เย้นหว่านถึงจะตระหนักได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ
เธอลุกขึ้นยืนอย่างตื่นตระหนก วิ่งไปตรงหน้าแรบบิท ก็เห็นเด็กน้อยนั่งนิ่งอย่างเชื่อฟัง มองออกไปนอกหน้าต่าง เพียงแค่แววตากลับว่างเปล่า ราวกับตุ๊กตาที่ไม่มีวิญญาณ
เย้นหว่านกระวนกระวาย นิ้วมือที่สั่นเทาจิ้มลงบนไหล่ของเธอ
"แรบบิท...หนูมองแม่สิคะ แรบบิท..."
เธอเรียกเธออย่างระมัดระวัง แต่ว่าแรบบิทกลับไม่ตอบอะไรเธอเลย แค่นั่งอยู่เงียบๆ
เงียบ ทำให้เย้นหว่านสงสัย เธอได้ตายไปแล้วหรือเปล่า
ภายใต้การกระทบทางจิตใจอย่างมาก เย้นหว่านเอื้อมมือไปทดสอบจมูกของเธอ หายใจแผ่วเบาและลากยาว ไม่มีปัญหาใดๆ
เธอถอนหายใจ และรีบไปตรวจร่างกายของเธออีกครั้ง
ผิวหนังที่แตกออกดีขึ้นแล้ว ตรวจสอบอย่างคร่าวๆ ร่างกายของเธอก็ไม่ได้บาดเจ็บหรือแย่เป็นพิเศษ การหายใจและการเต้นของหัวใจล้วนปกติ
ก็แค่ ทำไมเธอกลับไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองอะไรเลย เหมือนกับเป็นตุ๊กตาที่ไม่มีวิญญาณตัวหนึ่ง?
"แรบบิท แรบบิท หนูเป็นอะไร? เพราะตกใจมากใช่หรือไม่ ขอโทษนะ แม่ปกป้องหนูไม่ดี หนูยกโทษให้แม่ได้มั้ย? หนูพูดสิคะ มองแม่สิ ได้มั้ย?"
เย้นหว่านจับไหล่ของเธอแน่นขึ้นเรื่อยๆ พยายามให้แรบบิทพูด ขยับซักนิดก็ดี แต่ว่าเธอก็ยังคงไม่มีการตอบสนองใดๆ
มีเพียงแค่นานๆจะกระพริบตาสักที
กงจืออวียืนอยู่หน้าประตู อธิบายด้วยสีหน้าปวดใจ "แรบบิทรอดชีวิตจากยามนุษย์พันธุ์แกร่งด้วยตัวเอง แต่เธอมีร่างกายที่พิเศษ เลยยังไม่รวมเข้ากับยาเหลวที่เสริมความแข็งแกร่งอย่างสมบูรณ์ ส่งผลให้ตอนนี้...ตั้งแต่เธอตื่นขึ้นมาก็เป็นแบบนี้ นั่งนิ่งตลอด ไม่พูดจา ไม่ตอบสนอง กระทั่งไม่รู้สึกอะไรเลย ถ้าหากไม่ใช่เพราะเธอลืมตาอยู่ ตอนนี้เธอก็คงจะเป็นเจ้าหญิงนิทราไปแล้ว..."
เสียงดัง "ตุบ" เย้นหว่านขาอ่อนล้มลงกับพื้น
ประเภทเดียวกับเจ้าหญิงนิทรา?
"แม่ได้ตามหมอมาดูหลายคนแล้ว ไม่มีวิธีปลุกเธอได้เลย ตอนนี้คนเดียวที่สามารถช่วยแรบบิทได้ มีแค่ป่ายฉีเท่านั้น ขอแค่ป่ายฉีกลับมา เขาจะต้องมีวิธีช่วยแรบบิทได้แน่นอน"
พูดถึงสุดท้าย ในน้ำเสียงของกงจืออวีก็มีความเศร้าที่ปกปิดไม่อยู่
ป่ายฉีก็ถูกระเบิดที่ทะเลทรายฝังไปแล้ว ตอนนี้ไม่รู้เป็นหรือตาย
ครั้งนี้ ตระกูลเย้นสูญเสียอย่างหนัก ประสบกับการสูญเสียครั้งใหญ่อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
เย้นหว่านนั่งบนพื้นด้วยความหนาวสั่นและแข็งทื่อไปทั้งตัว ขอบตาที่ยังไม่แห้ง ก็เต็มไปด้วยน้ำตาอีกครั้ง
เธอเพิ่งจะมีความหวังเล็กๆขึ้นมา กลับถูกโจมตีหนักขนาดนี้อีกครั้ง
แรบบิทอาการแบบนี้ หากว่ารอป่ายฉีไม่ไหว เธอก็ต้องสลายไป...
