บทที่ 169 การข่มกันของผู้หญิง
เย้นหว่านหยุดเท้า เธอหันกลับไปมองมู่หรุงชิ่น ใบหน้าเธอเริ่มซีดขึ้นมาเล็กน้อย
หัวใจของเธอขยับเล็กน้อย เธอแสร้งทำเป็นอายและพูดว่า
“ยังมีรอยช้ำเล็กๆน้อยๆค่ะ แต่โห้หลีเฉินบอกว่าอย่าเพิ่งเดิน เวลาไปไหนมาไหนเขาจึงต้องคอยอุ้มฉัน”
ยิ่งเพิ่มความประหลาดใจให้กับมู่หรุงชิ่น “โห้หลีเฉินเป็นคนอุ้มเธอขึ้นๆลงๆงั้นหรือ?”
เย้นหว่านพยักหน้า
เธอสังเกตเห็นมู่หรุงชิ่นมีสีหน้าที่เปลี่ยนไป จากนั้นก็กดเสียงให้ต่ำลง “แผลที่อยู่บนร่างกายฉันก็มีโห้หลีเฉินเป็นคนช่วยดูแลเองให้ทั้งหมด”
เย้นหว่านจ้องหน้ามู่หรุงชิ่น และถามอย่างช่วยไม่ได้
“ตอนที่คุณประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ครั้งนั้น โห้หลีเฉินก็ดูแลคุณแบบนี้ไม่ใช่หรือ?”
มู่หรุงชิ่นตัวแข็งทื่อ แววตาสัมผัสได้ถึงความผิดหวังอย่างรวดเร็ว
อุบัติเหตุทางรถยนต์ในครั้งนั้นที่เกือบจะเอาชีวิตไม่รอด ทำให้โห้หลีเฉินหันมาสนใจเธอได้เพียงเล็กน้อย เขาแค่มาเยี่ยมเธอและสัญญาว่าในอนาคตจะดูแลเธอ แค่นี้เธอก็พอใจมากแล้ว
เธอคิดว่าโห้หลีเฉินก็เป็นคนแบบนี้อยู่แล้ว นี่เป็นสิ่งที่เขาทำได้มากที่สุด และอบอุ่นที่สุดที่เขาสามารถทำให้ผู้หญิงคนหนึ่งได้
เธอภูมิใจและพอใจกับมันมาตลอด
แต่ตั้งแต่ได้เจอกับเย้นหว่าน ทุกอย่างก็สูญเสียความสมดุล
ตอนนั้นเธอได้รับบาดเจ็บสาหัสและไม่สามารถลุกขึ้นยืนได้ แต่โห้หลีเฉินกลับไม่เคยประคองเธอแม้แต่ครั้งเดียว
แล้วตอนนี้ล่ะ เย้นหว่านเป็นแผลเล็กๆน้อยๆตรงเท้า โห้หลีเฉินถึงกับอุ้มขึ้นอุ้มลง ทำเหมือนกับเธอเป็นตุ๊กตากระเบื้องเคลือบลายครามที่กลัวว่าเธอจะเจ็บหรือหกล้ม
ซึ่งตรงกันข้ามกับเธอ ภายในใจของโห้หลีเฉิน เธอไม่ได้มีความสำคัญมากไปกว่าหญ้าต้นหนึ่ง
เย้นหว่านสังเกตพฤติกรรมของมู่หรุงชิ่นที่แสดงออกมา และยังสังเกตเห็นความสูญเสียผ่านทางแววตาของมู่หรุงชิ่น
เธอลังเลและถามด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย
“คุณมู่หรุง หรือว่าโห้หลีเฉินไม่ได้ดูแลคุณแบบนี้?”
