เธอรีบรับสายขึ้น "คุณโห้ เกิดอะไรขึ้น"
"เร็วเข้า รีบอยู่ให้ห่างจากหน้าต่าง เร็ว ข้างนอกมี.... ตู๊ดๆ ๆ
คำพูดของโห้หลีเฉินยังไม่ทันพูดจบ สัญญาณก็ถูกตัดไป และก็ไม่ได้ยินว่าเขาพูดว่าอะไรอีก
"ฮัลโหล คุณโห้ ฮัลโหลๆ คุณโห้......"
เย้นหว่านจับโทรศัพท์ด้วยความตระหนก ขณะเดียวกันก็มองออกไปนอกหน้าต่าง ตรงนั้นมันมืดไปหมดและพายุลมแรง ที่ดูเหมือนกับปากขนาดใหญ่ของสัตว์ประหลาดในหุบเหวลึก
ทำให้รู้สึกอันตรายจนขนลุกขนพอง
เย้นหว่านไม่มีความลังเลใจแม้แต่น้อย และยิ่งไม่มีการคาดเดา เธอดึงถังจุ้ยมุ่งหน้าไปยังทางออก "พวกเราต้องออกไป"
ยังไม่ทันพูดขาดคำ เธอยังไม่ทันได้วิ่งไปถึงที่หน้าประตู เสียงกระแทก "ปัง" ดังขึ้น ก้องกังวานดังอยู่ด้านหลังของเธอ
เหมือนกับตอนที่เธอเจอในห้องน้ำ วัตถุสีดำขนาดใหญ่กระแทกเข้ามา กระแทกบานกระจกกับผนังเหล็กจนแตกกระจุยกระจาย
ครั้งนี้รุนแรงกว่าเดิม เศษกระจกลอยพุ่งเข้ามาหาตัวเย้นหว่านกับถังจุ้ยราวกับกระสุน
"ระวัง"
ถึงแม้ถังจุ้ยยังอยู่ในอาการเมาเรืออย่างหนัก ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ ก็ยังคงมีความรู้สึกไวต่อการตอบสนอง และก็ดึงเย้นหว่านมาด้านหน้าในทันที ใช้แผ่นหลังบังเศษกระจกลอยพุ่งเหล่านั้น
"ถังจุ้ย!"
เย้นหว่านตกใจอย่างมาก ภาพรุนแรงนี้เหมือนกับเมื่อสามปีก่อน ตอนนั้นที่อุโมงค์พังทลายลงมา ก็เป็นถังจุ้ยที่บังอยู่ด้านหน้าเธอ ทำให้ชีวิตเธอถึงรอดมาได้
แต่ก็ทำให้เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส นอนสลบหมดสติไปเป็นเวลานาน
ความกลัวจากการที่เขาได้รับบาดเจ็บนั้น กำลังจะเกิดขึ้นอีกครั้ง ทำให้เย้นหว่านมือเท้าเย็นวาบไปหมด เธอกลัวมากจนต้องการจะดึงเขา
ถังจุ้ยกลับดึงมือเธอไปที่ประตู ใบหน้าขาวซีด เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น
"ก็แค่เศษกระจกไม่กี่ชิ้น ผมไม่เป็นไรหรอก รีบออกไปจากห้องกันเถอะ ตอนนี้ริมหน้าต่างมีแต่อันตราย"
เห็นเขาที่เต็มไปด้วยพลัง หัวใจของเย้นหว่านที่วิตกกังวลถึงได้บรรเทาลงบางส่วน
โชคดีประวัติศาสตร์ไม่ซ้ำรอย
เธอไม่สามารถที่จะทนเห็นถังจุ้ยสู้สุดชีวิตเพื่อเธอได้อีกแล้ว
เดินออกไปจากห้อง แล้วปิดประตูจากด้านนอก แต่กลับไม่สามารถที่จะกั้นลมแรงที่หนาวเหน็บนั้นได้ เห็นห้องอื่นๆ รอบๆ ก็เปิดประตูด้วย แต่พวกเขาไม่มีการปิดประตูหลังทำการเปิด ปล่อยให้ลมแรงที่อยู่ด้านนอกพัดโชยเข้ามา
เย้นหว่านขมวดคิ้วแน่น นี่หมายความว่าห้องอื่นๆ ก็ประสบกับปัญหาเช่นเดียวกัน
และอาจจะเลวร้ายกว่าที่เธอเจอ
มีบางคนบนตัวโชกไปด้วยเลือด แล้ววิ่งไปที่ระเบียงทางเดินอย่างลนลาน ทั้งวิ่งทั้งตะโกนทั้งร้องไห้ มีบางคน เพราะออกมาไม่ทัน จึงกรีดร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวดอยู่ในห้อง
เย้นหว่านเดินไปถึงที่หน้าห้องห้องหนึ่ง เห็นเศษกระจกร่วงเต็มพื้น ยังมีเศษกระจกบางส่วนทิ่มอยู่บนตัวคน เป็นร่างสามีภรรยาหนุ่มสาวคู่หนึ่ง ที่ตัวโชกไปด้วยเลือด ถูกเศษกระจกทิ่มทะลุจนหมดลมหายใจ
"ฮือๆ แงๆ "
เสียงเด็กร้องไห้ดังมาจากห้องด้านในนี้
เย้นหว่านถึงได้สังเกตเห็น ว่าในอ้อมกอดของสองสามีภรรยาคู่นี้ ยังมีเด็กน้อยอายุสองขวบอีกคน!
