บทที่ 28 ดูเหมือนว่าท่านประธานโมโห
เย้นหว่านรีบวิ่งออกมาจากห้องทำงานของท่านประธานอย่างกระหืดกระหอบ จนใบหน้าของหล่อนร้อนผ่าว
หล่อนต้องรีบทำงานออกแบบให้เสร็จ ไม่เช่นนั้นหล่อนต้องอยู่ในห้องทำงานของโห้หลีเฉินเช่นนี้ ไม่รู้ว่าจะทำเรื่องหน้าอายอีกมากเท่าไหร่
คนในแผนกออกแบบทยอยกลับบ้านกันเกือบหมดแล้ว เย้นหว่านกลับไปเอากระเป๋า แต่กลับเห็นว่ามู่จื่ออี้ยังอยู่
มู่จื่ออี้กำลังนั่งเล่นเกมส์ด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย
เมื่อเย้นหว่านเดินเข้าไป “ทำไมนายยังไม่กลับล่ะ?”
ถ้าอยู่เพราะทำงานก็ไม่เป็นไร แต่นี่อยู่ต่อเพราะเล่นเกมส์ หล่อนไม่เข้าใจจริงๆ
มู่จื่ออี้รีบเก็บมือถือทันที “รอเธอไงล่ะ”
เมื่อเห็นเย้นหว่านทำสีหน้าประหลาดใจ เขาจึงพูดหยอกล้อขึ้น “เธอคงไม่ได้ลืมว่าจะเลี้ยงข้าวผมใช่ไหม?”
เย้นหว่านยังตกใจกับตอนที่อยู่ในห้องทำงานของโห้หลีเฉิน จนลืมเรื่องนี้ไปจริงๆ
หล่อนจึงขอโทษด้วยท่าทางเขิน “ไม่ได้ลืม ไม่ลืม ไปกันเถอะ นายอยากกินอะไร?”
มู่จื่ออี้ถามขึ้น “ให้ผมเลือกอะไรก็ได้?”
“แน่นอน นายอยากกินอะไรพวกเราก็ไปกินกัน”
“งั้นผมจะพาไปร้านอาหารพิเศษร้านหนึ่ง”
เย้นหว่านกับมู่จื่ออี้ เดินออกจากบริษัทพลางพูดคุยสนุกสนานกันไปพลาง
เมื่อทั้งสองเดินถึงหน้าประตู จึงโบกเรียนรถแท็กซี่คันหนึ่งตรงไปที่ร้านอาหารตามที่มู่จื่ออี้บอก
รถแท็กซี่เพิ่งเคลื่อนตัวออกไป รถแลมโบกินี่คันหรูก็มาจอดอยู่ด้านหลังตรงหน้าประตูบริษัทพอดี
เว่ยชีที่นั่งอยู่ตรงคนขับสีหน้าตื่นกลัวขึ้นมา มองโห้หลีเฉินผ่านกระจกหลังด้วยความกระวนกระวายใจ
ท่านประธานเพิ่งจะกลับตอนนี้ ทั้งยังให้เขาอ้อมรถมาจอดหน้าประตูบริษัท เพื่อที่จะรับเย้นหว่านหลังเลิกงาน
แต่เมื่อเข้าเพิ่งมาถึง กลับเห็นเย้นหว่านพูดจาเย้าแหย่หัวเราะสนุกสนานกับผู้ชายคนอื่น
เขาพูดด้วยท่าทีกล้าๆกลัวๆ “ท่านประธานครับ คุณเย้นออกไปแล้ว พวกเราไปไหนครับ?”
ผู้ชายที่นั่งอยู่ด้านหลังเม้มปากแน่น ใบหน้าอันหล่อเหลามีเสน่ห์กลับเย็นชาขึ้นทันที
พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงดุดัน “กลับบ้าน”
เว่ยชีจับพวงมาลัยแน่น รู้สึกถึงความเยือกเย็นภายในรถขึ้นมาทันที ดูเหมือนท่านประธานจะโมโหแล้ว...
