"ขัดขวางพวกเขาไว้ ผมจะเปิดประตูห้องนิรภัย"
ฝู้ยวนเดินถึงด้านหน้าของบานประตูเหล็ก แล้วแตะนิ้วมือ ประตูเหล็กบานนั้นก็ค่อยๆ เปิดแยกออกจากตรงกลาง
ถึงวินาทีสำคัญ หานจื่อก็ใช้แรงต้านอย่างสุดกำลัง ทำหน้าที่อย่างดีที่สุด สกัดกั้นมนุษย์พันธุ์แกร่งที่บ้าคลั่งเหล่านี้ให้ห่างจากฝู้ยวนสองก้าว
ฝู้ยวนมองเห็นคนเหล่านี้ที่ไม่สามารถเข้าใกล้เขาได้ในชั่วขณะหนึ่ง เขาก็โล่งใจลง มองประตูนิรภัยที่ค่อยๆ เปิดกว้างขึ้นอย่างใจร้อน
ขณะที่บานประตูกว้างพอที่ตัวเขาสามารถผ่านเข้าไปได้นั้น เขาก็รีบกดหยุดทันที แล้วหันข้างเอาตัวลอดผ่านช่องประตูเข้าไปด้านใน
เมื่อเขาลอดผ่านเข้าไปแล้วก็จะรีบปิดประตูทันที มนุษย์พันธุ์แกร่งเหล่านั้นตามอย่างไรก็ตามเข้ามาไม่ได้
สำหรับหานจื่อ.....
สายตาของฝู้ยวนเย็นชา เธอสามารถคุ้มกันเขาให้หลบเข้าไปได้ ก็ถือว่าได้แสดงถึงคุณค่าของการมีชีวิตของเธอแล้ว
เขาไม่มีความคิดที่จะพาหานจื่อเข้าไปด้วย
จิตใจของฝู้ยวนเย็นชาสุดขีด ร่างได้ลอดผ่านเข้าไปในประตูแล้วครึ่งตัว มองดูเขาที่กำลังจะผ่านเข้าไปได้สำเร็จ แต่เวลานี้ รอยยิ้มร้ายที่มุมปากของเขากลับหยุดนิ่ง
เขาหันหน้าไปอย่างไม่อยากเชื่อสายตา จ้องมองโห้หลีเฉินที่ไม่รู้ว่าปรากฏตัวอยู่ด้านหลังตั้งแต่เมื่อไหร่ ไม่อยากเชื่อที่ลำคอจะโดนแทงอย่างเจ็บปวด
เขาเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ "เป็น เป็นไปได้ยังไง......"
เขาอยากจะขัดขืน แต่โห้หลีเฉินกลับรวดเร็ว ไม่มีการลังเล ดึงกริชออกจากลำคอของเขา
เลือดสดๆ พุ่งกระฉูดออกมา ฝู้ยวนเบิกตากว้างและหยุดหายใจในทันที
เขายังคงอยู่ในท่าที่คั่นอยู่ระหว่างประตู ไม่ขยับเขยื้อน
เลือดสดๆ ไหลลงตามลำคอของเขา เปรอะเปื้อนเสื้อผ้าของเขาจนเป็นสีแดงทั้งหมด เขาเสียชีวิตอย่างไม่เข้าใจว่าโห้หลีเฉินมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ได้อย่างไร
ลูกน้องของเขาแข็งแกร่งมาก แข็งแกร่งที่สุดก็คือมนุษย์พันธุ์แกร่ง หานจื่อได้ตรวจสอบสถานที่นี้อย่างระมัดระวังหลายครั้ง ด้วยพลังการได้ยินและความเฉียบแหลมของเธอ หากว่ามีคนแอบลอบเข้ามา เป็นไปไม่ได้ที่เธอจะไม่เห็น
ในขณะเดียวกัน กล้องวงจรปิดของที่นี่มีอยู่ทั่วทุกที่ แต่ทำไมถึงไม่มีการแจ้งเตือนใดๆ
แต่ที่สุดแล้ว สิ่งที่ฝู้ยวนไม่เข้าใจ ก็ไม่มีโอกาสที่จะได้เข้าใจอีกแล้ว พลังชีวิตของเขาทั้งหมดได้มลายหายสิ้นลงในฉับพลัน
โห้หลีเฉินโยนกริชที่อยู่ในมือทิ้ง ใช้ผ้าเช็ดหน้าสีขาวเช็ดตรงที่เปื้อนเลือดออก ขณะเดียวกันก็ได้ออกคำสั่งขึ้น:
