“งั้นยังชักช้าอยู่ที่นี่ทำไม? รีบไปหาเธอสิ!”
เย้นโม่หลินขมวดคิ้วพูด ก้าวเท้ายาวเดินไปที่ลานจอดเครื่อง เดินไปด้วยและสั่งการไปด้วย “เตรียมเฮลิคอปเตอร์”
ต้วนอานไม่ได้รู้สึกแปลกใจกับปฏิกิริยาของเย้นโม่หลินแล้ว
ช่วงนี้ เขาตามหากู้จื่อเฟยด้วยกันกับเย้นโม่หลิน แค่มีข่าวนิดหน่อย เย้นโม่หลินก็วิ่งไปไวดั่งสายลม ตื่นเต้นจะแย่อยู่แล้ว
ในที่สุดตอนนี้ก็แน่ใจว่าหากู้จื่อเฟยเจอร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว เขาย่อมต้องบินไปทันทีอยู่แล้ว
แต่ว่า ในฐานะที่เป็นผู้ช่วยส่วนตัว เขาก็ยังได้พูดเตือนอย่างมีจรรยาบรรณวิชาชีพมากอยู่ดี “คุณชายครับ คุณท่านยังรอคุณชายอยู่ที่บ้าน บอกว่ามีเรื่องจะปรึกษาหารือกับคุณชายนะครับ”
เดิมที พวกเขาคือเตรียมกลับตระกูลเย้น
แต่ไหนแต่ไรความเคลื่อนไหวที่พวกเขาทำอยู่ข้างนอก ถึงแม้ได้ปิดบังคนในครอบครัวไว้ แต่สุดท้ายก็ถูกเย้นเจิ้นจื๋อดูความผิดปกติออกอยู่ดี
เพราะฉะนั้น ถึงได้เรียกเย้นโม่หลินกลับไปถาม
แต่ว่า ตามระดับความแคร์ที่เย้นโม่หลินมีต่อกู้จื่อเฟย ไม่ต้องคิดพิจารณาเลยด้วยซ้ำ กลับบ้านจะกลับเมื่อไหร่ก็ได้ แต่ตามหากู้จื่อเฟยต้องไปเดี๋ยวนี้
ต้วนอานเดินตามเย้นโม่หลินไปโดยที่ไม่คิด แต่เพิ่งเดินได้สองก้าว หัวก็ชนเข้ากับแผ่นหลังของเย้นโม่หลิน
เขาตกใจจนหน้าซีด รีบถอยหลังไปสองก้าวอย่างสีหน้าซีดเซียว “คุณชาย ผมไม่ได้ตั้งใจครับ”
เย้นโม่หลินที่เดินอย่างรีบร้อน ทำไมจู่ๆถึงหยุดลงมาได้ล่ะ?
ให้ตายสิ
เย้นโม่หลินไม่ได้สนใจเขา แววตาเคร่งขรึมมืดมน ดูเหมือนกำลังยับยั้งชั่งใจอะไรอยู่
เขาเพ่งมองเย้นหว่านและพูดเสียงต่ำ “พ่อยังรอพี่อยู่ พี่ต้องกลับตระกูลเย้นก่อน เธอไปรับกู้จื่อเฟยเถอะ”
ต้วนอานยืนตื่นตะลึงอยู่ข้างๆ จนลูกตาจะทะลักออกมาอยู่แล้ว
เขาฟังไม่ผิดใช่มั้ย?
คุณชายบอกจะกลับตระกูลเย้นก่อน!
แต่ไหนแต่ไรเรื่องรายงานแบบนี้เขาชิวๆที่สุดเลยไม่ใช่เหรอ?
เย้นหว่านได้ยินคำนี้แล้วเหนือความคาดหมายมาก
ดูออกว่าปฏิกิริยาแรกของเย้นโม่หลินคืออยากไปหากู้จื่อเฟยมาก แต่ทำไมตอนนี้กลับเปลี่ยนใจแล้วล่ะ?
ไม่มีทางเป็นเพราะสาเหตุของพ่อแน่นอน
เย้นหว่านขมวดคิ้วเล็กน้อย มองเย้นโม่หลินอย่างงงงวย เธอพูดว่า “ฉันจะดูแลโห้หลีเฉิน ไม่ค่อยสะดวกไป พี่ไปดีกว่า”
สายตาเยือกเย็นและเฉียบคมเหมือนกระบี่ของเย้นโม่หลินจ้องไปที่โห้หลีเฉิน
เขาพูดเยาะเย้ย “อาการเขาดีขึ้นเยอะแล้ว และสามารถเดินเล่นได้ทั่วลานบ้าน มีอะไรต้องดูแลอีก? ด้านความปลอดภัยไม่ต้องเป็นห่วงหรอก พี่จะให้บอดี้การ์ดอยู่ที่บ้านหมด”
ได้ยินคำพูดเหล่านี้ เย้นหว่านรู้สึกประหลาดใจ
ก่อนหน้านี้โห้หลีเฉินบอกเธอว่า ไม่ว่าเย้นโม่หลินพูดอะไรหรือทำอะไร เธอก็อย่าหวั่นไหว และอย่าตอบตกลงว่าจะไปรับกู้จื่อเฟย
เธอยังคิดไม่ออกว่าทำไมเป็นแบบนี้
ตอนนี้กลับเกิดขึ้นที่ตรงหน้าเธออย่างสมจริง ไม่นึกเลยว่าเย้นโม่หลินจะหาข้ออ้างไม่ไปรับกู้จื่อเฟยจริงๆ
ถ้าไม่ใช่โห้หลีเฉินทำการป้องกันตั้งแต่แรก เย้นหว่านไม่รู้ว่าจะรับมือยังไงจริงๆ
เธอรีบทำสีหน้าลำบากใจออกมาทันที จากนั้นยื่นมือควงแขนของโห้หลีเฉินไว้แล้วพูดว่า “ให้ผู้ชายมาทำเรื่องกินข้าวใส่เสื้อผ้าพวกนี้ มือหยาบกระด้างเกินไปไม่รู้จักหนักเบา ฉันไม่ไว้ใจหรอก แต่ถ้าเป็นแม่บ้านหญิงฉันก็ยิ่งไม่ไว้ใจเข้าไปใหญ่”
เย้นหว่านมองหน้าเย้นโม่หลิน เสียงไม่ดัง แต่ท่าทีกลับหนักแน่นมาก สีหน้าเหมือนกำลังปกป้องลูกรักตัวเอง
เย้นโม่หลินยกมุมปากขึ้น ที่เขาคิดคือเรื่องความปลอดภัย แต่น้องสาวเขากลับคิดเรื่องละเอียดอ่อนที่ไม่สามารถละเอียดอ่อนอีก
อีกอย่างเหตุผลที่พูดออกมา เขาถึงกับไม่รู้จะตอบโต้ยังไง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน
อืดอาด มีเรื่องคู่นั้นคู่นี้แทรกมาตลอด แล้วยังออกทะเลไปไม่รู้กี่รอบ วนอยู่แต่กับความโง่ของนางเอกและความปิดปังเพราะรักของพระเอก เฮ้อ ทนอ่านมาเพราะอยากรู้ตอนจบ แต่หงุดหงิกมาก...
ฝึกฝนตัวเองหาทางช่วยสามีมันก็ดี แต่ถึงขนาดทิ้งลูกให้คนอื่นดูแลนี่ไม่ไหว เลี้ยงเด็กยังไงให้เป็นแบบนี้ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แถมเป็นภาระ ใช้ชีวิตโง่ ๆ มีศัตรูอยู่ แต่ไม่พาการ็ดไปด้วย พอลูกมีปัญหาที่รร. แทนที่จะเรียกสามี มาช่วยตั้งแต่แรก เสือกจะสู้เอง...
นางเอกอ้อนแอแถมโง่ แต่ก็ไม่ฟังพระเอก เสือกวิ่งไปวิ่งมาให้ถูกคนทำร้าย อ่านแล้วรำคาญ...
นางเอกโง่เง่าไม่มีการพัฒนา...
ทำไมไม่บอกพระเอกแล้วให้จัดการกับนังนั่น...
โอน่อหยาก็รู้นี่นาว่านางเอกเป็นคู่หมั้นประธาน ทำไมยังกล้าใส่ร้ายหรือแปลกใจว่านางเอกยังมีคนหนุน...
เนื้อเรื่องยืดยาวววน่าเบื่อมาก วนไปมาไม่เข้าเรื่องสักทีอ่านจนไม่อยากอ่านต่อน่าเบื่อเกิน ไม่เข้าเรื่องพระเอกกับนางเอกสักที วนอยู่ที่เดิมจนไม่น่าติดตามเพราะน่าเบื่อ...