พลิกตัวไปมาตลอดทั้งคืน ไม่รู้ว่าพลิกไปพลิกอยู่นานแค่ไหน สุดท้ายเย้นหว่านก็ผล็อยหลับไป
แต่คงเป็นเพราะมีโห้หลีเฉินอยู่ข้างๆ ทำให้เธอนอนหลับสนิทอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ส่งผลให้เธอตื่นมาอีกทีก็เป็นเวลาเที่ยงแล้ว
เป็นไปตามคำพูดที่เธอคุยโวกับเก่อหรูซวนไว้เมื่อคืนนี้จริงๆ ไม่เที่ยงจะไม่ลุกไปบริษัท
ความเหมาะเจาะนี้ทำให้เย้นหว่านรู้สึกตลก พอมองดูดวงอาทิตย์ที่สดใสนอกหน้าต่าง เธอก็รู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย
ไม่รู้สึกเศร้าและหนาวสั่นเหมือนในยามค่ำคืน
เธอปลุกกำลังใจของเธอขึ้นมาใหม่ ถึงแม้ทางข้างหน้าจะลำบากแสนเข็ญ ถึงแม้จะต้องต่อสู้เพียงลำพัง แต่สงครามในครั้งนี้ เธอจะต้องชนะให้ได้
ไม่ว่าความลับของโห้หลีเฉินจะเป็นยังไง ไม่ว่าจะมีกลุ่มอิทธิพลไหนอยู่เบื้องหลัง เธอจะทำลายมันให้สิ้น
แต่ว่า เธอตื่นสายขนาดนี้ โห้หลีเฉินจะให้เธอเลิกทำงานเป็นเลขาของบริษัทหรือเปล่า?
เขาจะไปทำงานแล้วหรือเปล่า?
พอคิดได้แบบนี้ เย้นหว่านก็รู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย เธอรีบคว้าเสื้อผ้ามาใส่ แล้ววิ่งลงไปชั้นล่างทันที
ตอนที่เธอวิ่งมาถึงบันได เธอถึงได้เห็นโห้หลีเฉิน ที่แต่งกายด้วยชุดสุภาพ นั่งดื่มชาอยู่บนโซฟาอย่างสบายอารมณ์
พอได้ยินการเคลื่อนไหว เขาก็เงยหน้าขึ้นมองเธอ ก่อนจะมีสีหน้าอ่อนโยน มองมาที่เธออย่างรักใคร่
"นอนเต็มอิ่มหรือยังครับ?"
เย้นหว่านยืนนิ่งอยู่ที่เดิม รู้สึกเก้ๆ กังๆ และเขินอายเล็กน้อย
นอนจนถึงเที่ยง จะนอนไม่อิ่มได้ยังไงกัน?
เธอถามเสียงแข็ง "ทำไมคุณถึงยังนั่งดื่มชาอยู่ที่นี่คะ? งานไม่ยุ่งหรือไง?"
"ยุ่งครับ"
โห้หลีเฉินมองหน้าเย้นหว่านด้วยรอยยิ้มหวาน "แต่ต้องให้ความร่วมมือกับคุณภรรยาสุดที่รักนอนจนถึงเที่ยงครับ ไม่อย่างนั้นคนอื่นจะคิดว่าเราไม่ได้รักกันพอ"
เย้นหว่าน "..." เธอรู้สึกเหมือนเอามือซุกหีบ
ยากที่จะเผชิญหน้ากับโห้หลีเฉินตรงๆ เธอหันกลับแล้ววิ่งกลับไปที่ห้องอีกครั้ง ก่อนจะปิดประตูเสียงดัง"ปัง"
แม้ว่าเธอจะเขินและโกรธมาก แต่พอเอาหลังพิงประตู มุมปากของเธอก็ยกยิ้มกว้างอย่างควบคุมไม่อยู่
ถึงแม้หัวข้อที่คุยกันเมื่อคืนนี้จะหนักมาก แต่วันนี้ ทุกอย่างก็เหมือนเดิม ราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
พวกเขาเก็บความขุ่นเคืองทั้งหมด ไว้ในส่วนลึกของหัวใจ
ถึงแม้แก้ไขไม่ได้ แต่ทำไมไม่ปรับตัวเข้าหากันล่ะ?
