เมื่อถึงเรือนของกงจืออวี ยังไม่ทันที่จะได้เข้าไป ก็ถูกสาวใช้รั้งไว้แล้ว
"คุณชายป่ายฉี ท่านมาได้อย่างไรคะ"
เมื่อสาวใช้เห็นป่ายฉีแล้วก็ดูไม่เหมือนปกติเช่นเคย แต่กลับมีอาการลนลาน
ป่ายฉีขมวดคิ้ว "ผมต้องการเจอคุณนาย"
"คุณชายป่ายฉีโปรดรอสักครู่ ดิฉันจะไปรายงานเดี๋ยวนี้"
สาวใช้รีบหันหลังแล้วไปเคาะประตู หนำซ้ำยังมีการแอบเหลือบมามองป่ายฉี ราวกับเหมือนกลัวว่าเขาจะเดินตามมา
ทั้งหมดนี้ล้วนดูผิดปกติ ผิดปกติจนเหมือนกับว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้น
ป่ายฉีสังเกตสี่งเหล่านี้ด้วยใจที่จดจ่อ ยืนอยู่ที่เดิม ไม่พูดไม่จา
เมื่อประตูถูกเปิดออก สาวใช้ก็รีบเดินเข้าไปตามช่องประตู และเหมือนกับว่ากำลังรายงาน
ผ่านไปสักพัก ประตูถูกเปิดออกอีกครั้ง เย้นเจิ้นจื๋อเดินออกมาจากด้านใน
เมื่อเทียบกับเมื่อก่อน ผมของเขานั้นขาวขึ้นมากพอสมควร รอยเหี่ยวย่นบนใบหน้าก็เพิ่มขึ้น ประหนึ่งจากชายวัยกลางคนที่หล่อเหลา ก้าวเข้าสู่วัยชราในบัดดล
สีหน้าของเขานั้นยังเป็นปกติ ยังคงสง่างาม
เขามองป่ายฉีแล้วยิ้ม จากนั้นถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง :"นายมาได้อย่างไร อาการป่วยของแรบบิทมีความคืบหน้าหรือยัง"
"คืบหน้านิดหน่อยครับ" ป่ายฉีพยักหน้า "ตอนนี้ผมต้องการข้อมูลการวิจัยขององค์กรในทะเลทราย จะมีวิธีเอามาได้ไหมครับ"
เย้นเจิ้นจื๋อพยักหน้าโดยไม่แม้แต่จะคิดไตร่ตรอง
"ผมจะรีบเอาให้นายโดยเร็วที่สุด"
นั่นหมายถึงร้อยทั้งร้อยเอามาได้อย่างแน่นอน
ตระกูลเย้นอ่อนอำนาจกำลัง ถูกหยูฉู่สองตามโจมตีมาโดยตลอด ทำไมจู่ ๆ ถึงราบรื่นได้ขนาดนี้
จิตใจของป่ายฉีเต็มไปด้วยความสับสนมึนงง
เย้นเจิ้นจื๋อเห็นเขายังไม่ไป จึงได้ถามขึ้นอีก "ยังมีเรื่องอะไรอีกหรือเปล่า"
ป่ายฉีลังเลครู่หนึ่ง แล้วกล่าวขึ้น "ที่บ้านมีเรื่องเกิดขึ้นใช่ไหม"
เย้นเจิ้นจื๋อสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย จากนั้นก็กลับมาเป็นปกติทันใด จึงมองไม่เห็นถึงความแปรปรวนแม้แต่น้อย
"ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ยังเป็นเหมือนเดิม นายทำการวิจัยโรคของแรบบิทได้อย่างสบายใจได้เลย เรื่องอื่นไม่ต้องไปสนใจ"
ก่อนหน้านี้ เขาคิดว่าพวกเขาเป็นห่วงแรบบิท ดังนั้นจึงให้เขาทุ่มเทกับการรักษาให้กับแรบบิท
แต่ว่าตอนนี้ เขากลับเพิ่งสังเกตเห็นอย่างชัดเจนว่า พวกเขานั้นมีเรื่องปิดบังเขา
และยังเป็นเรื่องที่ใหญ่อีกด้วย
ป่ายฉีอยู่ก็ยิ่งรู้สึกหงุดหงิดสับสน พยักหน้า "ครับ อย่างนั้นผมกลับก่อนนะครับ"
เขาหันหลังแล้วมุ่งเดินออกไปด้านนอก
เย้นเจิ้นจื๋อเห็นเขาจากไปแล้ว ก็เลยหันหน้าเดินไปยังห้อง ท่าทีที่มีสง่าราศีของเขาได้เลือนหายไป เหมือนกับชายชราที่ค่อยๆแก่เฒ่าไป
ทั้งตัวเต็มไปด้วยความทุกข์
เขาเปิดประตูห้อง ต้องการที่จะเดินเข้าไป ทันใดนั้นก็มีแขนข้างหนึ่งยื่นมาจากด้านหลัง แล้วใช้แรงผลักประตูจนเปิดออก
เย้นเจิ้นจื๋อหันหน้าด้วยความตกใจ "ป่ายฉีนายทำอะไร"
ป่ายฉีที่เดินจากไปแล้วได้เดินกลับมา และมองตรงเข้าไปในห้อง
เห็นกงจืออวีกำลังนั่งอยู่บนเตียง กอดรูปเย้นหว่านไว้ในอก นิ้วมือจับเข้าที่ใบหน้าของเย้นหว่าน
ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยหยดน้ำตา ดวงตาแดงก่ำ ไม่รู้ว่าร้องไห้มานานแค่ไหน ร้องไห้มากี่วันถึงได้เป็นถึงขนาดนี้
ผมเผ้ากระยุ่งเหยิง ใบหน้าซีดเผือด เป็นความกระเซอะกระเซิงที่ป่ายฉีไม่เคยเห็นมาก่อน
ป่ายฉีมองภาพนี้ก็ยืนแข็งอยู่กับที่ราวกับถูกสายฟ้าฟาด
"ออกไปเดี๋ยวนี้!"
เย้นเจิ้นจื๋อโมโหตวาดขึ้น แล้วผลักป่ายฉีออกไป จากนั้นปิดประตูอย่างแรง
ผู้นำโมโห น่ากลัวสุด ๆ
แต่ป่ายฉีตกใจยืนอยู่ที่เดิม จ้องมองเย้นเจิ้นจื๋อด้วยแววตาเบิกกว้าง ริมฝีปากขยุบขยิบ หลังจากผ่านไปนานสักพัก ถึงเปล่งเสียงพูดออกมาอย่างยากลำบาก
"เสี่ยวหว่าน เธอ เป็นอะไร"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน
อืดอาด มีเรื่องคู่นั้นคู่นี้แทรกมาตลอด แล้วยังออกทะเลไปไม่รู้กี่รอบ วนอยู่แต่กับความโง่ของนางเอกและความปิดปังเพราะรักของพระเอก เฮ้อ ทนอ่านมาเพราะอยากรู้ตอนจบ แต่หงุดหงิกมาก...
ฝึกฝนตัวเองหาทางช่วยสามีมันก็ดี แต่ถึงขนาดทิ้งลูกให้คนอื่นดูแลนี่ไม่ไหว เลี้ยงเด็กยังไงให้เป็นแบบนี้ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แถมเป็นภาระ ใช้ชีวิตโง่ ๆ มีศัตรูอยู่ แต่ไม่พาการ็ดไปด้วย พอลูกมีปัญหาที่รร. แทนที่จะเรียกสามี มาช่วยตั้งแต่แรก เสือกจะสู้เอง...
นางเอกอ้อนแอแถมโง่ แต่ก็ไม่ฟังพระเอก เสือกวิ่งไปวิ่งมาให้ถูกคนทำร้าย อ่านแล้วรำคาญ...
นางเอกโง่เง่าไม่มีการพัฒนา...
ทำไมไม่บอกพระเอกแล้วให้จัดการกับนังนั่น...
โอน่อหยาก็รู้นี่นาว่านางเอกเป็นคู่หมั้นประธาน ทำไมยังกล้าใส่ร้ายหรือแปลกใจว่านางเอกยังมีคนหนุน...
เนื้อเรื่องยืดยาวววน่าเบื่อมาก วนไปมาไม่เข้าเรื่องสักทีอ่านจนไม่อยากอ่านต่อน่าเบื่อเกิน ไม่เข้าเรื่องพระเอกกับนางเอกสักที วนอยู่ที่เดิมจนไม่น่าติดตามเพราะน่าเบื่อ...