บทที่301 ในที่สุดก็มาแล้ว
เพียงครู่เดียวคงมาถึงไม่ทันหรอก แต่ว่าเธอรอไม่ได้แล้ว
เย้นหว่านร้อนใจมากยิ่งขึ้น ไม่สนใจว่าคนด้านข้างเหล่านี้จะพูดจาอะไร ได้แต่มองไปทางรถยนต์ที่แล่นไปมาอย่างใจผวา มองฝูงชนอยู่ วาดหวังว่าจะสามารถมองเห็นเงาของป่ายฉี
ในสมองของเธอมีเพียงความคิดเดียว รอป่ายฉีมาช่วยชีวิต
“ติ๊ก...ติ๊ก...ติ๊ก...”
เย้นหว่านพลิกดูนาฬิกาข้อมือไม่ขาดสาย มองเข็มวินาทีด้านบนขยับ เสมือนได้ยินเสียงของมัน
แต่ละชั่ววินาทีล้วนประกาศให้รู้ว่าเวลาได้ผ่านไปอีกหนึ่งวินาทีแล้ว
ตอนนี้ระยะห่างที่เธอจากโรงพยาบาลมา ผ่านไปหนึ่งชั่วโมงกว่าๆ
ตอนที่เธอไป อาการของโห้หลีเฉินไม่ดีเอามากๆ ที่หมอออกมาเท่าส่งคำสั่งแจ้งการตายให้ทราบ โห้หลีเฉินสูญสิ้นชีวิตได้ตลอดเวลา ตอนนี้ก็ผ่านไปอีกชั่วโมงกว่าๆ......
โห้หลีเฉินเขายังรอได้ไหม
“รีบมาสิ รีบมาสิ”
ยิ่งเวลาผ่านมานานเท่าไร สภาพจิตใจของเย้นหว่านยิ่งพังทลายเท่านั้น อยู่ต่อหน้าผู้คนมากขนาดนั้น เธอกลับไม่สนใจภาพลักษณ์เลยทั้งสิ้น จับผมอย่างสับสน เดินกลับไปกลับมาด้วยความวุ่นวายใจ
เธอกัดริมฝีปากครั้งแล้วครั้งเล่า เดินไปขอบทางบริเวณรอบๆ จนเกือบล้มหมดสติ แทบจะบ้าคลั่งไปได้ทุกเวลา
แบกรับแรงกดดันอันมหาศาล กดจนเธอใกล้จะหายใจไม่ออกแล้ว
“คุณเย้น สรุปคนที่คุณรอเป็นใครกัน? ถ้าไม่อย่างนั้นคุณเขียนรายละเอียดของเรื่องราวไว้หน่อย พวกเราจะช่วยค้นหาคนในเน็ตดู?”
นับวันผู้คนรอบด้านยิ่งมามุงกันมากขึ้น คนที่มาดูอะไรสนุกๆ ก็มี คนที่เป็นห่วงเย้นหว่านก็มี
สถานการณ์ของเธอ ดูขึ้นมาความจริงช่างย่ำแย่เหลือเกิน
เย้นหว่านจับผมไว้อย่างแรง กระวนกระวายใจจนเกือบเพิกเฉยต่อการถกเถียงของคนด้านข้างไปหมด แต่กลับจับคำพูดของคนเหล่านี้ได้อย่างมีสติมากด้วย
ค้นหาคน
ใช่แล้ว ดูแล้วตอนนี้ป่ายฉีอาจจะไม่ได้เห็นข่าวการตามหาคนแบบจับพลัดจับผลูอันนี้ก็ได้ งั้นเธอต้องเปลี่ยนวิธีการ
ค้นหาคนในอินเทอร์เน็ตเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่หาที่เปรียบไม่ได้ นำบรรพบุรุษสิบแปดรุ่นของคนคนหนึ่งมายังสามารถสืบสาวราวเรื่องออกมาได้หมด ไม่แน่ว่าอาจจะสามารถค้นหาหมายเลขโทรศัพท์ติดต่อของป่ายฉีออกมาได้
เย้นหว่านรีบมองไปทางที่พูดด้วยสายตาเปล่งประกาย “คุณสามารถช่วยฉันได้เหรอ? ฉันอยากค้นหาข่าวคราวของเขา”
คนคนนั้นรีบบอกอย่างดีใจ “ได้แน่นอน ผมเป็นบล็อกเกอร์ผู้โด่งดัง ผมช่วยคุณส่งข้อความก็......”
