สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน นิยาย บท 637

ได้ยินคำพูดของป่ายฉีแล้ว สายตาของหยูฉู่สองจับจ้องไปที่โห้หลีเฉินทันที

แววตาของเขาเฉียบแหลม แล้วพูดด้วยน้ำเสียงออกคำสั่ง

“หลีเฉิน นายรู้ดีที่สุดว่าอำนาจของตระกูลหยูเรา เลือกคนในบ้านไปหายาเป็นเพื่อนนายซะ ทุกอย่างที่นายต้องการ ตระกูลหยูจะให้ความช่วยเหลือนายเต็มที่”

เพราะฉะนั้น ห้ามปฏิเสธ

สายตาที่โห้หลีเฉินมองหยูฉู่สองดูเย็นชามาก ริมฝีปากบางของเขายิ้มอย่างประชดขึ้นมา

เขาป่วยเป็นโรคทางพันธุกรรม หยูฉู่สองอยากจะช่วยรักษาเขาให้หายจากโรคด้วยความจริงใจไม่ผิด แต่ในนี้ก็มีความเห็นแก่ตัวแอบแฝงอยู่ด้วย

เพราะว่าถ้าหยูฉู่สองหายาแก้พิษมาได้ เขาต้องการครอบครองยาไว้เอง เขาต้องใช้มันมาบีบบังคับให้โห้หลีเฉินอยู่ภายใต้การควบคุมของเขาแน่ๆ

พอถึงตอนนั้น หยูฉู่สองก็ต้องจับจุดอ่อนนี้ของเขาไว้ไม่ปล่อย

แล้วใช้มันมาบังคับเขาให้ทำในสิ่งที่ไม่สมควร

ตอนนี้โห้หลีเฉินได้เป็นผู้สืบทอดของตระกูลหยูอย่างเต็มตัวแล้ว พวกเขายิ่งให้ความสำคัญกับสายเลือดของเขา ยิ่งในสถานการณ์แบบนี้ เขาจะปล่อยให้หยูฉู่สองกำจุดอ่อนของตัวเองไม่ได้โดยเด็ดขาด

ถึงหยูฉู่สองจะเป็นปู่แท้ๆของเขาก็เถอะ

โห้หลีเฉินอ้าริมฝีปากบางแล้วพูดด้วยน้ำเสียงสบายๆ

“กับแค่หายาแค่นี้ ด้วยความสามารถของผมไม่ใช่เรื่องยากอะไร เลยนะครับ หากไม่ได้จริงๆ ถึงตอนนั้นตระกูลหยูค่อยช่วยก็ยังได้ครับ ”

นิ่งไปครู่หนึ่ง โห้หลีเฉินถึงมองหน้าหยูฉู่สองคล้ายจะยิ้มแต่ไม่ยิ้ม“คุณปู่ครับ ถึงตอนนั้นคุณปู่คงไม่ปฏิเสธผมใช่มั้ยครับ?”

ฟังแล้วเหมือนกำลังขอความช่วยเหลือจากหยูฉู่สองแต่อันที่จริงแล้วคือกำลังปฏิเสธเขา

ทำให้หยูฉู่สองไม่สามารถพูดปฏิเสธอะไรต่ออีก

สีหน้าของหยูฉู่สองดำลงในทันที จ้องโห้หลีเฉินด้วยสายตาที่ไม่พอใจอย่างมาก แต่ท่าทีโกรธของเขากลับไม่ได้กระทบกระเทือนอะไรต่อโห้หลีเฉินเลยแม้แต่นิดเดียว

ยิ่งไม่มีทางเปลี่ยนความคิดของเขาได้

หยูฉู่สองโกรธเป็นไฟและโมโหสุดขีด ถึงเขาจะเป็นหัวหน้าครอบครัวของตระกูลหยู แต่อำนาจการตัดสินของเรื่องนี้อยู่ที่ตัวของโห้หลีเฉิน

