเหาะอย่างอารมณ์ดี
คราบน้ำตาบนใบหน้ายังไม่แห้ง แต่ใบหน้าก็ได้ยิ้มออกมาอย่างมีความสุขแล้ว
โห้หยูเซิงที่เห็นท่าทางที่เปลี่ยนได้เหมือนฟ้าฝนของเธอ ใจหนึ่งก็รู้สึกงง ส่วนอีกใจก็รู้สึกโล่งอก
เย้นหว่านเดินอยู่ด้านหลังของเด็กทั้งสอง เมื่อกี้ยังปวดใจที่เห็นแรบบิทร้องไห้อยู่เลย มาตอนนี้กลับรู้สึกว่าดอกไม้ในใจกำลังผลิบานออกมาดอกหนึ่ง
รู้สึกดีใจมากๆ
นี่น่าจะเป็นครั้งแรกที่เธอได้เห็น โห้หยูเซิงยอมให้คนอื่นละมั้ง
ถึงเด็กคนนี้จะดูเย็นชา แต่เขากลับมีจุดอ่อนซะได้ ซึ่งมันก็คือการทนเห็นแรบบิทร้องไห้ไม่ได้นั่นเอง!
ส่วนทางแรบบิทนั้น ก็เป็นนักแสดงชั้นยอดที่สามารถเรียกน้ำตาออกมาเมื่อไหร่ก็ได้
"คุณโห้ จู่ๆ ฉันก็รู้สึกว่า วันที่หยูเซิงจะหายดีมันอีกไม่นานแล้วค่ะ"
โห้หลีเฉินยิ้มออกมา "คุณนายโห้ คุณควรจะรู้สึกแบบนี้มาตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? นี่คุณเชื่อผมแบบปลอมๆ อีกแล้วเหรอครับ?"
เย้นหว่านหน้าแดง แล้วรีบอธิบายไปว่า
"เชื่อจริงๆ ค่ะ ฉันแค่ระบายออกมาเท่านั้น"
เพราะกลัวว่าโห้หลีเฉินจะถามเรื่องนี้ต่อ เย็นหว่านจึงดึงเขาไปทางรถไฟเหาะด้วยเหมือนกัน "เราเองก็รีบขึ้นไปเถอะค่ะพวกเขายังเด็กเกินไป ต้องมีผู้ใหญ่ไปด้วยนะคะ"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน
อืดอาด มีเรื่องคู่นั้นคู่นี้แทรกมาตลอด แล้วยังออกทะเลไปไม่รู้กี่รอบ วนอยู่แต่กับความโง่ของนางเอกและความปิดปังเพราะรักของพระเอก เฮ้อ ทนอ่านมาเพราะอยากรู้ตอนจบ แต่หงุดหงิกมาก...
ฝึกฝนตัวเองหาทางช่วยสามีมันก็ดี แต่ถึงขนาดทิ้งลูกให้คนอื่นดูแลนี่ไม่ไหว เลี้ยงเด็กยังไงให้เป็นแบบนี้ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แถมเป็นภาระ ใช้ชีวิตโง่ ๆ มีศัตรูอยู่ แต่ไม่พาการ็ดไปด้วย พอลูกมีปัญหาที่รร. แทนที่จะเรียกสามี มาช่วยตั้งแต่แรก เสือกจะสู้เอง...
นางเอกอ้อนแอแถมโง่ แต่ก็ไม่ฟังพระเอก เสือกวิ่งไปวิ่งมาให้ถูกคนทำร้าย อ่านแล้วรำคาญ...
นางเอกโง่เง่าไม่มีการพัฒนา...
ทำไมไม่บอกพระเอกแล้วให้จัดการกับนังนั่น...
โอน่อหยาก็รู้นี่นาว่านางเอกเป็นคู่หมั้นประธาน ทำไมยังกล้าใส่ร้ายหรือแปลกใจว่านางเอกยังมีคนหนุน...
เนื้อเรื่องยืดยาวววน่าเบื่อมาก วนไปมาไม่เข้าเรื่องสักทีอ่านจนไม่อยากอ่านต่อน่าเบื่อเกิน ไม่เข้าเรื่องพระเอกกับนางเอกสักที วนอยู่ที่เดิมจนไม่น่าติดตามเพราะน่าเบื่อ...