ต้วนอานยิ้มอย่างได้ใจแล้วพูด “ต้องถามได้แน่นอนสิครับ!”
หัวใจที่ถูกแขวนอยู่บนเส้นด้ายของเย้นหว่าน รู้สึกโล่งใจได้ในที่สุด
เธอรีบถามต่อ “ตอนนี้กู้ซึงอาการเป็นไงบ้าง?ปลอดภัยดีมั้ย?เขาถูกขังอยู่ที่ใน อย่าเสียเวลาอยู่เลยรีบไปช่วยเขากันเถอะ”
คำพูดของเธอแต่ละคำ แสดงถึงความเป็นห่วงเป็นใยและถึงขั้นอดใจรอไม่ไหว
ต้วนอานรีบพูดด้วยรอยยิ้ม “คุณหนูวางใจเถอะครับ หลังจากรู้ว่าเขาอยู่ไหนผมก็รีบส่งคนไปช่วยกู้ซึงแล้วครับ ตอนนี้กู้ซึงถูกช่วยเหลือออกมาได้อย่างปลอดภัยแล้วครับ เขาก็แค่บาดเจ็บตามร่างกายเล็กน้อย สบายดีครับ พวกเรากำลังส่งเขากลับไปที่บ้านตระกูลหยูอยู่ครับ”
ได้ยินแบบนี้แล้ว เย้นหว่านรู้สึกโล่งใจซะที
กู้ซึงปลอดภัยแล้ว!
ช่วงนี้ หัวใจของเธอเหมือนถูกแขวนอยู่บนเส้นด้ายมาตลอด ไม่กล้าคิดเลยว่ากู้ซึงต้องทนความลำบาทและถูกทรมานเพื่อเธอมากมายเท่าไหร่
หนี้ที่เธอติดค้างเขา ชาตินี้ก็คงใช้ไม่หมด
แววตาของโห้หลีเฉินรู้สึกไม่พอใจมีเงาดำแว็บผ่านเข้ามา ไม่ชอบที่เย้นหว่านเป็นห่วงผู้ชายอื่นออกหน้าออกตาแบบนี้
เขาเอื้อมมือไปจับมือของเธอไว้แล้วกุมไว้อย่างแน่น พูดด้วยเสียงเบา “เดี๋ยวกลับไปแล้ว ผมจะตอบแทนเขาอย่างดีเลยครับ”
เย้นหว่านอึ้งอยู่ครู่หนึ่ง รู้คร่าวๆว่าโห้หลีเฉินอยากจะช่วยเธอ แต่ว่าบุญคุณแบบนี้ ควรจะตอบแทนเองถึงจะถูกไม่ใช่หรอ?
เย้นหว่านลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูด “นี่มันไม่ค่อยดีมั้งคะ......”
“เย้นหว่าน”
โห้หลีเฉินมองหน้าเย้นหว่านอย่างเคร่งขรึม น้ำเสียงดูมีเสน่ห์ดึงดูดและเผด็จการอย่างมาก“เรื่องของคุณก็คือเรื่องของผม หนี้ที่คุณติดค้าง ก็ต้องมีผมมาชดใช้สิครับ”
ท่าทางเขาดูเผด็จการ ทำให้คนไม่อาจปฏิเสธได้
หัวใจของเย้นหว่านกลับหวานชื่นเหมือนถูกราดด้วยน้ำผึ้ง
เธอชอบความรู้สึกแบบนี้มาก ราวกับว่าเธอกับโห้หลีเฉินรวมอยู่ในร่างเดียวกันที่ไม่อาจแยกจากกันได้
“อ้า……อ้า……”
เวลานี้ จู่ๆหยูซือห้านที่นอนอยู่บนพื้นก็ชักกระตุกขึ้นมาอย่างรุนแรง
ดวงตาของเขาสั่นคลอนไม่หยุด กล้ามเนื้อบิดเบี้ยวและสีหน้าของเขาดูเจ็บปวดมาก ยิ่งที่ปากมีโฟมสีขาวไหลออกมาอย่างควบคุมไม่ได้
ดูน่าเวทาและขยะแขยงมาก
เย้นหว่านขมวดคิ้วแล้วเข้าไปซุกในอกโห้หลีเฉินแล้วถาม “เขาเป็นอะไรคะ?”
ต้วนอานพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย“ตะปูที่แขนและเท้าของเขาถูกดึงออกมาโดยตรง ถ้าไม่รีบรักษาก็อาจถึงตาย แถมเขาหายไปในการสะกดจิตแบบทำลายล้างมานานมาก นี่ก็ถึงเวลาใกล้ตายของเขาแล้ว”
แววตาของเย้นหว่านสั่นคลอนเล็กน้อย
ช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ เธอเกลียดหยูซือห้านมาก แทบอยากจะให้เขาตายไปเร็วๆ ตอนนี้เห็นหยูซือห้านใกล้ตายจริงๆ ความรู้สึกในใจเธอกลับแปลกๆบรรยายไม่ถูก
รู้สึกสะใจและโล่งใจ คนอย่างเขาไม่ไปก่อกรรมทำเข็ญได้อีก แต่ก็รู้สึกเสียดาย ถ้าเขาไม่ดื้อรั้นและยึดติดเกินไป เขาก็ยังคงเป็นคุณชายของตระกูลหยูที่อยู่เหนือใครๆ ไม่ต้องตกอยู่ในสภาพเหมือนตอนนี้
โห้หลีเฉินเห็นแววตาของเย้นหว่านสับสนแล้วเขาได้กอดเธอไว้ ถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “เป็นอะไรไป?”
เย้นหว่านเม้มปาก มองหยูซือห้านด้วยแววตาน่าเศร้า
“จู่ๆก็รู้สึกว่าคนเรารู้สึกความพอเพียงเป็นสิ่งล้ำค่าที่สุด”
“พอเพียง?”
โห้หลีเฉินพูดคำนี้อย่างสงสัย และแววตาที่มองหน้าเย้นหว่านลึกซึ้ง“ต้องทำยังไง คุณถึงจะรู้สึกเติมเต็ม?”
คำที่เขาใช้คือเติมเต็ม
ไม่ว่าอะไรที่เธออยากได้ เขาก็จะหามาให้เธอ เติมเต็มเธอ
เย้นหว่านไม่ได้สังเกตถึงคำที่เขาใช้ เธอหันหน้ามามองโห้หลีเฉินด้วยแววตาที่เปร่งกระกายราวกับแสงดาว
หน้าเธอชมพูและพูดอย่างจริงจัง“คุณไง”
โม่หลีเฉินหรี่ตา
เย้นหว่านก็พูด “มีคุณอยู่ ฉันก็รู้สึกเติมเต็มแล้ว”
ได้ใช้ชีวิตอยู่กับคนที่เรารักไปตลอดชีวิตจนแก่เฒ่าเป็นเรื่องที่ดีที่สุด
แววตาของโห้หลีเฉินสั่นคลอนอย่างเร็ว ในใจราวกับคลื่นทะเลยักษ์ที่ไหลเชี่ยว คลื่นที่ซัดกระหน่ำขึ้นมากลายเป็นรูปร่างของความรัก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน
อืดอาด มีเรื่องคู่นั้นคู่นี้แทรกมาตลอด แล้วยังออกทะเลไปไม่รู้กี่รอบ วนอยู่แต่กับความโง่ของนางเอกและความปิดปังเพราะรักของพระเอก เฮ้อ ทนอ่านมาเพราะอยากรู้ตอนจบ แต่หงุดหงิกมาก...
ฝึกฝนตัวเองหาทางช่วยสามีมันก็ดี แต่ถึงขนาดทิ้งลูกให้คนอื่นดูแลนี่ไม่ไหว เลี้ยงเด็กยังไงให้เป็นแบบนี้ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แถมเป็นภาระ ใช้ชีวิตโง่ ๆ มีศัตรูอยู่ แต่ไม่พาการ็ดไปด้วย พอลูกมีปัญหาที่รร. แทนที่จะเรียกสามี มาช่วยตั้งแต่แรก เสือกจะสู้เอง...
นางเอกอ้อนแอแถมโง่ แต่ก็ไม่ฟังพระเอก เสือกวิ่งไปวิ่งมาให้ถูกคนทำร้าย อ่านแล้วรำคาญ...
นางเอกโง่เง่าไม่มีการพัฒนา...
ทำไมไม่บอกพระเอกแล้วให้จัดการกับนังนั่น...
โอน่อหยาก็รู้นี่นาว่านางเอกเป็นคู่หมั้นประธาน ทำไมยังกล้าใส่ร้ายหรือแปลกใจว่านางเอกยังมีคนหนุน...
เนื้อเรื่องยืดยาวววน่าเบื่อมาก วนไปมาไม่เข้าเรื่องสักทีอ่านจนไม่อยากอ่านต่อน่าเบื่อเกิน ไม่เข้าเรื่องพระเอกกับนางเอกสักที วนอยู่ที่เดิมจนไม่น่าติดตามเพราะน่าเบื่อ...