และเขาก็จัดการอะไรกับโห้หลีเฉินไม่ได้

“โห้หลีเฉิน นายต้องรู้ว่าฐานะนายคือผู้สืบทอดของตระกูลหยู !ชีวิตความเป็นความตายของนายไม่ได้เกี่ยวกับนายแค่ตัวคนเดียว แต่มันเกี่ยวพันถึงความรุ่งโรจน์และความเจริญก้าวหน้าของทั้งตระกูลหยูเลยนะ”

หยูฉู่สองเก็บอารมณ์โกรธแล้วมองหน้าของโห้หลีเฉินอย่างจริงจังและเคร่งขรึม

ริมฝีปากของโห้หลีเฉินยกขึ้นนิดๆ รอยยิ้มนั้นดูประชดประชันอย่างเห็นได้ชัด

ยิ่งตอนนี้ หยูฉู่สองเห็นเขาสำคัญเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งรู้สึกขยะแขยงมากเท่านั้น

ไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้ หยูฉู่สองยังคิดจะถอดถอนเขาออกจากตำแหน่งอยู่เลย

พอตอนนี้ไม่มีหยูซือห้านแล้ว และรู้เรื่องที่ว่าเขาเป็นผู้สืบทอดทางสายเลือด เลยเห็นเขาเป็นคนสำคัญในทันที

แต่ก็ต้องดูว่าคนอย่างเขาอยากจะรับน้ำใจหรือไม่ด้วย

โห้หลีเฉินเบื่อที่จะทนดูความเสแสร้งของหยูฉู่สองต่อ เขาลุกขึ้นโดยตรงแล้วพูดอย่างเย็นชา

“ในเมื่อคุยธุระเสร็จแล้ว ผมก็ควรไปได้ซะที”

ท่าทางเย็นชามาก เหมือนไม่อยากจะอยู่บ้านตระกูลหยูต่อเลยแม้แต่วินาทีเดียว

ที่เขากลับมาก็เพื่อ เรื่องแรกคือทำให้หยูซือห้านยอมเปิดปากพูด เรื่องที่สองคือ ไม่ให้ตระกูลหยูปลดเขาออกจากตำแหน่งทายาทอีก และอย่ามาตามไล่ฆ่า สร้างความเดือดร้อนให้เขาอีก ส่วนเรื่องที่จะให้อยู่บ้านตระกูลหยู เขาไม่มีอารมณ์เลยแม้แต่นิด

คนทั้งตระกูลหยูเห็นท่าทีของโห้หลีเฉินแล้ว อดไม่ได้รู้สึกใจหาย และคนส่วนใหญ่เริ่มรู้สึกเสียใจและสำนึกผิด

ถ้าพวกเขาไม่ได้ต่อต้านและกลั่นแกล้งโห้หลีเฉินตั้งแต่แรก ตอนนี้ก็คงไม่ถูกโห้หลีเฉินรู้สึกขยะแขยงถึงขนาดนี้

กว่าจะมีผู้สืบทอดที่มีโรคทางพันธุกรรมสายเลือดปรากฏให้เห็นนั้นมันยากมาก แล้วนี่ก็ยังจะมาตัดขาดความสัมพันธ์กับตระกูลหยูไปอีกงั้นหรอ?

หยูฉู่สองขมวดคิ้วจนแน่น ไม่พอใจกับท่าทีของโห้หลีเฉินอย่างมาก

แต่ในใจมีความกังวลและเกรงกลัวอยู่ เขายังคงพูดด้วยท่าทีที่อดทนอย่างดี “ก็ดี นายก็ควรจะไปพบพ่อแม่ของเย้นหว่านก่อนได้แล้ว ตระกูลหยูสนับสนุนเต็มที่ให้พวกนายสองคนอยู่ด้วยกัน และถ้าสามารถหมั้นไว้ก่อนก็จะดีที่สุด”

หมั้น

คำพูดนี้เย้นหว่านฟังแล้วรู้สึกตกใจ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน