บทที่ 405 มีอะไรปิดบังเธอไว้
กงจืออวีเห็นเย้นหว่านมีท่าทีเอาใจใส่และรู้เรื่องรู้ราวมากขึ้น ก็รู้สึกจิตตกขึ้นมา
เธอไม่บังคับให้เย้นหว่านแต่งงานกับหยูซือห้าน แต่กลับกังวลว่าเย้นหว่านยังคิดถึงโห้หลีเฉินนั่นอยู่
เธอขมวดคิ้วเล็กน้อย พูดด้วยสีหน้าจริงจัง:
“เสี่ยวหว่าน ลูกไม่ต้องไปสนใจทักทายหยูซือห้านมากหรอก เรื่องพวกนี้ ให้พี่ชายลูกไปทำเถอะ ส่วนลูก แม้แค่อยากให้ลูกใช้ชีวิตทุกวันอย่างมีความสุข มีอิสระในชีวิต”
เธอหยุดพัก และพูดเสียงเข้มว่า: “แม้ไม่อนุญาตให้ใครที่มีแนวโน้มทำร้ายลูกมาอยู่ข้างลูกได้ ลูกไม่ต้องนึกถึงโห้หลีเฉินหรอก เพื่อลูก แม้จะไม่อนุญาตให้ลูกอยู่กับเขาเด็ดขาด”
เป็นคำพูดที่ไม่อนุญาตโต้เถียง ทุกคำพูดกระแทกเข้าใจเย้นหว่านไปทั้งหมด
เย้นหว่านแม้จะอยู่กับกงจือหยูไม่ค่อยนานมากเท่าไหร่ แต่ความสัมพันธ์ทางสายเลือด เธอรู้ว่ากงจืออวีเป็นคนที่พูดแล้วไม่กลับคำ มีความดื้อรั้นเข้ากระดูก
เธออยากอยู่กับโห้หลีเฉิน อยากจะเปลี่ยนความคิดกงจืออวี แต่ก็เป็นเรื่องที่ยากอยู่สมควร
เย้นหว่านทำอะไรไม่ได้ แต่ในความคิดกลับไม่เคยยอมแพ้เลย
ยากแค่ไหน เธอก็จะพยายามก้าวออกไปให้ได้
เงยหน้าขึ้น เย้นหว่านพูดกับกงจืออวีอย่างจริงจังว่า “แม่ หนูเข้าใจว่าแม่เป็นห่วงนะคะ หนูรับประกันได้เลยว่า โห้หลีเฉินเป็นผู้ชายที่ดีมากจริงๆ คุ้มค่าแก่การที่แม่เอาลูกสาวฝากไว้ในมือเขาแน่นอนค่ะ”
สองแม่ลูกสีหน้าต่างดูอ่อนโยน แต่ภายใต้จิตใจเบื้องลึก กลับมีความดื้อรั้นพอพอกัน
ใครก็โน้มน้าวใจใครไม่ได้ ไม่มีใครยอมใครกันเลยทีเดียว
เย้นเจิ้นจื๋อเป็นห่วงอนาคตของเย้นหว่าน ขณะเดียวกัน ก็รู้สึกภูมิใจมากด้วย
เขายื่นมือไปวางไว้ที่ไหล่เย้นโม่หลิน พูดเสียงเบาพร้อมด้วยรอยยิ้มว่า: “ดูนิสัยของน้องสาวสิ เหมือนตอนแม่ยังสาวๆหรือเปล่า?”
