บทที่ 237 จากไกล หรือว่าเข้าใกล้
เว่ยชีกลัวว่าเย้นหว่านจะกลับไปเอากระเป๋าลงมาอีก แล้วย้ายไปอยู่ที่โรงแรมฟีโร่ ก็เลยรีบเปิดประตูรถอย่างคล่องแคล่ว และทำท่าทางแสดงความเคารพ
“คุณเย้น รีบขึ้นรถเถอะครับ”
เย้นหว่านตกตะลึง ในใจเหมือนมีเส้นด้ายที่พันกันเป็นก้อน แยกไม่ออกว่าใครถูกใครผิดกันแน่
ยิ่งไม่เข้าใจว่าโห้หลีเฉินต้องการแบบไหนกันแน่
เธอยังไม่ทันได้เข้าใจ ฉูรั่วไป๋ก็เริ่มเปิดปากขึ้นอีกครั้ง “พอดีว่าฉันก็กำลังจะไปเช็คเอาท์ที่โรงแรมฟีโร่พอดี ฉันไปส่งเธอด้วยเลยแล้วกัน”
ในขณะที่พูด พนักงานของโรงแรมก็ขับรถของฉูรั่วไป๋มาจอดที่หน้าประตูพอดี
มองไปที่รถสองคันที่จอดเรียงกันอยู่ด้านหน้า เย้นหว่านยิ่งมึนงงเข้าไปใหญ่ รู้สึกเหมือนเป็ดที่กำลังถูกต้อนไปขึ้นเขียง
ไม่ใช่ต้องคิดว่าจะย้ายออกหรือไม่ แต่เป็นเรื่องที่จะขึ้นรถของใครต่างหาก
“เย้นหว่าน ไปกันเถอะ”
ฉูรั่วไป๋พูดออกมาอย่างอ่อนโยนอีกครั้ง
เย้นหว่านมองดูฉูรั่วไป๋กับเว่ยชีทั้งสองคน ภายในใจก็มีความคิดคำนวณเป็นของตัวเองไว้อยู่แล้ว ตอนนี้เธอแบ่งเส้นความสัมพันธ์กับโห้หลีเฉินไว้อย่างชัดเจนแล้ว และยิ่งเกี่ยวข้องกันให้น้อยที่สุดเท่าที่จะน้อยได้ก็จะยิ่งดีที่สุด
และแม้แต่เว่ยชีเองก็เหมือนกัน
เย้นหว่านเม้มปาก “ผู้ช่วยเว่ย ฉันนั่งรถของคุณฉูไปก็ได้ค่ะ”
ฉูรั่วไป๋ยิ้มออกมาด้วยความดีใจทันที รีบก้าวยาวๆออกไป เปิดประตูฝั่งที่นั่งข้างคนขับออก แล้วเชิญให้เย้นหว่านเข้าไปนั่ง
เย้นหว่านก้มหน้าลง กำลังจะเดินไปทางฉูรั่วไป๋
ตอนนั้นเอง เว่ยชีก็พุ่งเข้ามาขวางอยู่ด้านหน้าของเย้นหว่านอย่างกะทันหัน
เขาเหลือบมองด้านบนของโรงแรมอย่างเงียบเชียบ สีหน้าเคร่งครึ่ง ก่อนจะพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า
“คุณเย้น ไม่ว่าจะพูดยังไงก็ตาม แต่ตอนนี้คุณก็เป็นคู่หมั้นในนามของคุณท่าน เวลาอยู่ข้างนอก อย่างน้อยก็ต้องรักษาหน้าคุณท่านไว้บ้าง”
ดังนั้น ในกรณีที่เขากับฉูรั่วไป๋อยู่พร้อมหน้ากันในเวลาเดียวกัน ก็ไม่สมควรที่จะปฏิเสธเว่ยชี แล้วไปขึ้นรถของฉูรั่วไป๋แบบนี้
แบบนี้ถ้าเกิดมีผู้ไม่ประสงค์ดีมาเห็นเข้า ก็คงกลายเป็นข้าวอื้อฉาวได้อย่างไม่ต้องสงสัย
เมื่อก่อนเย้นหว่านก็ให้ความร่วมมือและทำตามโห้หลีเฉินเป็นอย่างดี แต่ตอนนี้ เพราะการให้ความร่วมมือ ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับโห้หลีเฉินมันเกินจะควบคุมได้มากขึ้นเรื่อยๆ ถึงได้เกิดเรื่องแบบเมื่อคืนขึ้นได้
เธอก็เลยอยากจะหลีกเลี่ยง
แต่ตอนอยู่ข้างนอก ในใจเองก็ไม่ได้คิดอยากจะให้โห้หลีเฉินต้องมาเสียหน้าเพราะเหตุนี้
ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เย้นหว่านก็พูดขึ้นว่า “พวกคุณไม่ต้องไปส่งฉันหรอกค่ะ เดี๋ยวฉันเรียกรถไปเอง”
เมื่อพูดจบ ก็ไม่รอให้พวกเขาได้พูดอะไรต่อ เย้นหว่านเดินตรงไปที่ถนน แล้วโบกมือเรียกแท็กซี่คันหนึ่ง
เว่ยชีมองไปที่เย้นหว่านอย่างตกตะลึง ในใจรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก
เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า เย้นหว่านยอมที่จะไปด้วยตัวเอง แต่ก็ไม่คิดจะยอมขึ้นรถของคุณท่าน นี่มันเป็นการตีตัวออกหากอย่างเห็นได้ชัดเจนเลย
แล้วคิดไปถึงตอนที่คุณท่านออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงเย็นชามาทางโทรศัพท์ ในใจของเว่ยชีก็รู้สึกกังวลขึ้นมา
ระหว่างคุณท่านกับคุณเย้น มันเกิดเรื่องใหญ่อะไรขึ้นอีกแล้วใช่ไหม
ดูแล้ว ความสัมพันธ์ยิ่งเลวลงไปกว่าเมื่อวานอีก
ฉูรั่วไป๋มองเย้นหว่านเดินไปขึ้นแท็กซี่ตาปริบๆ แล้วรู้สึกหดหู่อยู่ภายใน
เขาจ้องไปทางเว่ยชีอย่างหัวเสียทีหนึ่ง แล้วเดินออกไปจากโรงแรมอย่างโกรธเคือง ตอนที่เดินผ่านเว่ยชี ก็ยังกระแทกไหล่ของเขาแรงๆเหมือนเพื่อเป็นการระบายอารมณ์
เว่ยชีถูกชนกระแทกจนเซไปก้าวหนึ่ง และมองฉูรั่วไป๋อย่างรู้สึกคันไม้คันมือมาก
ไม่ได้ตีกับคนมานานมากแล้วจริงๆ แม้แต่นักออกแบบที่อ่อนแอยังกล้าลงมือลงไม้กับเขาด้วยเหรอ !
ตอนนั้นเอง ในห้องโถงของโรงแรม ในมุมหนึ่งของกระจกหน้าต่างนั้น ก็มีเงาอันสูงส่งของคนๆหนึ่งยืนอยู่ ก็คือโห้หลีเฉินนั่นเอง
เขามองผ่านกระจกหน้าต่าง มองดูทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นตรงหน้าประตูโรงแรม
ดวงตาอันเศร้าหมองเฝ้ามองแท็กซี่คันนั้นที่ไกลออกไป แววตาก็ยิ่งลุ่มลึกและซับซ้อนมากขึ้นไปอีก
ผ่านไปครู่ใหญ่ จนมองไม่เห็นเงาของแท็กซี่คันนั้นแล้ว เขาถึงค่อยๆถอนสายตากลับมา แล้วหันหลังเดินจากไป
——
เย้นหว่านย้ายไปอยู่อีกห้องหนึ่ง ถึงแม้จะเป็นห้องแบบเพรสซิเดนเชียลสวีทเหมือนกัน แต่กลับอยู่คนละชั้นกับห้องของโห้หลีเฉิน แต่เวลาเข้าออกก็ไม่ใช่ว่าจะได้เจอกับโห้หลีเฉินง่ายๆ
แล้วยิ่งบวกกับที่เธอตั้งใจจะหลีกเลี่ยง ไม่กี่วันมานี้ โอกาสที่จะพบหน้ากับโห้หลีเฉินก็เลยน้อยเสียยิ่งกว่าน้อย
และอาจเป็นเพราะว่า โห้หลีเฉินเองก็ไม่อยากจะเจอหน้าเธอล่ะมั้ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน
อืดอาด มีเรื่องคู่นั้นคู่นี้แทรกมาตลอด แล้วยังออกทะเลไปไม่รู้กี่รอบ วนอยู่แต่กับความโง่ของนางเอกและความปิดปังเพราะรักของพระเอก เฮ้อ ทนอ่านมาเพราะอยากรู้ตอนจบ แต่หงุดหงิกมาก...
ฝึกฝนตัวเองหาทางช่วยสามีมันก็ดี แต่ถึงขนาดทิ้งลูกให้คนอื่นดูแลนี่ไม่ไหว เลี้ยงเด็กยังไงให้เป็นแบบนี้ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แถมเป็นภาระ ใช้ชีวิตโง่ ๆ มีศัตรูอยู่ แต่ไม่พาการ็ดไปด้วย พอลูกมีปัญหาที่รร. แทนที่จะเรียกสามี มาช่วยตั้งแต่แรก เสือกจะสู้เอง...
นางเอกอ้อนแอแถมโง่ แต่ก็ไม่ฟังพระเอก เสือกวิ่งไปวิ่งมาให้ถูกคนทำร้าย อ่านแล้วรำคาญ...
นางเอกโง่เง่าไม่มีการพัฒนา...
ทำไมไม่บอกพระเอกแล้วให้จัดการกับนังนั่น...
โอน่อหยาก็รู้นี่นาว่านางเอกเป็นคู่หมั้นประธาน ทำไมยังกล้าใส่ร้ายหรือแปลกใจว่านางเอกยังมีคนหนุน...
เนื้อเรื่องยืดยาวววน่าเบื่อมาก วนไปมาไม่เข้าเรื่องสักทีอ่านจนไม่อยากอ่านต่อน่าเบื่อเกิน ไม่เข้าเรื่องพระเอกกับนางเอกสักที วนอยู่ที่เดิมจนไม่น่าติดตามเพราะน่าเบื่อ...