"คุณโห้นี่วางแผนรอบคอบจริงๆ เลยนะคะ" เธอกล่าวชม
ไม่ต้องทายก็รู้ ว่าการที่จะทำงานได้ละเอียดขนาดนี้ ลำพังแค่คนในสวนสนุกไม่มีทางทำได้ขนาดนี้แน่นอน เกรงว่ารปภ.เมื่อกี้จะเป็นคนของโห้หลีเฉินด้วยสิ
โห้หลีเฉินเหลียวมองมาข้างๆ แล้วมองเธอด้วยสายตาที่จางๆ "คุณนายโห้ ถ้าอยากชมจากใจจริงละก็ ทำไมไม่แสดงออกทางการกระทำด้วยเลยล่ะครับ"
พูดไป ปลายนิ้วของเขาก็จิ้มไปที่แก้มของตัวเอง
ความหมายคือ หอมแก้มเขา
เย้นหว่านหน้าแดงขึ้นมาทันที "หน้าไม่อาย ฝันไปเถอะ"
เธอหันหน้าออกด้วยความเขินอาย ไม่มองหน้าเขาแล้ว
โห้หลีเฉินยังคงจ้องเธอตาเป็นประกาย แววตาเต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก สาวน้อยของเขา ถึงแม้จะอยู่ด้วยกันมานานขนาดนี้แล้ว จดทะเบียนสมรสกันแล้ว แต่เธอก็ยังขี้อายอยู่ดี
ตอนที่เธอเขินนั้นดูสวยและน่าหลงใหลมาก
เขาอยากจะจ้องมองเธอแบบนี้ต่อไปนานๆ ตราบนานเท่านาน
"ตืดตืดตืด------"
มือถือที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงได้สั่นขึ้น
เขาเคยบอกไว้แล้ว ว่าวันนี้จะออกมาเที่ยวกับครอบครัว ถ้าไม่มีเรื่องอะไรที่สำคัญมากๆ ก็ห้ามโทรมารบกวนเขาเด็ดขาด
การที่มีสายโทรเข้าในตอนนี้ มันจึงต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่ๆ
โห้หลีเฉินหยิบมือถือขึ้นมาดู จากนั้นก็หันไปกระซิบกับเย้นหว่าน
"คุณอยู่ดูพวกเขาไปก่อนนะครับ ผมขอไปรับสายแป๊บหนึ่ง"
เย้นหว่านรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม "คุณไม่ต้องห่วง ไปได้เลยค่ะ"
โห้หลีเฉินถึงได้จากไป แล้วไปรับสายในที่ลับตาคน
เย้นหว่านมองตามแผ่นหลังของเขาอย่างเหม่อลอย ผ่านไปไม่นานเธอก็ได้หันกลับมาด้วยความหนักใจ เฝ้ามองเด็กๆ ทั้งสองต่อไป
ในใจ กลับอยู่ไม่เป็นสุขเลย
การโทรหาโห้หลีเฉินในเวลาแบบนี้ จะเป็นเรื่องอะไรนะ?
ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องไม่ดีอะไรขึ้นรึเปล่า?
"คุณคะ ฉันขอนั่งตรงนี้ได้มั้ยคะ?"
ระหว่างที่กำลังใช้ความคิดอยู่นั้น ก็ได้มีหญิงสาววัยรุ่นคนหนึ่งเดินเข้ามา แล้วชี้ไปยังที่นั่งที่อยู่ข้างๆ เย้นหว่าน
เนื่องจากออร่าของโห้หลีเฉินนั้นรุนแรงเกินไป ต่อให้อยู่ในสถานการณ์ที่มีผู้ปกครองอยู่มากมาย ที่นั่งซ้ายขวาของเย้นหว่านก็ยังไม่มีใครเข้ามานั่งอยู่ดี
ตอนนี้ พอโห้หลีเฉินไปแล้ว ก็มีคนเข้ามานั่ง
เย้นหว่านพยักหน้า "ได้อยู่แล้วค่ะ"
หญิงสาวเดินเข้ามา แล้วนั่งลงไปตรงฝั่งที่โห้หลีเฉินไม่ได้นั่ง โดยนั่งอยู่ใกล้ๆ เย้นหว่าน
ตอนแรกก็คิดว่าเป็นแค่คนทั่วไปที่มาหาที่นั่งเท่านั้น แต่ไม่นึกเลย ว่าหญิงสาวคนนี้จะเป็นพวกพูดมาก หรืออาจเป็นคนที่อยู่มาตั้งแต่แรก แล้วตั้งใจเข้ามาหาเย้นหว่านก็ไม่รู้
เธอถามอย่างสุภาพว่า "คุณคะ เด็กน้อยที่น่ารักสองคนนั้น เป็นลูกของคุณเหรอคะ?"
