บทที่ 309 ไม่ต้องให้เธอมาร้องไห้ที่งานศพฉัน
เย้นหว่านตะลึงนิดหน่อย จากนั้นถึงได้สติกลับมา มองเหล่าคุณหมอที่ท่าทางตกใจกันสุดๆ ถึงระลึกได้ว่าตอนนี้เธอกำลังอยู่ในท่วงท่าอะไร
ช่างเป็นสิ่งน่าอับอายอย่างยิ่งเลย
“ฉัน ฉัน……ไม่ใช่อย่างที่พวกคุณคิดนะ”
เย้นหว่านปล่อยโห้หลีเฉินออกอย่างรีบร้อน แวบหนึ่งกระโดดขึ้นมาจากเตียง
แก้มเธอแดงจนเลือดพุ่ง ก้มศีรษะไว้อยากวิ่งไปข้างนอก
ถ้าหมอเหล่านี้คิดว่าเธอถือโอกาสที่โห้หลีเฉินป่วยหนัก อยากทำมิดีมิร้ายต่อโห้หลีเฉิน นั่นคงเป็นเรื่องน่ากระอักกระอ่วน
“ไม่ต้องไป”
โห้หลีเฉินกลับจับข้อมือของเย้นหว่านไว้ ดึงเธออยู่
กำลังของเขาไม่ได้มากมาย แต่เย้นหว่านกลับหยุดฝีเท้าลงแบบแข็งทื่อ เธอกลัวว่าจะดึงบาดแผลของเขาจนเจ็บอีกครั้งหนึ่ง
แก้มของเธอแดงฉาด “คุณทำแผล ฉัน ฉันจะออกไปรอก่อน”
อยู่ที่นี่ความจริงช่างเป็นเรื่องที่ขายหน้าแบบไม่ไหวเลย
โห้หลีเฉินไม่ได้ปล่อยเธอไป แต่ว่าพูดสั่งไปทางหมอ “พันแผลที่มือให้เธอก่อน”
อาจารย์หมอรีบก้าวขึ้นมาก่อน เดินเข้าไปมองทางมือของเย้นหว่าน “คุณผู้หญิง รบกวนนำมือของคุณให้ผมดู……”
คำพูดของหมอยังพูดไม่จบอีกครั้ง
เพราะเขามองเห็นโห้หลีเฉินยกมือของเย้นหว่านขึ้นมา จากนั้นเผยบาดแผลเล็กๆ ที่โดนมีดปอกผลไม้บาดอันนั้นออกมา
นี่เป็นเรื่องที่ปลาสเตอร์แผ่นเดียวก็จัดการได้เรื่องหนึ่ง ยังต้องการพันแผล?
คุณโห้หรือว่าอาการเจ็บของคุณไม่ใช่เร่งด่วนยิ่งกว่าเหรอ?
เห็นหมอตะลึง โห้หลีเฉินตวาดอย่างไม่อดทน “ยังไม่รีบอีก?”
หมอ “……”ความจริงแผลนี้ช่างเล็กเหลือเกิน ยังต้องการเขาหมอรักษาคนนี้ออกหน้าด้วยเหรอ?
“ได้ครับ เดี๋ยวผมจะพันแผลให้คุณผู้หญิงท่านนี้”
หมอรีบกวักมือ ให้พยาบาลที่ตามเข้ามาด้วยเข็นชั้นพยาบาลเข้ามาแล้วบอกกับเย้นหว่าน “คุณผู้หญิง คุณนั่งลงก่อน ผมจะพันแผลให้คุณ”
เย้นหว่านจำใจ เห็นโห้หลีเฉินทำท่าทีแข็งกร้าว ต้องอยากให้เธอจัดการบาดแผลก่อนถึงได้ แต่ว่าเลือดบนแขนเขายิ่งซึมยิ่งมาก
เธอมองหมอคนอื่นๆ ที่อยู่ในห้อง บอกว่า “พวกคุณสามารถดูแผลให้โห้หลีเฉินก่อนได้รึเปล่า? บาดแผลของเขาฉีกออกแล้ว”
โห้หลีเฉินสูงส่ง อาการบาดเจ็บของเขานั้น ถึงแม้ทำแผล ล้วนต้องเป็นอาจารย์หมอเฉพาะทางทำ
ถึงแม้คนอื่นจะมีอำนาจและเกียรติสารพัดด้าน แต่ขอบเขตการรับผิดชอบไม่เหมือนกัน ปกติแทบไม่เคยข้ามเส้น เพียงเพื่อผลการรักษาบรรลุเป้าเยี่ยมที่สุด
แต่ตอนนี้อาจารย์หมอถูกเรียกไปทำแผลให้เย้นหว่านแล้ว……
พวกเขามองหน้าซึ่งกันและกัน ลังเลอยู่หน่อย
โห้หลีเฉินชี้ไปเรื่อย บอกว่า “คุณเข้ามาทำแผลให้ผม”
คนคนนั้นตะลึงแล้ว สับสนอยู่นิดหน่อย ส่วนที่เขารับผิดชอบเป็นแผนกประสาท ถึงแม้ว่าเขาจะสามารถทำแผลเรื่องพวกนี้ได้ดีมาก แต่ว่าไม่ได้เป็นมืออาชีพขั้นสุดในการไปจัดการบาดแผลของโห้หลีเฉิน จะมีสิทธิ์อันนี้หรือเปล่า?
