บทที่ 305 เย้นหว่านมาแล้ว
ป่ายฉียักไหล่แบบไม่เป็นอะไร ยิ้มแบบอันธพาลมาก
“ในเมื่อเมื่อกี้ก็เห็นไปหมดแล้ว ตอนนี้ปิดไปก็ไม่มีความหมายอะไร ไม่สู้ให้ผมดูต่อแบบใจกว้างดีกว่า”
“ไสหัวไป”
“ผมไสหัวลงไปแล้วก็ไม่มีคนขับรถน่ะสิ”
เย้นหว่าน “......”
เธอโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ อยากจะยื่นมือไปควักลูกตาสองข้างนั้นของป่ายฉีให้บอดจนแทบขาดใจ
ดีที่ก่อนหน้านี้เพราะป่ายฉีช่วยชีวิตโห้หลีเฉินไว้ เธอเปลี่ยนทัศนคติที่มีต่อเขาอีก แม้กระทั่งเป็นความรู้สึกดีที่เต็มเปี่ยมนั้น เวลานี้ความรู้สึกดีทั้งหมดเหมือนลูกบอลลูนที่ลมรั่ว รั่วหายไปหมดแล้ว
“คุณอยากจะเอายังไงกันแน่?” เย้นหว่านถลึงตาใส่เขา
สายตาร้อนแผดเผาของป่ายฉีกวาดมองบนตัวของเย้นหว่านครั้งแล้วครั้งเล่า จากนั้นถึงเก็บสายตากลับอย่างปรารถนาจะทำต่อไป
“เปลี่ยนเถอะ ผมคิดว่าคุณคงทนไม่ได้ที่จะเสียเวลาวิ่งกลับไปเปลี่ยนด้านในคฤหาสน์ใหญ่หลังนั้น”
เย้นหว่านเปิดถุงกระดาษออก เป็นเสื้อผ้าชุดหนึ่งที่พอๆ กับสไตล์ทั่วไปของเธอ
ป่ายฉีเปิดประตูรถอย่างว่องไว ลงจากรถไปแล้ว
ในขณะเดียวกันตรงกลางของแถวหน้าและหลังก็ลดผ้าม่านสีดำที่ปิดบังชั้นหนึ่งลงมาด้วย ทำให้สายตาของด้านหน้าและหลังกั้นออกจากกัน เย้นหว่านถูกจำกัดอยู่ด้านในพื้นที่ว่างที่ปิดมิดชิดตามลำพัง
รอบด้านล้วนมองไม่เห็นเธอ
เย้นหว่านหยิบเสื้อผ้ามา ในใจมีความรู้สึกอบอุ่นนิดๆ ยังถือว่าป่ายฉีไม่แย่เกินไป
เธอไม่อยากเสียเวลาจริงๆ แค่วิ่งออกมาจากด้านในคฤหาสน์นั้น สวรรค์ก็รู้ว่าเธอใช้เวลาไปหลายสิบนาที เธอยินยอมเปลี่ยนเสื้อผ้าบนรถด้วยความรวดเร็ว
ไม่นานเย้นหว่านก็เปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อย ปลดกระจกรถลงมาอีกที
“ป่ายฉี ฉันเสร็จแล้ว”
ซิการ์ที่ป่ายฉีพึ่งดูดไว้ในปากยังไม่ทันได้จุดไฟ
เขามองเย้นหว่านอย่างกลัดกลุ้ม “เจ้าหนูน้อย คุณเป็นหญิงสาวงดงามคนหนึ่งรึเปล่า?”
หญิงสาวเปลี่ยนเสื้อผ้าเร็วได้ขนาดนี้เลยเหรอ?
เย้นหว่านเร่ง “ไร้สาระให้น้อยหน่อย รีบขับรถ”
ยังมาหญิงสาวอยู่อีก หญิงสาวจะมาเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องโดยสารแบบนี้เหรอ?