"หยุด"
มนุษย์พันธุ์แกร่งที่ยังคงโจมตีหานจื่ออย่างดุเดือดอยู่นั้นได้หยุดลง และยืนนิ่งๆ อยู่ข้างๆ อย่างเป็นระเบียบแต่ก็ยังระมัดระวัง
หานจื่อฉวยโอกาสที่พวกเขาหยุดการเคลื่อนไหว จะหนีออกไป แต่ป่ายฉีกลับมาขวางอยู่ตรงด้านหน้าของเธอไว้
เขากล่าว "คุณไม่ต้องหนีแล้ว พวกเขากับพวกเราไม่มีทางโจมตีหรือทำร้ายคุณอีก เมื่อสักครู่ผมเห็นแล้วว่าที่คุณจงใจปล่อยโห้หลีเฉินเข้าไป"
เมื่อสักครู่ที่โห้หลีเฉินสามารถเข้าไปสังหารฝู้ยวนนั้น เป็นเพราะหานจื่อจงใจปล่อยเขาเข้าไป ไม่ได้ขัดขวางเขา
จึงทำให้เขาจัดการได้อย่างง่ายดายขนาดนั้น
ป่ายฉีดีใจมาก เขาคิดไว้ไม่ผิด ตลอดเวลาที่ผ่านมา หานจื่อต่อหน้าคือศัตรูลับหลังคือเพื่อน เธอก็อยากจะสังหารฝู้ยวนเช่นกัน ดังนั้นจึงได้ช่วยพวกเขา ให้ความสะดวกแก่พวกเขา
แม้แต่การที่ป่ายฉีใส่เครื่องติดตามบนตัวของหานจื่อ บางทีใช่ว่าเธอจะไม่รู้
"คุณได้รับบาดเจ็บมาก ผมจะช่วยคุณทำแผล"
ป่ายฉีจะเข้าไปดึงข้อมือของหานจื่อ กำลังจะเข้าไปใกล้นั้น หานจื่อกลับหลบในทันใด
แววตาของเธอเต็มไปด้วยความเย็นเยือกและเมินเฉย ถึงแม้จะไม่มีความอาฆาตแล้ว แต่ก็เต็มห่างเหินความไม่อยากให้ข้าใกล้
"ฝู้ยวนตายแล้ว ฉันก็ไม่มีภารกิจที่จะต้องสังหารคุณอีกแล้ว ระหว่างเรา ไม่จำเป็นต้องติดต่อกันอีก"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน
อืดอาด มีเรื่องคู่นั้นคู่นี้แทรกมาตลอด แล้วยังออกทะเลไปไม่รู้กี่รอบ วนอยู่แต่กับความโง่ของนางเอกและความปิดปังเพราะรักของพระเอก เฮ้อ ทนอ่านมาเพราะอยากรู้ตอนจบ แต่หงุดหงิกมาก...
ฝึกฝนตัวเองหาทางช่วยสามีมันก็ดี แต่ถึงขนาดทิ้งลูกให้คนอื่นดูแลนี่ไม่ไหว เลี้ยงเด็กยังไงให้เป็นแบบนี้ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แถมเป็นภาระ ใช้ชีวิตโง่ ๆ มีศัตรูอยู่ แต่ไม่พาการ็ดไปด้วย พอลูกมีปัญหาที่รร. แทนที่จะเรียกสามี มาช่วยตั้งแต่แรก เสือกจะสู้เอง...
นางเอกอ้อนแอแถมโง่ แต่ก็ไม่ฟังพระเอก เสือกวิ่งไปวิ่งมาให้ถูกคนทำร้าย อ่านแล้วรำคาญ...
นางเอกโง่เง่าไม่มีการพัฒนา...
ทำไมไม่บอกพระเอกแล้วให้จัดการกับนังนั่น...
โอน่อหยาก็รู้นี่นาว่านางเอกเป็นคู่หมั้นประธาน ทำไมยังกล้าใส่ร้ายหรือแปลกใจว่านางเอกยังมีคนหนุน...
เนื้อเรื่องยืดยาวววน่าเบื่อมาก วนไปมาไม่เข้าเรื่องสักทีอ่านจนไม่อยากอ่านต่อน่าเบื่อเกิน ไม่เข้าเรื่องพระเอกกับนางเอกสักที วนอยู่ที่เดิมจนไม่น่าติดตามเพราะน่าเบื่อ...