บทที่ 233 จู่ๆก็ขี้ขลาดขึ้นมา
เนื่องด้วยการมาถึงอย่างกะทันหันของโห้หลีเฉิน ทำให้ห้องประชุมที่เดิมทีเสียงดังอึกทึก เงียบสงบลงในทันที
ทุกคนต่างก็มองไปที่โห้หลีเฉินอย่างตื่นตกใจ สีหน้าเต็มไปด้วยความตื่นเต้น แต่ละคนค่อยๆลุกขึ้นยืนตัวตรงกันทีละคนๆ
แต่โห้หลีเฉินกลับไม่ได้มองไปที่คนอื่นเลยสักครั้ง สายตาที่เย็นยะเยือกจ้องตรงไปทางเย้นหว่าน
มองดูเธอที่นั่งอยู่กับฉูรั่วไป๋ แถมยังตัวชิดกันขนาดนั้น ดูสนิทสนมจนแทบจะกอดกันเป็นก้อนอยู่แล้ว
และบรรยากาศที่เข้าขากันของพวกเขา ยิ่งเหมือนเปลวเพลิงบนคราบน้ำมัน ทำให้ไฟที่อัดแน่นกันอยู่ในอกของเขา ลุกโชนขึ้นมาในชั่วพริบตา
ที่เย้นหว่านต่อต้านเขาขนาดนี้ สาเหตุเป็นเพราะฉูรั่วไป๋อย่างนั้นเหรอ?
กับผู้ชายที่พึ่งรู้จักกันเพียงไม่กี่วัน ก็ทำให้เธอติดอกติดใจได้แล้วเหรอ
เย้นหว่านกำลังตั้งใจดูบทวิเคราะห์และเอกสาร จากนั้นก็สัมผัสได้ว่ารอบตัวเริ่มเงียบลงอย่างน่าประหลาด แถมยังมีไอเย็นยะเยือกที่ดูเหมือนจะเป็นอันตรายต่อตัวเธอ
เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นมา ก็เห็นผู้ชายตัวสูงที่ยืนอยู่หน้าประตูเข้าโดยบังเอิญ
แสงที่นุ่มนวลนอกหน้าต่างตกกระทบบนตัวเขา ทำให้เขายิ่งดูสะดุดตาและหล่อเหลามากขึ้น แต่ความเย็นชารอบตัวกลับชัดเจนมากขึ้น ราวกับรอบตัวถูกปกคลุมไปด้วยน้ำค้างแข็ง และกำลังเดินเข้ามาหาเธอทีละก้าว
เย้นหว่านรู้สึกถึงความเย็นที่ค่อยๆคืบคลานขึ้นมาจากปลายเท้า ทำให้ทั่วทั้งร่างเกร็งขึ้นโดยสัญชาตญาณ
เมื่อเห็นว่ารอยยิ้มบนใบหน้าของเย้นหว่านจางไปในพริบตา สีหน้าของโห้หลีเฉินก็ยิ่งย่ำแย่เข้าไปอีก ไฟที่อัดอั้นอยู่เต็มอกแทบจะระเบิดออกมาเต็มทีแล้ว
ต่อหน้าฉูรั่วไป๋ เธอยิ้มออกมาได้อย่างสดใสเสียขนาดนั้น แต่พออยู่ต่อหน้าเขา เธอกลับยิ้มไม่ออก
ความหึงหวงที่ไม่เคยเกิดขึ้นเกือบจะกลืนกินความมีเหตุผลของโห้หลีเฉินไปแล้ว
สีหน้าของเขาย่ำแย่ถึงขีดสุด ก้าวเท้ารวดเร็วราวกับดาวหางพุ่งเข้าไปตรงหน้าเย้นหว่าน
สายตาที่แหลมคมจ้องตรงไปที่เธอ มืดมนราวกับกำลังมีเพลิงมืดที่ลุกโชนอยู่ และพร้อมจะเผาเธอให้มอดไหม้ได้ตลอดเวลา
ลมหายใจที่ดุดันของชายหนุ่มกระทบลงบนใบหน้า ห่อหุ้มประสาทสัมผัสของเย้นหว่าน ทำให้ในหัวเธอฉายภาพฉากต่างๆของเมื่อคืนขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้
ความดุร้ายแบบเดียวกัน และความอันตรายแบบเดียวกัน
ราวกับว่าเขากำลังจะกลืนกินเธอทั้งเป็น
สายที่เคร่งตึงในใจของเย้นหว่านแทบจะขาดหลุดลุ่ยอยู่เต็มที เธอลุกขึ้นยืนโดยไม่รู้ตัว และอยากจะเดินออกไปอย่างร้อนรน เพื่อเว้นระยะห่างกับเขา
แต่แค่เธอเริ่มขยับ โห้หลีเฉินก็จับข้อมือเธอเอาไว้แล้ว
ฝ่ามือของเขาร้อนมาก แต่ความร้อนที่ไหลผ่านผิวหนังของเย้นหว่านเข้ามา กลับทำให้เธอรู้สึกหนาวจับใจ
เสียงของโห้หลีเฉินทุ้มต่ำมาก “เธอคิดจะไปไหน”
เย้นหว่านตัวแข็งทื่อไปทันที สีหน้าก็ซีดเผือด