“โอ๊ะ เสี่ยวหว่านหว่านของผม ไม่ใช่แค่พลาดอาหารเย็นไปมื้อหนึ่งเองเหรอ คุณทนไม่ไหวจนตามหาผมไปทั่วขนาดนี้เลย แถมยังอยากค้นหาผมในเน็ตด้วย ผมรู้สึกถึงความสุขเหลือเกิน ตั้งแต่เมื่อไรกันที่ผมอยู่ในใจของคุณ คาดไม่ถึงสำคัญขนาดนี้แล้ว”
เสียงหยอกล้ออันเสเพลของชายหนุ่มลอยมาจากด้านนอกฝูงชน
เห็นเพียงชายหนุ่มสูงใหญ่ที่สูงหนึ่งเมตรเก้าสิบคนหนึ่ง สูงเกินฝูงชนออกมาเกือบครึ่งศีรษะ เขาเดินมาทางเย้นหว่านด้วยท่วงท่าสบายใจ
ชั่วขณะที่มองเห็นเขา เส้นที่ตึงเกือบขาดภายในใจเย้นหว่านนั้น ในที่สุดก็คลายลงแล้ว
ในที่สุดเขาก็มาแล้ว
ตอนที่มองเห็นป่ายฉี ผู้คนที่ล้อมดูเรื่องสนุกมาตลอดนั้นโดนความหล่อทำค้างอย่างอดไม่อยู่แล้ว แถมยังมีแม้กระทั่งผู้หญิงที่ส่งเสียงร้องตกใจออกมา
“เขาคือป่ายฉีเหรอ? หล่อจังเลย”
เย้นหว่านไม่สนใจที่จะคุยเล่นกับเขา วิ่งเข้าไปดึงข้อมือของป่ายฉีเอาไว้ วิ่งไปด้านในโรงพยาบาลด้วยความรีบร้อน
“ป่ายฉี รีบช่วยชีวิตเร็ว โห้หลีเฉินจะตายแล้ว”
ป่ายฉีโดนลากให้เดินไปข้างหน้า พอได้ยินคำพูดของเย้นหว่าน ก็ค่อยๆ แปลกใจอยู่บ้าง
“เรื่องอะไรกัน? เขาจะตายได้ยังไง?”
“เขาเกิดอุบัติเหตุรถชน หมอชั้นนำของโลกมากันมากมาย แต่กลับช่วยเขาไม่ได้ทั้งนั้น ตอนนี้คนที่สามารถช่วยเขาได้มีเพียงคุณแล้ว”
ป่ายฉีอารมณ์ไม่แน่นอน เข้าใจสาเหตุที่เย้นหว่านระดมกำลังตามหาเขาเข้ามาทันที
คาดไม่ถึงเป็นโห้หลีเฉินที่เกิดเรื่องแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน
อืดอาด มีเรื่องคู่นั้นคู่นี้แทรกมาตลอด แล้วยังออกทะเลไปไม่รู้กี่รอบ วนอยู่แต่กับความโง่ของนางเอกและความปิดปังเพราะรักของพระเอก เฮ้อ ทนอ่านมาเพราะอยากรู้ตอนจบ แต่หงุดหงิกมาก...
ฝึกฝนตัวเองหาทางช่วยสามีมันก็ดี แต่ถึงขนาดทิ้งลูกให้คนอื่นดูแลนี่ไม่ไหว เลี้ยงเด็กยังไงให้เป็นแบบนี้ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แถมเป็นภาระ ใช้ชีวิตโง่ ๆ มีศัตรูอยู่ แต่ไม่พาการ็ดไปด้วย พอลูกมีปัญหาที่รร. แทนที่จะเรียกสามี มาช่วยตั้งแต่แรก เสือกจะสู้เอง...
นางเอกอ้อนแอแถมโง่ แต่ก็ไม่ฟังพระเอก เสือกวิ่งไปวิ่งมาให้ถูกคนทำร้าย อ่านแล้วรำคาญ...
นางเอกโง่เง่าไม่มีการพัฒนา...
ทำไมไม่บอกพระเอกแล้วให้จัดการกับนังนั่น...
โอน่อหยาก็รู้นี่นาว่านางเอกเป็นคู่หมั้นประธาน ทำไมยังกล้าใส่ร้ายหรือแปลกใจว่านางเอกยังมีคนหนุน...
เนื้อเรื่องยืดยาวววน่าเบื่อมาก วนไปมาไม่เข้าเรื่องสักทีอ่านจนไม่อยากอ่านต่อน่าเบื่อเกิน ไม่เข้าเรื่องพระเอกกับนางเอกสักที วนอยู่ที่เดิมจนไม่น่าติดตามเพราะน่าเบื่อ...