แต่โห้หลีเฉินเอ่ยปากแล้ว เขาย่อมไม่กล้าปฏิเสธอย่างเด็ดขาด
แรงกดดันค้ำสมองอยู่ หมอเดินขึ้นไปด้านหน้า เริ่มจัดการบาดแผลให้โห้หลีเฉิน
แผลของเย้นหว่านเล็กมาก มีเพียงรอยแผลที่ใหญ่หนึ่งถึงสองเซนติเมตรขนาดนั้น ปกติใช้ทิชชูห้ามเลือด ปิดปลาสเตอร์ก็เสร็จแล้ว
แต่ตอนนี้หมอคนนี้ก็ปฏิบัติเหมือนคนป่วยหนัก ฆ่าเชื้อครั้งแล้วครั้งเล่า ขั้นตอนสารพัดล้วนไม่มีขาดตก ทำชนิดที่สามารถพูดได้ว่าเป็นความประณีตอย่างยิ่ง
และแม้กระทั่งภายใต้ฝีมือเฉพาะทางของเขา นิ้วมือของเย้นหว่านที่เดิมทีเจ็บนิดหน่อยนั้น แม้แต่ความเจ็บยังไม่รู้สึกถึงเลย
ที่แท้เป็นทีมงานรับใช้ของโห้หลีเฉิน ฝีมือในการรักษาไม่ธรรมดาเสียจริง
เย้นหว่านไม่ได้สนใจมือของตนเอง มองสภาพอาการของโห้หลีเฉินด้านนั้นแบบเต็มไปด้วยความประหม่าห่วงใย ตอนที่มองเห็นเขาถอดเสื้อลง เผยผ้าพันแผลเต็มตัวออกมานั้น ลมหายใจของเธอนิ่งไปทันใด
เธอเหมือนไม่อยากเชื่อว่าหลังผ้าพันแผลเต็มตัวนั้น มีบาดแผลที่ร้ายแรงเพียงใด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน
อืดอาด มีเรื่องคู่นั้นคู่นี้แทรกมาตลอด แล้วยังออกทะเลไปไม่รู้กี่รอบ วนอยู่แต่กับความโง่ของนางเอกและความปิดปังเพราะรักของพระเอก เฮ้อ ทนอ่านมาเพราะอยากรู้ตอนจบ แต่หงุดหงิกมาก...
ฝึกฝนตัวเองหาทางช่วยสามีมันก็ดี แต่ถึงขนาดทิ้งลูกให้คนอื่นดูแลนี่ไม่ไหว เลี้ยงเด็กยังไงให้เป็นแบบนี้ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แถมเป็นภาระ ใช้ชีวิตโง่ ๆ มีศัตรูอยู่ แต่ไม่พาการ็ดไปด้วย พอลูกมีปัญหาที่รร. แทนที่จะเรียกสามี มาช่วยตั้งแต่แรก เสือกจะสู้เอง...
นางเอกอ้อนแอแถมโง่ แต่ก็ไม่ฟังพระเอก เสือกวิ่งไปวิ่งมาให้ถูกคนทำร้าย อ่านแล้วรำคาญ...
นางเอกโง่เง่าไม่มีการพัฒนา...
ทำไมไม่บอกพระเอกแล้วให้จัดการกับนังนั่น...
โอน่อหยาก็รู้นี่นาว่านางเอกเป็นคู่หมั้นประธาน ทำไมยังกล้าใส่ร้ายหรือแปลกใจว่านางเอกยังมีคนหนุน...
เนื้อเรื่องยืดยาวววน่าเบื่อมาก วนไปมาไม่เข้าเรื่องสักทีอ่านจนไม่อยากอ่านต่อน่าเบื่อเกิน ไม่เข้าเรื่องพระเอกกับนางเอกสักที วนอยู่ที่เดิมจนไม่น่าติดตามเพราะน่าเบื่อ...