ร้านอาหารที่มู่จื่ออี้พาเย้นหว่านมาอยู่ค่อนข้างไกลจากตัวเมือง ภายในร้านมีแขกไม่ค่อยเยอะ มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น แต่ในความเงียบสงบนี้ กับ บรรยากาศที่ดี ทำให้รู้สึกพิเศษมากขึ้น
ความรักสบายและมีระดับของนักเรียนนอก ทำให้รู้สึกสบายและสดชื่นเป็นพิเศษ
เมื่อเย้นหว่านเห็นบรรยากาศภายในร้าน รู้สึกตกหลุมรักขึ้นมาทันที
มู่จื่ออี้พาเย้นหว่านเดินตรงไปที่นั่งที่โต๊ะริมหน้าต่าง “ต่อไปถ้าเธออยากจะหาที่นั่งคิดไอเดียเงียบๆ ก็มาที่นี่ได้นะ”
เย้นหว่านอดไม่ได้ที่จะพูดชื่นชม “ร้านนี้ดีมากจริงๆ นายหาเจอได้ยังไง?”
“เมื่อก่อนตอนผมวาดรูป มักจะชอบไปที่สวยและสงบ ผมเดินทางหาหลายที่ จนมาพบที่นี่”
มู่จื่ออี้พูดพลางยิ้มขึ้น แต่สายตากลับแฝงไปด้วยความเจ็บปวด คิดถึงความหลัง
เขาเคยเป็นลูกค้าประจำที่ร้านนี้...
เย้นหว่านชื่นชมบรรยากาศของร้านจนไม่ได้สังเกตเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของมู่จื่ออี้ หล่อนชวนเขาคุย
“แล้วทำไมต่อมานายไม่ได้มาวาดรูปที่นี่แล้วล่ะ?”
ตอนที่สอบเข้ามหาวิทยาลัยในปีนั้น มู่จื่ออี้เป็นผู้ที่สอบได้ที่หนึ่ง
แต่เขายังไม่ทันได้เข้าเรียน ก็ไปเป็นนักเรียกแลกเปลี่ยนที่ต่างประเทศเสียก่อน เขาไปเรียนสาขาวิชาอื่นที่ยุโรปเป็นเวลาสามเดือนจึงกลับมา
นี่ก็เป็นหนึ่งในเหตุผลที่เย้นหว่านหาเขาไม่เจอ
มู่จื่ออี้สีหน้าเกร็งขึ้นมา น้ำเสียงพูดด้วยความตัดพ้อ
“คนบางคน ไม่มีโอกาสที่จะได้เลือกทางเดินชีวิตของตัวเอง”
เย้นหว่านสงสัยขึ้นมา หล่อนรู้สึกได้ถึงความเสียใจที่ซ่อนอยู่ภายใต้รอยยิ้มของเขา
หล่อนรู้สึกสงสัยแต่ไม่คิดจะถามเรื่องส่วนตัวของเขาต่อ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน
อืดอาด มีเรื่องคู่นั้นคู่นี้แทรกมาตลอด แล้วยังออกทะเลไปไม่รู้กี่รอบ วนอยู่แต่กับความโง่ของนางเอกและความปิดปังเพราะรักของพระเอก เฮ้อ ทนอ่านมาเพราะอยากรู้ตอนจบ แต่หงุดหงิกมาก...
ฝึกฝนตัวเองหาทางช่วยสามีมันก็ดี แต่ถึงขนาดทิ้งลูกให้คนอื่นดูแลนี่ไม่ไหว เลี้ยงเด็กยังไงให้เป็นแบบนี้ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แถมเป็นภาระ ใช้ชีวิตโง่ ๆ มีศัตรูอยู่ แต่ไม่พาการ็ดไปด้วย พอลูกมีปัญหาที่รร. แทนที่จะเรียกสามี มาช่วยตั้งแต่แรก เสือกจะสู้เอง...
นางเอกอ้อนแอแถมโง่ แต่ก็ไม่ฟังพระเอก เสือกวิ่งไปวิ่งมาให้ถูกคนทำร้าย อ่านแล้วรำคาญ...
นางเอกโง่เง่าไม่มีการพัฒนา...
ทำไมไม่บอกพระเอกแล้วให้จัดการกับนังนั่น...
โอน่อหยาก็รู้นี่นาว่านางเอกเป็นคู่หมั้นประธาน ทำไมยังกล้าใส่ร้ายหรือแปลกใจว่านางเอกยังมีคนหนุน...
เนื้อเรื่องยืดยาวววน่าเบื่อมาก วนไปมาไม่เข้าเรื่องสักทีอ่านจนไม่อยากอ่านต่อน่าเบื่อเกิน ไม่เข้าเรื่องพระเอกกับนางเอกสักที วนอยู่ที่เดิมจนไม่น่าติดตามเพราะน่าเบื่อ...