บทที่ 153 ไม่เป็นไรแล้ว
“ตอนนี้ถ้าแกปล่อยฉันไป หรือว่ามัดฉันไว้ที่นี่ ล่อให้โห้หลีเฉินเข้ามา พวกแกยังมีเวลาทัน สามารถหนีออกไปได้”
เย้นหว่านให้คำแนะนำพวกเขา
ตอนนี้สำหรับเธอแล้ว ที่สำคัญที่สุดคือรักษาชีวิต
“พวกแกไม่จำเป็นต้องเอาชีวิตมาเดิมพันเพราะฉันมั้ง?”
คำพูดของเย้นหว่านทำให้สองสามคนนี้หวั่นไหวอยู่บ้างแล้ว
หัวเขียดึงๆหัวทองแล้วพูดอย่างใจอยู่บ้าง “ลูกพี่ ตอนนี้พวกเราหนีกันเถอะ ไปจากเมืองหนานให้ไกลๆ ผู้หญิงคนนี้ไม่ได้ตาย โห้หลีเฉินน่าจะไม่ตามไกลเกินไป”
“จริงด้วย ลูกพี่ ถ้าไม่งั้นพวกเราไปกันเถอะ”
หัวทองสีหน้าสุดจะทน จ้องเย้นหว่านด้วยสายตาโหดเหี้ยม เหมือนกำลังสองจิตสองใจ
ชั่วขณะหนึ่งบรรยากาศตื่นเต้นพอสมควร ความสนใจของทุกคนตกอยู่บนตัวของหัวทอง
หลังจากนั้นพักหนึ่ง ในที่สุดหัวทองก็ตัดสินใจเรียบร้อย
“ได้”
คำเดียวนั้น เสมือนเปิดประตูใหญ่แห่งความหวังภายใต้ความมืดมิดให้เย้นหว่าน
เธอโล่งอกไปทีหนึ่ง แต่ไม่ทันได้ดีใจ กลับได้ยินหัวทองพูดคำพูดวิกลจริตออกมาด้วยความตื่นตระหนก
“ก่อนไปแก้ผ้าหล่อนให้หมดก่อน ที่นี่ทำให้ดังคึกโครมมากเท่าไร ยิ่งสามารถรั้งฝีเท้าของโห้หลีเฉินได้เท่านั้น”
โดยเฉพาะอย่างยิ่งจะทำให้ตระกูลโห้ขายขี้หน้า
คู่หมั้นที่น่าอายแบบนี้ โห้หลีเฉินอาจจะไม่อยากเอาแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดว่าจะตามหาพวกเขาเพื่อคิดบัญชี?
แผนการของหัวทองวางหมากเรียบร้อย รีบขึ้นมาก่อนทันที จับเสื้อผ้าของเย้นหว่านดึงออก แล้วฉีก
“อย่าแตะต้องฉัน สารเลว ไสหัวไป!”
ตอนนี้เป็นฤดูร้อน เดิมทีที่เย้นหว่านใส่ก็ไม่มาก ไม่นานเธอได้ยินเสียงเสื้อโดนฉีกขาด
ผิวพรรณส่วนใหญ่ของเธอเปิดเผยออกมาแล้ว
สายตาของผู้ชายพวกนี้เปลี่ยนกันไปทีละคน มีคนเลียริมฝีปากพูดขึ้น
“ลูกพี่ ไม่งั้นจัดการหล่อนแล้วค่อยไปเถอะ? ใช้เวลาไม่กี่นาที ฉันไวมาก”
ชั่วขณะนั้นเย้นหว่านเย็นเฉียบไปทั้งตัว พยายามดิ้นรนอย่างฮึกเหิม แต่ว่ายังหลบเลี่ยงหัวทองดึงเสื้อผ้าของเธอฉีกขาดเป็นวงใหญ่ไม่ได้
เธอลนลานด่าทอ “ถ้าแกกล้าทำอะไรฉันจริงๆ โห้หลีเฉินจะต้องตามฆ่าพวกแกจนสุดขอบฟ้าแน่”
ผู้ชายคนนั้นกลัวนิดหน่อยแล้ว แต่ว่าสายตาที่มองเย้นหว่านยังคงเร่าร้อน ราวกับไฟเขียวแผ่กระจาย เหมือนจะกระโจนเข้ามาทางเธออย่างควบคุมไม่อยู่ทุกเวลา
เย้นหว่านหวาดกลัวที่สุด พยายามหลบการฉีกดึงของหัวทอง แต่กลับตามด้วยเสียง “แคว่ก” ในที่สุดเสื้อผ้าของเธอก็ขาดเป็นสองส่วน
มีเพียงเสื้อชั้นในที่แขวนบนตัวเธอ
และสายตาของหัวทองก็เปลี่ยนตามไปด้วย สายตาอัปลักษณ์ที่สุด ลมหายใจของเขาหนักหน่วง มือยื่นมาทางชิ้นสุดท้ายที่ปกปิดบนตัวเย้นหว่านโดยตรง
ดึงเสื้อชั้นในทิ้ง เธอก็ไม่มีอะไรเหลือแล้ว
ถึงแม้ตอนนี้จะเปิดเสรี แต่เย้นหว่านยังไม่ได้เปิดเสรีถึงขั้นแบบนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ชายพวกนี้ดูเหมือนท่าทางใกล้จะควบคุมไม่ไหวแล้ว
ไม่แน่ว่าต่อไปยังจะเกิดเรื่องที่ไม่สามารถควบคุมได้หรือเปล่า
เย้นหว่านดิ้นรนขยับตัวไปด้านหลัง ตะคอกเสียงโมโห “พอแล้ว!”
