บทที่ 385 ตามมาแล้ว
Lamborghini คันสีดำจอดอยู่ข้างเครื่องบินอย่างนุ่มนวล เปิดประตูออก ก็มือรองเท้าหนังมันวาวข้างหนึ่งเหยียบลงบนพื้น
ต่อมา ก็เป็นขายาวเหยียดตรงหนึ่งข้างยาวเสียดฟ้า ชุดสูททรงพอดีตัว ไหล่กว้าง กลิ่นอายที่สูงส่งและอันธพาล รอยเส้นตรงคางที่เย็นชาและหนักแน่น ใบหน้าคมและดูดี หล่อเหล่าจนทำให้คนไม่อาจลืม และน่าจดจำในใจเป็นเวลานาน
เย้นหว่านทั้งตัวคนงงไปหมด มองชายหนุ่มที่ลงจากรถด้วยความประหลาดใจ มันเป็นใบหน้าที่เธอไม่มีวันลืมในใจ
โห้หลีเฉิน
คิดไม่ถึงว่าเขาจะตามมาถึงที่นี่!
เขาอยากทำอะไรกันแน่?
หัวใจของเย้นหว่านเต้นเร็วขึ้นอย่างไม่สามารถควบคุมได้ ราวกับว่ากำลังอุ้มกระต่ายที่กระสับกระส่ายหนึ่งตัว อยากจะวิ่งออกจากอกของเธอออกมาอย่างตุ้ม ๆต่อม ๆ
โห้หลีเฉินลงจากรถ เงยหน้าขึ้น สายตาอันแหลมคมมองไปที่หน้าต่างเล็ก ๆ ของเครื่องบิน และกำลังมองไปที่ตำแหน่งของเย้นหว่านพอดี
ทั้งคู่สบตากัน ราวกับว่าในชั่วพริบตา เวลาได้หยุดลง
การหายใจของเย้นหว่านก็หายไป
เธอตื่นตระหนกจนทำอะไรไม่ถูก และกำลังพัวพันว่าจะหลบหลีกสายตาของเขาโดยทันที หรือตอนที่ซ่อนตัวดี การมองเห็นของเธอกลับถูกปิดกั้นทันที
เย้นโม่หลินยืนอยู่ตรงกลางระหว่างสายตาของเธอและโห้หลีเฉินพอดี
ในทิศทางของเย้นหว่านนี้ เห็นแค่เพียงเงาด้านหลังของเย้นโม่หลินเท่านั้น และมองเห็นได้สีหน้าของโห้หลีเฉินอีกต่อไป
ทันใดนั้นหัวใจของเธอก็กังวลขึ้นมา ถอนหายใจหนึ่งครั้ง และดูเหมือนว่าใจคอหดเหี่ยวเล็กน้อยอยากจะทำอะไรบางอย่าง แต่ก็มือไม้อ่อนไปหมดจนทำอะไรก็ไม่ได้
ตอนนี้เธอ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะต้องเผชิญหน้าต่อโห้หลีเฉินอย่างไรดี ถึงได้วิ่งหนีไปอย่างจนตรอกและรีบร้อนเช่นนี้
เมื่อสายตาถูกปิดกั้น คิ้วของโห้หลีเฉินก็ขมวดขึ้นเล็กน้อย สายตาของเขามืดลงและมองไปที่ชายตรงหน้าเขา
เย้นโม่หลิน ก่อนที่เย้นหว่านจะออกไปนั้น เขาก็ได้ค้นหาข่าวทุกประเภทเกี่ยวกับเย้นโม่หลินมาหมดแล้ว หลังจากกลับตระกูลหยูนั้น ก็มีข่าวเพิ่มเติมขึ้นเล็กน้อย และเขาก็อ่านมันทั้งหมดโดยไม่พลาดสักตัว
ผู้ชายที่มีภาพลักษณ์ภายนอกอ่อนโยนเหมือนหยก แต่ในความเป็นจริงใจอำมหิตและเหี้ยมโหดโหด
และในครั้งนี้ที่เขาหาเย้นหว่านไม่เจอมาโดยตลอด ก็ต้องเป็นฝีมือของเย้นโม่หลินแน่นอน
ถ้าเป็นคนอื่น กล้าเล่นกลอุบายกลางคันเช่นนี้ โห้หลีเฉินคงจะฉีกเขาให้เป็นชิ้นๆเก้าสิบเก้าครั้งแล้ว แต่เขาเป็นพี่ชายแท้ๆของเย้นหว่าน และพี่ชายของภรรยาในอนาคตของเขา
