ในที่สุดก็แยกจากกับป้าคนนั้น ป่ายฉีพาหานจื่อเดินออกมาจากลิฟต์ แล้วพาเธอเดินไปยังห้องที่อยู่ตรงกลางจากทั้งหมดสามห้อง
เปิดประตูออกแล้วพาหานจื่อเดินเข้าไป
ในห้องได้ติดตั้งน้ำไฟและกระเบื้องเซรามิก แต่กลับไม่มีเฟอร์นิเจอร์ จึงทำให้ดูว่างเปล่า
หานจื่อคุ้นชินกับการกวาดสแกนมองรอบ ๆ ก่อน เมื่อพบว่าไม่มีอันตรายและสิ่งที่ใช้ได้แล้ว ก็ไม่สนใจต่อไป ยืนข้างๆป่ายฉีด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย
ป่ายฉีดึงมือของเธอแล้วเดินเข้าไปด้านใน "ตรงนี้คือห้องรับแขก ตรงนี้คือห้องนอน ตรงนี้คือนอนอีกห้องหนึ่ง ตรงนี้คือห้องหนังสือ ตรงนี้คือห้องครัว ห้องน้ำ......"
เขาทำแนะนำทั้งหมด หานจื่อฟังด้วยความเบื่อหน่าย
สะบัดมือของเขาทิ้ง "แล้ว?"
"ต่อไปที่นี่ก็คือบ้านของคุณ" ป่ายฉียิ้มแล้วมองเธอ
บ้าน?
คำนี้ทำให้หานจื่อถึงกับตะลึง รู้สึกถึงความไม่คุ้นชินและความแดกดัน
เธอไม่มีวันมีบ้าน ยิ่งไม่ต้องการให้บ้านหลังหนึ่งกลายเป็นบ้านของตัวเอง
"อ๊ะ นี่เป็นของคุณ"
ป่ายฉีนำโฉนดบ้านยัดใส่มือของหานจื่อ และเปิดให้เธอดู "เขียนด้วยชื่อของคุณ คุณเป็นเจ้าของบ้านที่นี่"
หานจื่อค่อนข้างประหลาดใจ ชะงักค้างไปชั่วครู่
ชื่อของเธอ
บ้านหลังนี้เป็นชื่อของเธอ
เป็นของเธอเหรอ
ความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของแบบนี้ทำให้เธอรู้สึกไม่คุ้นเคยมาก ๆ เธอไม่เคยมีอะไรที่เป็นของตัวเองมาก่อน เพราะว่าตัวเธอยังเป็นขององค์กรเลย
แต่ตอนนี้เธอมีโฉนดบ้านเป็นของตัวเอง มีบ้านเป็นของตัวเองแล้ว
ความรู้สึกนี้ ทำให้หัวใจที่เยือกเย็นของหานจื่อสั่นโดยที่ควบคุมไม่ได้ เกิดความปั่นป่วนขึ้นในหัวใจ
เธอรู้สึกไม่คุ้นเคยกับความรู้สึกนี้ สักพักก็ระงับอาการสั่นนี้ลงได้ทันที
เธอยัดโฉนดบ้านใส่ในมือของป่ายฉี "ฉันไม่ต้องการ"
"แต่อย่างไรในนี้ก็เป็นชื่อของคุณ คุณจะต้องการหรือไม่ มันก็เป็นของคุณไปแล้ว อ๊ะ กุญแจวางก็ไว้ตรงนี้ให้คุณ"
ป่ายฉีนำโฉนดบ้านและกุญแจวางไว้ที่เคาน์เตอร์ในห้องครัว
หานจื่อดวงตากะพริบ เหลือบไปมองโฉนดบ้านและกุญแจ แล้วก็เบือนหน้าหนีทันที ไม่มองกลับไปมองอีก
ป่ายฉีรู้นิสัยของเธอ เย็นชาสุดขีด
เขามองไปยังบ้านแล้วกล่าวว่า:"บ้าน ต้องให้ตัวเองตกแต่งถึงจะเกิดความอบอุ่น เพราะฉะนั้นถึงยังไม่ได้ตกแต่งใด ๆ ไปกันเถอะ พวกเราออกไปซื้อกันตอนนี้"
ป่ายฉีเดินออกไปด้านนอก
หานจื่อกลับยืนอยู่ที่เดิมโดยไม่ขยับเขยื้อน
ป่ายฉีเดินออกจากประตู และก็หันหลังครึ่งตัวกลับมามอง จ้องเธอราวกับจะยิ้มไม่ยิ้มและกล่าวเหน็บแนม
"ทำไม ไม่อยากจะจากบ้านใหม่ของตัวเองหรือไง"
หานจื่อเรียบเฉย "ไม่จำเป็นต้องซื้อเฟอร์นิเจอร์หรอก บ้านนี้ฉันก็ไม่รับด้วย อย่าเสียเวลาทำเรื่องแบบนี้เลย"
ป่ายฉีส่ายหน้า "ใครบอกว่าเสียเวลา ไม่แน่เมื่อคิด ๆ ดูคุณอาจจะชอบที่นี่และเห็นว่าเป็นบ้านของคุณก็ได้"
หานจื่อ:"เป็นไปไม่ได้"
"แล้วแต่คุณจะพูดเถอะ แต่ว่าเฟอร์นิเจอร์นี้ยังไงก็ต้องซื้อ นี่ก็เป็นส่วนหนึ่งของการวิจัย คุณจะต้องให้ความร่วมมือ"
"วิจัยอีกแล้ว!"