คิดจะไปไหนอีก ? เมื่อคืนเธอก็หนีไปแล้ว แล้วตอนนี้เขามาเพื่อจับตัวเธองั้นเหรอ
ฉูรั่วไป๋เองก็ลุกขึ้นตาม ยืนมือออกไปจับข้อมือของโห้หลีเฉินไว้ บนใบหน้ามีรอยยิ้มบาง แต่ท่าทีที่แสดงออกมากลับแข็งกร้าวเป็นอย่างมาก
“คุณโห้ ปล่อยก่อนแล้วค่อยคุยกันเถอะครับ”
มือดูมือที่อยู่บนข้อมือ โห้หลีเฉินก็ขมวดคิ้วด้วยความรังเกียจ
เขาสะบัดแขนอย่างแรงเพื่อสลัดมือของฉูรั่วไป๋ให้หลุดออก สายตาที่เย็นเยียบเสียดแทงราวกับสว่านพุ่งไปที่ฉูรั่วไป๋
“เรื่องของฉัน ยังไม่ถึงตานายที่จะเข้ามาแทรกแซง”
หยิ่ง ยโส และคุกคามอย่างไม่ปิดบัง
ถึงฉูรั่วไป๋จะมีชื่อเสียงและอำนาจขนาดไหน แต่ยังไงก็เป็นแค่นักออกแบบชื่อดังที่พึ่งตั้งตัวขึ้นมาได้เท่านั้น แม้จะกำลังเติบโตไปได้ด้วยดี แม้จะมีฐานะร่ำรวย แต่เมื่อเทียบกับโห้หลีเฉินแล้ว ภูมิหลังของเขาก็ยังด้อยกว่าไปก้าวหนึ่งอยู่ดี
ถ้าโห้หลีเฉินจะลงมือกับเขา แม้กระทั่งการทำให้เขาไปจากวงการนี้เลยก็ยังทำได้
ถ้าหากเป็นคนฉลาด ในเวลาแบบนี้ก็คงไม่กล้าแม้แต่จะมีปากเสียงกับโห้หลีเฉิน เพราะนั่นก็เหมือนเป็นการเอาอนาคตของตัวเองมาล้อเล่น
ผู้คนรอบข้างต่างก็ปาดเหงื่อตามๆกัน ตื่นเต้นกันแทบตาย คิดว่าฉูรั่วไป๋จะล่าถอย และไม่ไปยั่วเทพสังหารองค์นี้อีก
แต่กลับคาดไม่ถึงว่า ฉูรั่วไป๋จะเก็บรอยยิ้มบนใบหน้า แล้วจ้องโห้หลีเฉินตรงๆ ท่าทางไร้ความเกรงกลัวใดๆทั้งสิ้น
แถมยังเต็มไปด้วยความยั่วยุ
“เย้นหว่านเป็นเพื่อนของผม เรื่องของเธอผมก็มีสิทธิ์เกี่ยวข้องด้วย ไม่ว่าจะเป็นใคร ขอแค่มารังแกเธอ ผมก็ไม่อนุญาตทั้งนั้น”
ขณะที่พูด ฉูรั่วไป๋ก็เดินหน้าเข้าไปหนึ่งก้าว ร่างกายที่สูงใหญ่ยืนอยู่ด้านหน้าเย้นหว่าน ราวกับภูเขาลูกหนึ่งที่บังเธอที่อยู่ด้านหลังเอาไว้
นี่คือท่าทางของผู้ชายคนหนึ่งที่กำลังปกป้องผู้หญิงคนหนึ่ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน
อืดอาด มีเรื่องคู่นั้นคู่นี้แทรกมาตลอด แล้วยังออกทะเลไปไม่รู้กี่รอบ วนอยู่แต่กับความโง่ของนางเอกและความปิดปังเพราะรักของพระเอก เฮ้อ ทนอ่านมาเพราะอยากรู้ตอนจบ แต่หงุดหงิกมาก...
ฝึกฝนตัวเองหาทางช่วยสามีมันก็ดี แต่ถึงขนาดทิ้งลูกให้คนอื่นดูแลนี่ไม่ไหว เลี้ยงเด็กยังไงให้เป็นแบบนี้ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แถมเป็นภาระ ใช้ชีวิตโง่ ๆ มีศัตรูอยู่ แต่ไม่พาการ็ดไปด้วย พอลูกมีปัญหาที่รร. แทนที่จะเรียกสามี มาช่วยตั้งแต่แรก เสือกจะสู้เอง...
นางเอกอ้อนแอแถมโง่ แต่ก็ไม่ฟังพระเอก เสือกวิ่งไปวิ่งมาให้ถูกคนทำร้าย อ่านแล้วรำคาญ...
นางเอกโง่เง่าไม่มีการพัฒนา...
ทำไมไม่บอกพระเอกแล้วให้จัดการกับนังนั่น...
โอน่อหยาก็รู้นี่นาว่านางเอกเป็นคู่หมั้นประธาน ทำไมยังกล้าใส่ร้ายหรือแปลกใจว่านางเอกยังมีคนหนุน...
เนื้อเรื่องยืดยาวววน่าเบื่อมาก วนไปมาไม่เข้าเรื่องสักทีอ่านจนไม่อยากอ่านต่อน่าเบื่อเกิน ไม่เข้าเรื่องพระเอกกับนางเอกสักที วนอยู่ที่เดิมจนไม่น่าติดตามเพราะน่าเบื่อ...