ไม่ต้องใช้กำลังทุบตีจะดีที่สุด
"คุณเย้น ผมมีเรื่องจะคุยกับเย้นหว่าน โปรดให้เวลาผมสักหน่อยนะครับ"
เอ่ยพูดอย่างสุภาพบุรุษของโห้หลีเฉิน แม้ว่าจะเป็นท่าทีร้องขอ แต่กลับมีพลังที่แข็งแกร่งและไม่สามารถปฏิเสธได้
เย้นโม่หลินมองไปยังสายตาที่เย็นชาและไม่เป็นมิตร ของโห้หลีเฉิน
สองมือกอดอก พูดอย่างเย็นชาว่า: "ถ้าฉันจำไม่ผิด คุณโห้ คุณไม่มีความสัมพันธ์กับเสี่ยวหว่าน ตั้งแต่ตอนที่คุณอยู่ที่เมืองหนานแล้วไม่ใช่เหรอ? ในเมื่อแยกทางกันแล้ว ก็อย่าพบเจอกันจะดีกว่า"
"เรื่องในเมืองหนานเป็นเรื่องเข้าใจผิด ผมจะอธิบายต่อหน้าให้เธอฟังเอง"
โห้หลีเฉินอธิบาย ความอดทนที่หายาก
เว่ยชียืนตัวตรงอยู่ข้าง ๆ พลางแอบถอนหายใจในใจ เมื่อก่อนนัยน์สายตาของคุณโห้ไม่เคยมีใครมีอารมณ์ที่จะมองคนข้าง ๆนานซะเมื่อไหร่ มีความอดทนที่จะอธิบายบางสิ่งให้คนอื่นฟังซะเมื่อไหร่
แต่ว่าตอนนี้ กลับเป็นเพราะเย้นหว่าน เส้นขีดจำกัดถึงได้เปลี่ยนไปครั้งแล้วครั้งเล่า
ไม่รู้จริงๆว่า นี่เป็นโชคดีหรือโชคร้ายสำหรับคุณผู้ชาย
เย้นโม่หลินกลับไม่แสดงสีหน้าเลยสักนิด ยืนนิ่งเหมือนภูเขาอย่างไม่ขยับ พลังที่แข็งแกร่งรอบๆตัวนั้น และในดวงตาก็เต็มไปด้วยความเย็นชาและการปฏิเสธ
เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา ทีละคำ: "เธอไม่อยากพบคุณ"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน
อืดอาด มีเรื่องคู่นั้นคู่นี้แทรกมาตลอด แล้วยังออกทะเลไปไม่รู้กี่รอบ วนอยู่แต่กับความโง่ของนางเอกและความปิดปังเพราะรักของพระเอก เฮ้อ ทนอ่านมาเพราะอยากรู้ตอนจบ แต่หงุดหงิกมาก...
ฝึกฝนตัวเองหาทางช่วยสามีมันก็ดี แต่ถึงขนาดทิ้งลูกให้คนอื่นดูแลนี่ไม่ไหว เลี้ยงเด็กยังไงให้เป็นแบบนี้ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แถมเป็นภาระ ใช้ชีวิตโง่ ๆ มีศัตรูอยู่ แต่ไม่พาการ็ดไปด้วย พอลูกมีปัญหาที่รร. แทนที่จะเรียกสามี มาช่วยตั้งแต่แรก เสือกจะสู้เอง...
นางเอกอ้อนแอแถมโง่ แต่ก็ไม่ฟังพระเอก เสือกวิ่งไปวิ่งมาให้ถูกคนทำร้าย อ่านแล้วรำคาญ...
นางเอกโง่เง่าไม่มีการพัฒนา...
ทำไมไม่บอกพระเอกแล้วให้จัดการกับนังนั่น...
โอน่อหยาก็รู้นี่นาว่านางเอกเป็นคู่หมั้นประธาน ทำไมยังกล้าใส่ร้ายหรือแปลกใจว่านางเอกยังมีคนหนุน...
เนื้อเรื่องยืดยาวววน่าเบื่อมาก วนไปมาไม่เข้าเรื่องสักทีอ่านจนไม่อยากอ่านต่อน่าเบื่อเกิน ไม่เข้าเรื่องพระเอกกับนางเอกสักที วนอยู่ที่เดิมจนไม่น่าติดตามเพราะน่าเบื่อ...