กับคนแปลกหน้าที่เข้ามาถามอย่างเป็นมิตรแบบนี้ ที่ผ่านมาเย้นหว่านก็ไม่เคยปฏิเสธอย่างเย็นชาอยู่แล้ว
เธอยิ้มออกมา "ใช่ค่ะ"
"ยีนของคุณกับสามีของคุณนี่ดีจริงๆ" หญิงสาวกล่าวชมออกมาอย่างตรงๆ "แต่ฉันนั้นแตกต่างออกไป ลูกของฉันได้รับแต่ข้อเสียจากตัวฉัน เลยไม่ได้ดูดีเท่าไหร่"
เย้นหว่านแอบสบถออกมาในใจ มันไม่ใช่ว่ายีนของเธอกับสามีดีหรอก ถ้าจะพูดให้ถูก ต้องบอกว่ายีนของโห้หลีเฉินนั้นแข็งแกร่งเกินไปต่างหาก
หญิงสาวพูดต่อ "คุณดูสิ นั่นคือลูกสาวฉัน เธอเป็นลูกครึ่ง ไม่มีดั้งเลยสักนิด"
เย้นหว่านมองตามสายตาของหญิงสาวไป แล้วได้พบกับเด็กสาวที่น่ารักคนหนึ่ง
เธอมีใบหน้าที่ค่อนข้างน่ารัก ดั้งที่แบนราบได้รับการส่งต่อจากหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างๆ ไปเต็มๆ จนเหมือนกันเป๊ะ
ถ้ามีดั้งขึ้นมาสักนิด เด็กสาวคนนี้ก็จะดูดีขึ้นมาอีกระดับเลย
"ตอนนี้ก็น่ารักมากๆ แล้วค่ะ" เย้นหว่านยิ้ม
"พ่อของเธอเป็นคนเยอรมัน ถ้าได้จมูกของพ่อมา ถึงจะนับว่าดูดีจริงๆ"
หญิงสาวพูดจาจุกจิก เอาแต่พูดถึงลูกสาวของตัวเอง และพูดอย่างไม่จบไม่สิ้น
เย้นหว่านก็รู้สึกเบื่อพอดี จึงได้พูดคุยกับหญิงสาวไปอย่างไม่คิดอะไร
ในอีกด้านหนึ่ง โห้หยูเซิงถูกแรบบิทไล่จนยอมยกธงขาวแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน
อืดอาด มีเรื่องคู่นั้นคู่นี้แทรกมาตลอด แล้วยังออกทะเลไปไม่รู้กี่รอบ วนอยู่แต่กับความโง่ของนางเอกและความปิดปังเพราะรักของพระเอก เฮ้อ ทนอ่านมาเพราะอยากรู้ตอนจบ แต่หงุดหงิกมาก...
ฝึกฝนตัวเองหาทางช่วยสามีมันก็ดี แต่ถึงขนาดทิ้งลูกให้คนอื่นดูแลนี่ไม่ไหว เลี้ยงเด็กยังไงให้เป็นแบบนี้ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แถมเป็นภาระ ใช้ชีวิตโง่ ๆ มีศัตรูอยู่ แต่ไม่พาการ็ดไปด้วย พอลูกมีปัญหาที่รร. แทนที่จะเรียกสามี มาช่วยตั้งแต่แรก เสือกจะสู้เอง...
นางเอกอ้อนแอแถมโง่ แต่ก็ไม่ฟังพระเอก เสือกวิ่งไปวิ่งมาให้ถูกคนทำร้าย อ่านแล้วรำคาญ...
นางเอกโง่เง่าไม่มีการพัฒนา...
ทำไมไม่บอกพระเอกแล้วให้จัดการกับนังนั่น...
โอน่อหยาก็รู้นี่นาว่านางเอกเป็นคู่หมั้นประธาน ทำไมยังกล้าใส่ร้ายหรือแปลกใจว่านางเอกยังมีคนหนุน...
เนื้อเรื่องยืดยาวววน่าเบื่อมาก วนไปมาไม่เข้าเรื่องสักทีอ่านจนไม่อยากอ่านต่อน่าเบื่อเกิน ไม่เข้าเรื่องพระเอกกับนางเอกสักที วนอยู่ที่เดิมจนไม่น่าติดตามเพราะน่าเบื่อ...