เย้นหว่านอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ แล้วใช่เวลาแต่งหน้าบางๆ ก่อนจะเดินลงไปชั้นล่าง
พอโห้หลีเฉินเห็นเธอ แววตาของเขาเป็นประกายเล็กน้อย ใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาก็ยิ้มกว้าง
"ทำไมถึงต้องแต่งหน้า"
เมื่อก่อน เธอไม่ค่อยได้แต่งหน้า เธอจะแต่งหน้าบางๆ ก็เฉพาะออกไปพบปะสังสรรค์ ปกติจะดูบริสุทธิ์ผุดผ่อง แต่วันนี้ เธอกลับแต่งหน้าจัด และทาริมฝีปากสีแดงอย่างน่าดึงดูด
บุคลิกของเธอ สวยงามและสง่างามมาก
เย้นหว่านก้าวลงบันไดทีละขั้นด้วยรองเท้าส้นสูงสิบเซนติเมตร เธอเชิดคางขึ้นเล็กน้อย เต็มไปด้วยราศีของราชินี
เธอเอ่ยพูด "นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันไปบริษัทของคุณ ฉันต้องสวยที่สุดค่ะ"
โห้หลีเฉินลูบผมของเธออย่างเอ็นดู "เธอจะเป็นยังไงก็สวยครับ ดอกไม้พลาสติกพวกนั้นเทียบหนึ่งในหมื่นของคุณไม่ได้ด้วยซ้ำ"
ทรงผมที่ได้รับการจัดทรงอย่างดียุ่งเหยิงเล็กน้อย เย้นหว่านเกือบจะระเบิดอารมณ์ออกมา แต่พอได้ยินสิ่งที่โห้หลีเฉินพูด เธอก็ยอมยกโทษให้
เห็นแก่ที่เขาพูดว่าผู้หญิงคนอื่นเป็นดอกไม้พลาสติก ครั้งนี้เธอจะยอมยกโทษให้สักครั้ง
มุมปากของยกยิ้มอย่างควบคุมไม่อยู่
เธอเดินนำไปที่ประตู
พอเธอเดินออกไป โห้หลีเฉินก็รีบตามเธอมา ก่อนจะก้าวไปข้างหน้า แล้วโอบไหล่ของเธอ ดึงเธอเข้ามาในอ้อมแขนของเขาทันที
ราศีราชินีของเย้นหว่าน กลายเป็นสาวน้อยขี้อายขึ้นมาทันที
เธอกัดฟันกรอด "คุณทำอะไรคะ ปล่อยฉันนะ"
โห้หลีเฉินทำสีหน้าจริงจัง แล้วพูดอย่างมีเหตุผล "อยู่ข้างนอกต้องแกล้งทำเป็นรักกันมาก ไม่อย่างนั้นคนอื่นจะสงสัยเอาได้"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน
อืดอาด มีเรื่องคู่นั้นคู่นี้แทรกมาตลอด แล้วยังออกทะเลไปไม่รู้กี่รอบ วนอยู่แต่กับความโง่ของนางเอกและความปิดปังเพราะรักของพระเอก เฮ้อ ทนอ่านมาเพราะอยากรู้ตอนจบ แต่หงุดหงิกมาก...
ฝึกฝนตัวเองหาทางช่วยสามีมันก็ดี แต่ถึงขนาดทิ้งลูกให้คนอื่นดูแลนี่ไม่ไหว เลี้ยงเด็กยังไงให้เป็นแบบนี้ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แถมเป็นภาระ ใช้ชีวิตโง่ ๆ มีศัตรูอยู่ แต่ไม่พาการ็ดไปด้วย พอลูกมีปัญหาที่รร. แทนที่จะเรียกสามี มาช่วยตั้งแต่แรก เสือกจะสู้เอง...
นางเอกอ้อนแอแถมโง่ แต่ก็ไม่ฟังพระเอก เสือกวิ่งไปวิ่งมาให้ถูกคนทำร้าย อ่านแล้วรำคาญ...
นางเอกโง่เง่าไม่มีการพัฒนา...
ทำไมไม่บอกพระเอกแล้วให้จัดการกับนังนั่น...
โอน่อหยาก็รู้นี่นาว่านางเอกเป็นคู่หมั้นประธาน ทำไมยังกล้าใส่ร้ายหรือแปลกใจว่านางเอกยังมีคนหนุน...
เนื้อเรื่องยืดยาวววน่าเบื่อมาก วนไปมาไม่เข้าเรื่องสักทีอ่านจนไม่อยากอ่านต่อน่าเบื่อเกิน ไม่เข้าเรื่องพระเอกกับนางเอกสักที วนอยู่ที่เดิมจนไม่น่าติดตามเพราะน่าเบื่อ...