พริบตาเดียวเวลาก็ผ่านไปแล้ว
ช่วงบ่ายของวันที่สาม
เย้นหว่านนั่งหากู้จื่อเฟยอยู่ในห้องอ่านหนังสือกับโห้หลีเฉินเหมือนที่ผ่านมา เขานั่งควบคุมคอมพิวเตอร์ ส่วนเธอก็คอยป้อนผลไม้และของหวานให้เขาเป็นพักๆ และวาดภาพออกแบบอยู่ข้างๆด้วย
แต่อาจจะเพราะกู้จื่อเฟยกับกู้ซึงไร้วี่แวว อารมณ์ของเธอสงบลงมาไม่ได้สักที ภาพวาดก็วาดได้มั่วซั่ว จู่ๆมือที่กำลังเคาะแป้นพิมพ์อยู่ของโห้หลีเฉินได้หยุดลงมา
เขามองหน้าจอคอมพิวเตอร์อยู่ครู่หนึ่ง จากนั้น พริบตาเดียวก็มองมาทางเย้นหว่านที่เบื่อหน่ายสุดๆ จากนั้นได้พูดด้วยรอยยิ้ม “เจอกู้จื่อเฟยแล้วครับ”
“ห๊า?”
คำพูดที่มากะทันหัน ทำเอาเย้นหว่านตกใจจนดึงสติกลับมาไม่ได้ในชั่วขณะ
เธออึ้งไปครู่หนึ่ง ทีนี้ถึงลุกขึ้นมาจากเก้าอี้อย่างดีอกดีใจ “จริงเหรอคะ? เธออยู่ไหนคะ?”
สามวัน!
โห้หลีเฉินบอกสามวัน ก็หากู้จื่อเฟยเจอภายในสามวันจริงๆ
เขานี่เก่งจริงๆเลย
โห้หลีเฉินชี้แผนที่ในคอมพิวเตอร์ บนจอมีเครื่องหมายสีแดงเล็กๆจุดหนึ่ง เขาเอ่ยปากพูดว่า “ที่นี่ครับ”
อยู่ในโซนเมืองไห่เฉิงจริงๆ
แต่มีระยะห่างกับที่นี่ไม่น้อยเลย
เย้นหว่านลุกขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น และพูดอย่างรีบร้อน “ตอนนี้น่าจะยังสามารถโยกย้ายเฮลิคอปเตอร์ได้ พวกเราขับเฮลิคอปเตอร์ไป ไม่นานก็สามารถเจอกู้จื่อเฟยแล้วค่ะ”
เธออยากเจอหน้ากู้จื่อเฟยจนอดใจรอไม่ไหวแล้ว อยากเห็นกับตาว่าเธอปลอดภัยและสบายดีหรือเปล่า ลำบากลำบนหรือเปล่า
จู่ๆโห้หลีเฉินกลับดึงมือเล็กๆของเย้นหว่านไว้ เขาเงยหย้ามองเธอพร้อมหยอกเล่น “เย้นหว่าน พอมีกู้จื่อเฟย คุณก็ไม่เอาผมแล้วเหรอ?”
เย้นหว่านมองเขาอย่างตะลึงงัน พูดแบบนี้ทำไม เธอทำแบบนี้ที่ไหนกัน?
แต่ไม่นานเธอก็นึกขึ้นได้ว่า บาดแผลบนตัวโห้หลีเฉินยังค่อนข้างสาหัส ไม่เหมาะที่จะเดินทางไกล เพราะฉะนั้นดีที่สุดเขาอย่าไปหากู้จื่อเฟยดีกว่า
ทันใดนั้นเย้นหว่านค่อนข้างลังเลในทันที
เธออยากไปหากู้จื่อเฟยเองและรับเธอกลับมาเอง แต่เธอก็ไม่ไว้ใจที่ทิ้งให้โห้หลีเฉินอยู่ที่นี่คนเดียว.......
เธอยืนแข็งทื่ออยู่กับที่ ขมวดคิ้วแน่น และรู้สึกลำบากใจ
โห้หลีเฉินมองสีหน้าลำบากใจของเย้นหว่าน เขาก็แข็งใจกลั่นแกล้งเธอมากเกินไปไม่ได้ จึงได้พูดเบาๆว่า “ผมไม่ไป คุณก็ห้ามไป มีคนคนหนึ่ง เหมาะที่จะไปรับกู้จื่อเฟยมากกว่าคุณกับผมนะ”
ไม่ไปทั้งสองคน?
เย้นหว่านสงสัย “ใครคะ?”