หานจื่อเกลียดที่สุดตอนนี้ไม่ใช่ป่ายฉี แต่เป็นสองคำนี้ ที่คอยหนีบเธอเอาไว้ตลอดเวลา ราวกับโซ่ตรวนก็ไม่ปาน
และยังให้เธอไม่สามารถตอบโต้ได้อีก
หานจื่อเดินออกด้านนอกด้วยใบหน้าเย็นชา ตอนที่ออกจากประตูห้องไปนั้น ในใจกลับผุดความรู้สึกแปลก ๆ ที่อธิบายไม่ถูก
เพียงเพื่อการวิจัย ดังนั้นสิ่งที่เรียกว่าบ้านนั้น ก็เป็นเพียงอุปกรณ์เท่านั้นเอง
เธอไม่มีทางมองมันอีก
ท่าทางของหานจื่อมักจะเย็นชาเสมอ ป่ายฉีดูไม่ออกถึงสีหน้าอารมณ์ของเธอว่ามีสุข ทุกข์ โกรธ และก็ขี้เกียจจะดูออกด้วย
เขาทำตามแผนของตัวเอง พาหานจื่อไปที่แหล่งขายเฟอร์นิเจอร์
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน
อืดอาด มีเรื่องคู่นั้นคู่นี้แทรกมาตลอด แล้วยังออกทะเลไปไม่รู้กี่รอบ วนอยู่แต่กับความโง่ของนางเอกและความปิดปังเพราะรักของพระเอก เฮ้อ ทนอ่านมาเพราะอยากรู้ตอนจบ แต่หงุดหงิกมาก...
ฝึกฝนตัวเองหาทางช่วยสามีมันก็ดี แต่ถึงขนาดทิ้งลูกให้คนอื่นดูแลนี่ไม่ไหว เลี้ยงเด็กยังไงให้เป็นแบบนี้ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แถมเป็นภาระ ใช้ชีวิตโง่ ๆ มีศัตรูอยู่ แต่ไม่พาการ็ดไปด้วย พอลูกมีปัญหาที่รร. แทนที่จะเรียกสามี มาช่วยตั้งแต่แรก เสือกจะสู้เอง...
นางเอกอ้อนแอแถมโง่ แต่ก็ไม่ฟังพระเอก เสือกวิ่งไปวิ่งมาให้ถูกคนทำร้าย อ่านแล้วรำคาญ...
นางเอกโง่เง่าไม่มีการพัฒนา...
ทำไมไม่บอกพระเอกแล้วให้จัดการกับนังนั่น...
โอน่อหยาก็รู้นี่นาว่านางเอกเป็นคู่หมั้นประธาน ทำไมยังกล้าใส่ร้ายหรือแปลกใจว่านางเอกยังมีคนหนุน...
เนื้อเรื่องยืดยาวววน่าเบื่อมาก วนไปมาไม่เข้าเรื่องสักทีอ่านจนไม่อยากอ่านต่อน่าเบื่อเกิน ไม่เข้าเรื่องพระเอกกับนางเอกสักที วนอยู่ที่เดิมจนไม่น่าติดตามเพราะน่าเบื่อ...