“เนื้อก็มาถึงปากแล้ว ฉันไม่ดูสักหน่อย จะพอได้ยังไง?”
หัวทองด่าขึ้นมา จากนั้นจับแขนของเย้นหว่านเอาไว้ มืออีกข้างยื่นมาทางเย้นหว่าน โหมเข้ามาอย่างพายุจะต้านทานไหว
ผู้ชายไม่กี่คนด้านข้างนี้หายใจแรง สายตาดุจดั่งหมาป่า เกือบไม่มีสติอะไรกันแล้ว แวบหนึ่งล้วนอยากกระโจนไปบนตัวเย้นหว่านกันหมด
เย้นหว่านหัวใจหนาวสั่น รู้สึกถึงความสิ้นหวัง ที่หนังศีรษะชา
เธอพยายามดิ้นรนนานขนาดนี้ จะหลบไม่พ้นจริงเหรอ?
เธอกัดฟันแน่น ไม่กล้ามองสายตาอัปยศอดสูของผู้ชายพวกนี้ หลับตาลงด้วยความหมดหวัง
มือของหัวทองยื่นมาถึงตรงหน้าของเธอแล้ว นิ้วมือแตะโดนส่วนที่อ่อนนุ่ม……
“ถ้ามือสกปรกของแกกล้าโดนอีกก็ลองดู”
เสียงทุ้มต่ำของชายหนุ่ม ราวกับแท่งน้ำแข็ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน
อืดอาด มีเรื่องคู่นั้นคู่นี้แทรกมาตลอด แล้วยังออกทะเลไปไม่รู้กี่รอบ วนอยู่แต่กับความโง่ของนางเอกและความปิดปังเพราะรักของพระเอก เฮ้อ ทนอ่านมาเพราะอยากรู้ตอนจบ แต่หงุดหงิกมาก...
ฝึกฝนตัวเองหาทางช่วยสามีมันก็ดี แต่ถึงขนาดทิ้งลูกให้คนอื่นดูแลนี่ไม่ไหว เลี้ยงเด็กยังไงให้เป็นแบบนี้ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แถมเป็นภาระ ใช้ชีวิตโง่ ๆ มีศัตรูอยู่ แต่ไม่พาการ็ดไปด้วย พอลูกมีปัญหาที่รร. แทนที่จะเรียกสามี มาช่วยตั้งแต่แรก เสือกจะสู้เอง...
นางเอกอ้อนแอแถมโง่ แต่ก็ไม่ฟังพระเอก เสือกวิ่งไปวิ่งมาให้ถูกคนทำร้าย อ่านแล้วรำคาญ...
นางเอกโง่เง่าไม่มีการพัฒนา...
ทำไมไม่บอกพระเอกแล้วให้จัดการกับนังนั่น...
โอน่อหยาก็รู้นี่นาว่านางเอกเป็นคู่หมั้นประธาน ทำไมยังกล้าใส่ร้ายหรือแปลกใจว่านางเอกยังมีคนหนุน...
เนื้อเรื่องยืดยาวววน่าเบื่อมาก วนไปมาไม่เข้าเรื่องสักทีอ่านจนไม่อยากอ่านต่อน่าเบื่อเกิน ไม่เข้าเรื่องพระเอกกับนางเอกสักที วนอยู่ที่เดิมจนไม่น่าติดตามเพราะน่าเบื่อ...