อยู่ต่อหน้าป่ายฉี เย้นหว่านไม่ต้องรักษาภาพลักษณ์ใดๆ อย่างไม่มีความกดดันสักนิด
ถึงแม้ป่ายฉีจะปากนักเลง แต่ก็รู้ว่าเย้นหว่านร้อนใจมาก ความเร็วการขับรถตลอดทางจึงไวมาก ไม่นานก็พาเย้นหว่านมาส่งถึงหน้าประตูโรงพยาบาลแล้ว
เขาไม่ได้ลงจากรถ นำการ์ดใบหนึ่งยื่นให้เย้นหว่าน
“นี่คือเบอร์โทรศัพท์ของผม ถ้าคุณคิดถึงผม สามารถโทรหาผมได้ทุกเวลา”
เขาพูดพลางขยิบตาให้เย้นหว่านทีหนึ่งด้วย
ถ้าคนที่ไม่รู้มองเห็นเข้า ยังคิดว่าระหว่างพวกเขาเป็นความสัมพันธ์ที่กำกวมไม่ชัดอะไรสักอย่างแน่ๆ
เย้นหว่านโมโห รับการ์ดเข้ามาแล้วยัดเข้าในกระเป๋า
“ครั้งหน้าจะเลี้ยงข้าวคุณ”
บุญคุณที่ช่วยชีวิต ไม่ใช่พูดคำสองคำก็สามารถขอบคุณได้หมด เย้นหว่านคิดว่าหลังจัดการเรื่องของโห้หลีเฉินเสร็จเรียบร้อย จะขอบคุณป่ายฉีดีๆ สักครั้งหนึ่ง
ป่ายฉีพิงบนหน้าต่างรถอย่างเอื่อยเฉื่อย “ผมจำไว้แล้วว่าคุณจะเลี้ยงข้าวผม”
เย้นหว่านหมดคำจะพูด เขาพูดมานี้ เหมือนว่าเธอพูดเล่นอย่างนั้น
เย้นหว่านพยักหน้า บอกลากับป่ายฉี จากนั้นรีบวิ่งเข้าไปด้านในโรงพยาบาล
ป่ายฉีมองภาพด้านหลังที่เร่งรีบของเย้นหว่าน รอยยิ้มที่มุมปากหายไปทีละนิด ท่าทางเปลี่ยนมาเป็นหนักหน่วงอยู่บ้าง
ที่จริงเขาไม่ได้ตามหาคนผิด
แต่ว่าสถานการณ์ในตอนนี้กลับไม่ค่อยดีเท่าไร ความสัมพันธ์ของเย้นหว่านและโห้หลีเฉินจัดการยากมากๆ เลย
ไม่รู้ว่าเย้นโม่หลินจะตัดสินใจอย่างไรบ้าง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน
อืดอาด มีเรื่องคู่นั้นคู่นี้แทรกมาตลอด แล้วยังออกทะเลไปไม่รู้กี่รอบ วนอยู่แต่กับความโง่ของนางเอกและความปิดปังเพราะรักของพระเอก เฮ้อ ทนอ่านมาเพราะอยากรู้ตอนจบ แต่หงุดหงิกมาก...
ฝึกฝนตัวเองหาทางช่วยสามีมันก็ดี แต่ถึงขนาดทิ้งลูกให้คนอื่นดูแลนี่ไม่ไหว เลี้ยงเด็กยังไงให้เป็นแบบนี้ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แถมเป็นภาระ ใช้ชีวิตโง่ ๆ มีศัตรูอยู่ แต่ไม่พาการ็ดไปด้วย พอลูกมีปัญหาที่รร. แทนที่จะเรียกสามี มาช่วยตั้งแต่แรก เสือกจะสู้เอง...
นางเอกอ้อนแอแถมโง่ แต่ก็ไม่ฟังพระเอก เสือกวิ่งไปวิ่งมาให้ถูกคนทำร้าย อ่านแล้วรำคาญ...
นางเอกโง่เง่าไม่มีการพัฒนา...
ทำไมไม่บอกพระเอกแล้วให้จัดการกับนังนั่น...
โอน่อหยาก็รู้นี่นาว่านางเอกเป็นคู่หมั้นประธาน ทำไมยังกล้าใส่ร้ายหรือแปลกใจว่านางเอกยังมีคนหนุน...
เนื้อเรื่องยืดยาวววน่าเบื่อมาก วนไปมาไม่เข้าเรื่องสักทีอ่านจนไม่อยากอ่านต่อน่าเบื่อเกิน ไม่เข้าเรื่องพระเอกกับนางเอกสักที วนอยู่ที่เดิมจนไม่น่าติดตามเพราะน่าเบื่อ...