มันทำให้เธอนึกย้อนไปตอนที่เข้ารับการรักษาตัวกับป่ายฉี มู่หรุงชิ่นเพิ่งจะเข้าไปรับการรักษา และตอนที่เธอต้องการจะถอดใจไม่ทำการรักษา โห้หลีเฉินกลับให้เว่ยชีมาอยู่ดูแลเธอ
อย่างไรก็ตามโห้หลีเฉินก็ยังไปตรวจสุขภาพเป็นเพื่อนเธอซึ่งมันไม่ได้สำคัญอะไร
ในตอนนั้นเย้นหว่านก็คิดว่ามันแปลกๆ เธอมองปฏิกิริยาของมู่หรุงชิ่นในตอนนี้ ความคิดที่อยู่ภายในใจเย้นหว่านก็แทบหลุดออกมา
เมื่อเห็นความสงสัยผ่านทางแววตาของเย้นหว่าน มู่หรุงชิ่นก็เรียกสติกลับมาได้และกลุ้มใจเล็กน้อย
เธอบอกว่า “แน่นอนว่าเฉินดูแลเอาใจใส่ฉันอย่างดี เขาก็เป็นคนแบบนี้แหละ ภายนอกดูเย็นชา แต่ที่จริงแล้วเป็นคนอ่อนโยนมาก เขามักจะรู้สึกผิดอยู่เสมอ ดังนั้นพอเขาเห็นเธอเป็นแบบนี้ก็เลยต้องดูแลเธอเป็นอย่างดี”
น้ำเสียงของเธอสงบและใจกว้างราวกับว่าไม่ได้คิดอะไรกับเย้นหว่าน
มันยิ่งทำให้เธอดูเป็นคนรักมากขึ้น
คราวนี้เย้นหว่านกลับไม่ได้เป็นเหมือนหลายครั้งก่อนหน้านี้ ในใจเธอพยายามหลีกเลี่ยงความสงสัยและความไม่สบายใจ
เธอมองมู่หรุงชิ่นตรงๆและพูดว่า “คุณมู่หรุง อันที่จริงฉันกับโห้หลีเฉินก็เป็นชายโสดหญิงม่ายที่อยู่ในห้องเดียวกัน...คุณจะไม่หึงเลยหรือ?”
มู่หรุงชิ่นยิ้มหน้าแข็งค้าง
หึงงั้นหรือ แน่นอนว่าเธอหึง แต่เธอกลับไม่มีคุณสมบัติที่จะหึงด้วยซ้ำ
เธอแสร้งทำเป็นคนใจกว้างและพูดว่า “เธอเล่นบทเป็นคู่หมั้นกำมะลอกับเฉินได้ ฉันก็รู้สึกขอบคุณเธอมากแล้ว แม้ว่าฉันกับเฉินจะเป็นคนรักกันจริง แต่เธอก็เป็นคู่หมั้นในนามของเขา ถ้าเธอคิดจะแย่งเขาไป ฉันก็ไม่โทษเธอ
แค่เธอเต็มใจคอยสนับสนุนเขา ฉันก็ซาบซึ้งใจเธอมาโดยตลอด
เฉินยังบอกฉันว่าเธอจะไม่มีวันยอมรับคำขอแต่งงานของเขา”
เย้นหว่านใจสั่นไปชั่วขณะ เธอลืมเรื่องนี้ไปได้สักพักแล้ว ไม่คิดว่าตอนนี้มู่หรุงชิ่นจะยกมันขึ้นมาพูดอีกครั้ง
คิ้วสวยของมู่หรุงชิ่นดูเศร้าใจเล็กน้อย แต่กลับแฝงไปด้วยการยอมแพ้ต่อความรักที่ลึกซึ้ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน
อืดอาด มีเรื่องคู่นั้นคู่นี้แทรกมาตลอด แล้วยังออกทะเลไปไม่รู้กี่รอบ วนอยู่แต่กับความโง่ของนางเอกและความปิดปังเพราะรักของพระเอก เฮ้อ ทนอ่านมาเพราะอยากรู้ตอนจบ แต่หงุดหงิกมาก...
ฝึกฝนตัวเองหาทางช่วยสามีมันก็ดี แต่ถึงขนาดทิ้งลูกให้คนอื่นดูแลนี่ไม่ไหว เลี้ยงเด็กยังไงให้เป็นแบบนี้ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แถมเป็นภาระ ใช้ชีวิตโง่ ๆ มีศัตรูอยู่ แต่ไม่พาการ็ดไปด้วย พอลูกมีปัญหาที่รร. แทนที่จะเรียกสามี มาช่วยตั้งแต่แรก เสือกจะสู้เอง...
นางเอกอ้อนแอแถมโง่ แต่ก็ไม่ฟังพระเอก เสือกวิ่งไปวิ่งมาให้ถูกคนทำร้าย อ่านแล้วรำคาญ...
นางเอกโง่เง่าไม่มีการพัฒนา...
ทำไมไม่บอกพระเอกแล้วให้จัดการกับนังนั่น...
โอน่อหยาก็รู้นี่นาว่านางเอกเป็นคู่หมั้นประธาน ทำไมยังกล้าใส่ร้ายหรือแปลกใจว่านางเอกยังมีคนหนุน...
เนื้อเรื่องยืดยาวววน่าเบื่อมาก วนไปมาไม่เข้าเรื่องสักทีอ่านจนไม่อยากอ่านต่อน่าเบื่อเกิน ไม่เข้าเรื่องพระเอกกับนางเอกสักที วนอยู่ที่เดิมจนไม่น่าติดตามเพราะน่าเบื่อ...