"เสี่ยวหว่าน แรบบิทพยายามมากเข้มแข็งมากเลยนะ ไอ้ยาชั่วช้านั่น ไม่ใช่เด็กทั่วๆไปจะสามารถทนรับได้ แรบบิทกลับรอดมาได้ โชคดีที่ยังมีชีวิตอยู่ มิฉะนั้น วันนั้นเธอก็คงจะ..."
กงจืออวีพยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ร่วงลงมา "ตอนนี้ดีที่มีเวลา มีโอกาส พวกเราแค่ต้องรอพี่ชายของลูกพาป่ายฉีและโห้หลีเฉินกลับมา ทุกอย่างก็จะดี"
"แรบบิทเข้มแข็งขนาดนี้แล้ว เสี่ยวหว่าน ลูกน่ะในฐานะแม่ ในฐานะภรรยา ก็ต้องเข้มแข็งเช่นกัน"
ในฐานะแม่
ในฐานะภรรยา
เธอต้องเข้มแข็ง
คำพูดนี้ดังก้องวนอยู่ในหัวของเย้นหว่าน ทำให้โลกที่พังทลายของเธอ บังคับให้รวมเข้าด้วยกัน
ถึงแม้จะเจ็บปวดจนไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้อีกต่อไป แต่ว่าเพื่อพวกเขา เธอก็จำเป็นต้องลุกขึ้นยืน
เย้นหว่านเงียบไปพักหนึ่ง เธอค่อยๆเอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาบนใบหน้าให้แห้ง จากนั้นก็ยกมือขึ้นจัดเสื้อผ้าให้แรบบิทอย่างระมัดระวัง
เธอลุกยืนขึ้น พูดกับกงจืออวีว่า:
"แม่ เตรียมกำลังคน หนูจะไปทะเลทราย"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน
อืดอาด มีเรื่องคู่นั้นคู่นี้แทรกมาตลอด แล้วยังออกทะเลไปไม่รู้กี่รอบ วนอยู่แต่กับความโง่ของนางเอกและความปิดปังเพราะรักของพระเอก เฮ้อ ทนอ่านมาเพราะอยากรู้ตอนจบ แต่หงุดหงิกมาก...
ฝึกฝนตัวเองหาทางช่วยสามีมันก็ดี แต่ถึงขนาดทิ้งลูกให้คนอื่นดูแลนี่ไม่ไหว เลี้ยงเด็กยังไงให้เป็นแบบนี้ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แถมเป็นภาระ ใช้ชีวิตโง่ ๆ มีศัตรูอยู่ แต่ไม่พาการ็ดไปด้วย พอลูกมีปัญหาที่รร. แทนที่จะเรียกสามี มาช่วยตั้งแต่แรก เสือกจะสู้เอง...
นางเอกอ้อนแอแถมโง่ แต่ก็ไม่ฟังพระเอก เสือกวิ่งไปวิ่งมาให้ถูกคนทำร้าย อ่านแล้วรำคาญ...
นางเอกโง่เง่าไม่มีการพัฒนา...
ทำไมไม่บอกพระเอกแล้วให้จัดการกับนังนั่น...
โอน่อหยาก็รู้นี่นาว่านางเอกเป็นคู่หมั้นประธาน ทำไมยังกล้าใส่ร้ายหรือแปลกใจว่านางเอกยังมีคนหนุน...
เนื้อเรื่องยืดยาวววน่าเบื่อมาก วนไปมาไม่เข้าเรื่องสักทีอ่านจนไม่อยากอ่านต่อน่าเบื่อเกิน ไม่เข้าเรื่องพระเอกกับนางเอกสักที วนอยู่ที่เดิมจนไม่น่าติดตามเพราะน่าเบื่อ...