เย้นโม่หลินยักไหล่ “ตอนแม่สาวๆ ผมไม่รู้ แต่ตอนนี้พวกเขาสองคน ดื้อรั้นพอพอกันเลยนะครับ”
ต่อไปคุณผู้หญิงสองคนในบ้านนี้ พวกเขาสองพ่อลูก ทั้งมีความสุขและทั้งปวดหัวด้วย
เรื่องเย้นหว่านกับโห้หลีเฉินเป็นสงครามที่ไม่จบไม่สิ้น
สุดท้ายไม่มีใครยอมใคร เป็นเรื่องที่ยากที่คาดเดาได้ แต่ว่า เขาไม่ตกลงเรื่องที่ให้เย้นหว่านกับโห้หลีเฉินอยู่ด้วยกันแน่นอน ตลอดชีวิตนี้อย่าได้คิดเลย
กินข้าวเสร็จแล้ว เย้นหว่านก็รีบกลับห้องไปอย่างอดใจไม่อยู่ อยากจะคุยกับโห้หลีเฉินเต็มที
บนโต๊ะอาหาร กงจืออวีนั่งไม่ไปไหน เห็นทางที่เย้นหว่านเดินไป สีหน้าเธอก็ดูจริงจังขึ้นมา
สักพักใหญ่ๆ เธอก็พูดเสียงเข้มว่า: “จะให้โห้หลีเฉินอยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้แล้ว”
แม้เขาจะไม่อยู่ในบ้านตระกูลเย้น และไม่ได้ให้เย้นหว่านออกไปเจอเขา แต่กงจืออวีก็ยังรู้สึกไม่ไว้ใจอยู่ดี
เป็นแบบนี้ต่อไป เย้นหว่านจะไม่อยากปล่อยโห้หลีเฉินไป
ตอนนี้สิ่งแรกที่ต้องทำ ก็คือให้โห้หลีเฉินออกไปจากที่นี่ พออยู่ไกลแล้ว หัวใจของเย้นหว่านก็จะไกลออกไปด้วย
“เสี่ยวโม่” กงจืออวีหันไป มองเย้นโม่หลินด้วยสีหน้าจริงจัง และสั่งไปว่า “แผนการเริ่มก่อน รีบไล่โห้หลีเฉินออกไปที่นี่อย่างเร็วที่สุด”
เย้นโม่หลินอยากจะไล่โห้หลีเฉินออกไปอยู่แล้ว เขารีบลุกขึ้นมา ดวงตามีแสงอันตรายประกายออกมา
“วางใจได้ ไม่นาน ผมจะทำให้เขาหายไปจากที่นี่”
。。。。。。
เย้นหว่านยังไม่รู้ว่าแม่กับพี่ชายตัวเองเริ่มลงมือกับโห้หลีเฉินแล้ว เธอกลับมาที่ห้อง ก็ส่งข้อความหาโห้หลีเฉินอย่างเขินอาย
พูดคุยเรื่องไร้สาระ แต่ทุกคำพูดกลับทำให้เธอรู้สึกมีความสุขอย่างมาก
แต่กำลังคุยกันอยู่นั้น เธอก็เห็นว่า ข้อความที่โห้หลีเฉินส่งมาเวลาก็นานขึ้นเรื่อยๆ
ตอนแรกคือตอบกลับทันที ต่อมาก็หลายนาทีกว่าจะตอบ สุดท้ายหลายสิบนาทีกว่าจะตอบหนึ่งข้อความ บางทีข้อความก็ดูง่ายๆเกินไป
เย้นหว่านมองโทรศัพท์ค้าง ลังเลสักพัก ก็ส่งข้อความถามเขา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน
อืดอาด มีเรื่องคู่นั้นคู่นี้แทรกมาตลอด แล้วยังออกทะเลไปไม่รู้กี่รอบ วนอยู่แต่กับความโง่ของนางเอกและความปิดปังเพราะรักของพระเอก เฮ้อ ทนอ่านมาเพราะอยากรู้ตอนจบ แต่หงุดหงิกมาก...
ฝึกฝนตัวเองหาทางช่วยสามีมันก็ดี แต่ถึงขนาดทิ้งลูกให้คนอื่นดูแลนี่ไม่ไหว เลี้ยงเด็กยังไงให้เป็นแบบนี้ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แถมเป็นภาระ ใช้ชีวิตโง่ ๆ มีศัตรูอยู่ แต่ไม่พาการ็ดไปด้วย พอลูกมีปัญหาที่รร. แทนที่จะเรียกสามี มาช่วยตั้งแต่แรก เสือกจะสู้เอง...
นางเอกอ้อนแอแถมโง่ แต่ก็ไม่ฟังพระเอก เสือกวิ่งไปวิ่งมาให้ถูกคนทำร้าย อ่านแล้วรำคาญ...
นางเอกโง่เง่าไม่มีการพัฒนา...
ทำไมไม่บอกพระเอกแล้วให้จัดการกับนังนั่น...
โอน่อหยาก็รู้นี่นาว่านางเอกเป็นคู่หมั้นประธาน ทำไมยังกล้าใส่ร้ายหรือแปลกใจว่านางเอกยังมีคนหนุน...
เนื้อเรื่องยืดยาวววน่าเบื่อมาก วนไปมาไม่เข้าเรื่องสักทีอ่านจนไม่อยากอ่านต่อน่าเบื่อเกิน ไม่เข้าเรื่องพระเอกกับนางเอกสักที วนอยู่ที่เดิมจนไม่น่าติดตามเพราะน่าเบื่อ...