“พี่ชายคุณ เย้นโม่หลิน” โห้หลีเฉินพูดอย่างมีความหมายลึกซึ้ง
ทีนี้เย้นหงว่านถึงนึกถึงความพัวพันระหว่างพี่ชายตนเองกับกู้จื่อเฟยได้
เรื่องนี้ ที่กู้จื่อเฟยหายตัวไป สาเหตุหลักก็เพราะคำพูดและท่าทีของเย้นโม่หลิน
ใครเป็นคนก่อปัญหาขึ้นมาก็ต้องคนนั้นไปแก้ไขเอง ให้เย้นโม่หลินไปรับกู้จื่อเฟย ถึงจะไขปมและปรับความเข้าใจได้
เขาอาจจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดจริงๆ
แววตาของเย้นหว่านระยิบระยับ ลังเลไปสักพักถึงฝืนพยักหน้า “งั้นฉันไปบอกพี่ชายฉัน ให้เขาไปรับจื่อเฟยค่ะ”
“ไม่ต้องรีบร้อน ผมไปกับคุณเอง”
โห้หลีเฉินลุกขึ้น จูงมือเย้นหว่านไว้และยืนอยู่ข้างกายเธอ
เขาก้าวเท้าเดินมาด้านหน้าอย่างสง่าผ่าเผย และสั่งการด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยเมย “เดี๋ยวไม่ว่าเย้นโม่หลินจะพูดอะไรหรือทำอะไร คุณก็ต้องมีท่าทีเฉียบขาดว่าจะอยู่ดูแลผมที่นี่นะ รู้มั้ย?”
หรือว่าเย้นโม่หลินยังจะอ่อนไหวกับท่าทีของเธอ?
บังคับเธอให้ไปรับกู้จื่อเฟยด้วยกัน?
น่าจะไม่ถึงขั้นนั้นมั้ง ช่วงนี้เธอกับโห้หลีเฉินอยู่ด้วยกันอย่างเปิดเผยเชียวนะ
คำพูดของโห้หลีเฉินเย้นหว่านรู้แค่ผิวเผิน คิดแล้วไม่เข้าใจ ก็เลยปิดปากเงียบไม่ถามแล้ว สุดท้ายได้พยักหน้าอย่างเชื่อฟัง “ได้ค่ะ”
พอพูดจบ ก็จูงมือโห้หลีเฉินเดินออกไปด้านนอกอย่างอดใจรอไม่ไหว
ตอนที่ทั้งสองมาถึงหน้าวิลล่าของเย้นโม่หลิน เจอเย้นโม่หลินที่เดินมาด้วยฝีเท้าเร่งรีบพอดี
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน
อืดอาด มีเรื่องคู่นั้นคู่นี้แทรกมาตลอด แล้วยังออกทะเลไปไม่รู้กี่รอบ วนอยู่แต่กับความโง่ของนางเอกและความปิดปังเพราะรักของพระเอก เฮ้อ ทนอ่านมาเพราะอยากรู้ตอนจบ แต่หงุดหงิกมาก...
ฝึกฝนตัวเองหาทางช่วยสามีมันก็ดี แต่ถึงขนาดทิ้งลูกให้คนอื่นดูแลนี่ไม่ไหว เลี้ยงเด็กยังไงให้เป็นแบบนี้ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แถมเป็นภาระ ใช้ชีวิตโง่ ๆ มีศัตรูอยู่ แต่ไม่พาการ็ดไปด้วย พอลูกมีปัญหาที่รร. แทนที่จะเรียกสามี มาช่วยตั้งแต่แรก เสือกจะสู้เอง...
นางเอกอ้อนแอแถมโง่ แต่ก็ไม่ฟังพระเอก เสือกวิ่งไปวิ่งมาให้ถูกคนทำร้าย อ่านแล้วรำคาญ...
นางเอกโง่เง่าไม่มีการพัฒนา...
ทำไมไม่บอกพระเอกแล้วให้จัดการกับนังนั่น...
โอน่อหยาก็รู้นี่นาว่านางเอกเป็นคู่หมั้นประธาน ทำไมยังกล้าใส่ร้ายหรือแปลกใจว่านางเอกยังมีคนหนุน...
เนื้อเรื่องยืดยาวววน่าเบื่อมาก วนไปมาไม่เข้าเรื่องสักทีอ่านจนไม่อยากอ่านต่อน่าเบื่อเกิน ไม่เข้าเรื่องพระเอกกับนางเอกสักที วนอยู่ที่เดิมจนไม่น่าติดตามเพราะน่าเบื่อ...