เด็กคนนี้เนื้อตัวเปื้อนไปด้วยเลือด น่าจะเป็นเลือดจากพ่อแม่ เขาตกใจกลัวมาก ร้องไห้สะอึกสะอื้นคลานออกมาจากอ้อมกอดของพวกเขา แล้วลุกขึ้นเดินโขยกเขยกโดยไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อไป
ฉับพลันเย้นหว่านรู้สึกทนไม่ไหว เด็กคนนี้อายุพอๆ กับแรบบิทตามความทรงจำของเธอ ตอนที่แยกจากกับพวกเขา พวกเขาก็อายุก็ประมาณสองขวบเท่านั้น
เด็กที่ตัวเล็กขนาดนี้ ยังไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น จะทนรับกับการสูญเสียพ่อแม่ที่โหดร้ายเช่นนี้ได้อย่างไร
แทบจะโดยสัญชาตญาณ เย้นหว่านเดินเข้าไปในห้องโดยไม่แม้จะคิด เพื่อไปพาเด็กน้อยออกมา
แต่แล้ว เธอเพิ่งจะเดินได้เพียงสองก้าว ก็มีร่างดำตัวนุ่มนิ่มยืดหยุ่นพุ่งเข้ามาจากรูหน้าต่างที่แตก ทั้งแข็งแกร่งและนุ่มนิ่มยืดหยุ่น มาพันตัวของเด็กน้อยไว้ แล้วก็พึ่บพั่บจากไปอย่างรวดเร็ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน
อืดอาด มีเรื่องคู่นั้นคู่นี้แทรกมาตลอด แล้วยังออกทะเลไปไม่รู้กี่รอบ วนอยู่แต่กับความโง่ของนางเอกและความปิดปังเพราะรักของพระเอก เฮ้อ ทนอ่านมาเพราะอยากรู้ตอนจบ แต่หงุดหงิกมาก...
ฝึกฝนตัวเองหาทางช่วยสามีมันก็ดี แต่ถึงขนาดทิ้งลูกให้คนอื่นดูแลนี่ไม่ไหว เลี้ยงเด็กยังไงให้เป็นแบบนี้ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แถมเป็นภาระ ใช้ชีวิตโง่ ๆ มีศัตรูอยู่ แต่ไม่พาการ็ดไปด้วย พอลูกมีปัญหาที่รร. แทนที่จะเรียกสามี มาช่วยตั้งแต่แรก เสือกจะสู้เอง...
นางเอกอ้อนแอแถมโง่ แต่ก็ไม่ฟังพระเอก เสือกวิ่งไปวิ่งมาให้ถูกคนทำร้าย อ่านแล้วรำคาญ...
นางเอกโง่เง่าไม่มีการพัฒนา...
ทำไมไม่บอกพระเอกแล้วให้จัดการกับนังนั่น...
โอน่อหยาก็รู้นี่นาว่านางเอกเป็นคู่หมั้นประธาน ทำไมยังกล้าใส่ร้ายหรือแปลกใจว่านางเอกยังมีคนหนุน...
เนื้อเรื่องยืดยาวววน่าเบื่อมาก วนไปมาไม่เข้าเรื่องสักทีอ่านจนไม่อยากอ่านต่อน่าเบื่อเกิน ไม่เข้าเรื่องพระเอกกับนางเอกสักที วนอยู่ที่เดิมจนไม่น่าติดตามเพราะน่าเบื่อ...