บทที่ 64 อะไรที่คุณชอบ ผมก็ชอบทั้งนั้น
ในใจมีความแปลกใจเล็กน้อย เย้นหว่านพูดโดยจิตใต้สำนึก
“ฉันก็ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน ฉันนั่งเลยสถานี ถึงสถานีปลายทางของรถสาย18”
“รอผมอยู่ที่เดิม”
พูดจบ โห้หลีเฉินก็กดวางสาย
เย้นหว่านมองหน้าจอมือถือที่กลับคืนดังเดิม บอกไม่ถูกว่าในใจรู้สึกอย่างไร แต่ตั้งแต่ต้นจนจบรู้สึกสบายใจบ้างแล้ว
โห้หลีเฉินจะมารับเธอ
ดูเหมือนว่าเธอไม่ได้กลัวขนาดนั้นแล้ว มองไปรอบๆ หาไฟริมถนนสักดวง และนั่งลงบนกระเป๋าเดินเพื่อรอเขา
ตอนที่เย้นหว่านรอจนหมดอาลัยตายอยาก ทันใดนั้นกระดาษเงินหลายใบก็ลอยมาอยู่เบื้องหน้าของเธอ
กระดาษเงินสีขาว ลอยมาตกลงบนพื้นตรงหน้าเธอ
เมื่อนึกถึงสภาพแวดล้อมในตอนนี้ เย้นหว่านตัวแข็งทื่อทันที อากาศเย็นๆคืบคลานจากหลังไปสู่ท้ายทอย
เธอเงยหน้าขึ้นด้วยความสยองขวัญ ก็เห็นคนกลุ่มหนึ่งสวมชุดสีขาวเดินออกมาจากฌาปนสถาน พวกเขาถือภาพของคนชรา และขี้เถ้า เดินไปร้องไห้ไป พร้อมโปรยกระดาษเงิน
กลุ่มคนสิบกว่าคน อยู่ในความมืดที่เงียบสงัด มองดูแล้วช่างมีบรรยากาศของความสยองขวัญ
เย้นหว่านแข็งทื่อไปทั้งตัว มองที่พวกเขา และมองดูกระดาษเงินที่เต็มพื้น ในใจขนลุกขนพอง
ผู้หญิงวัยกลางคนคนหนึ่งของกลุ่มเห็นเย้นหว่าน จึงเอ่ยปากพูด:
“สาวน้อย ดึกดื่นค่อนคืนเธอทำอะไรอยู่ที่นี่คนเดียว? ข้างหน้าก็คือฌาปนสถาน เธอไม่กลัวหรือ?
ไม่พูดยังไม่เป็นไร พอพูดขึ้น เย้นหว่านก็กลัวยิ่งกว่าเดิม
เธอกัดฟัน ทำท่าว่าแข็งแกร่งแล้วส่ายหัวไปมา
“ฉันรอคน”
“อืม อย่างนั้นก็ดี สถานที่อย่างนี้คงไม่ค่อยดี โดยเฉพาะตอนกลางคืน เธอควรรีบไปจะดีกว่า”
หญิงสาวพูดด้วยความหวังดีเสร็จ ก็เดินตามกลุ่มคนไปแล้ว
เย้นหว่านยืนอยู่คนเดียว กลับรู้สึกไม่ดียิ่งกว่าเดิม คุณน้าคนนี้เป็นห่วงเธอที่ไหนกัน ทั้งหมดทั้งมวลมันคือการหลอกให้เธอกลัว
มองดูกลุ่มคนเหล่านั้นที่เดินไปไกล รอบๆก็เงียบลงอีกครั้ง แต่กลับเหลือกระดาษเงินที่เกลื่อนเต็มพื้นเอาไว้
ลมที่พัดมาบ่อยๆ พัดจนกระดาษเงินบินว่อนทั่วท้องฟ้า
ความเงียบที่อยู่ในความมืด เพิ่มบรรยากาศให้วังเวงเป็นพิเศษ
เย้นหว่านหวาดกลัวจนเสียวไปทั้งสรรพางค์ จับกระเป๋าเดินทางเอาไว้แน่น มืออีกข้างหยิบเอามือถือออกมาแล้วโทรหาโห้หลีเฉิน
สายถูกรับอย่างเร็ว
เย้นหว่านพูดอย่างรีบร้อน: “คุณโห้ คุณอยู่ไหนแล้ว? อีกนานเท่าไหร่ถึงมาถึง?
“สิบนาที”
โห้หลีเฉินตอบด้วยเสียงทุ้มลึก แล้วถามต่อ: “ทำไมเหรอ?”
“ไม่มีอะไร……”
“เสียงของคุณฟังแล้วไม่ค่อยดีเลย”
โห้หลีเฉินพูดขัดคำพูดของเย้นหว่านตรงๆ
เย้นหว่านมองกระดาษเงินที่เกลื่อนเต็มพื้นไปมา ลังเลชั่วครู่ พูดเสียงเบาๆ
“ใช่……ใกล้ๆที่นี่ก็คือฌาปนสถาน ขบวนแห่ศพกลุ่มหนึ่งเพิ่งผ่านไปเมื่อกี้ ฉันอยู่ที่นี่เพียงคนเดียวมีความรู้สึกกลัวนิดหน่อย”
โทรศัพท์เงียบไปครู่หนึ่ง ตามมาด้วยเสียงที่มีการหยอกล้อเล็กน้อยจากโห้หลีเฉิน
“ผมก็คิดว่าคุณใจกล้าหาญมาก”
ทันทีที่ถูกดูถูก เย้นหว่านก็ปากแข็ง “ตอนนี้ฉันก็มีความกลัวแค่นิดหน่อยเอง”
“อืม นิดหน่อย”
โห้หลีเฉินคล้อยตาม
เย้นหว่านกลับไม่ได้ยินความรู้สึกเชื่อถือสักนิดจากในน้ำเสียงของเขา มักจะรู้สึกว่าถูกสบประมาท
เธอมีความหงุดหงิดเล็กน้อย “ฉันอยู่ริมถนนนี่แหละ ที่นี่มีถนนเพียงแค่เส้นเดียว คุณมาถึงก็สามารถมองเห็นเลย แค่นี้นะ ฉันวางละ”
เธอไม่คิดที่จะคุยกับเขาต่อแล้ว ไม่อย่างนั้นคงถูกทำให้โมโหแย่
โห้หลีเฉินกลับไม่สนใจสิ่งที่เธอพูด ส่งเสียงผ่านมาตามสายอีกครั้ง
“จะขอบคุณผมอย่างไร คุณคิดได้หรือยัง?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน
อืดอาด มีเรื่องคู่นั้นคู่นี้แทรกมาตลอด แล้วยังออกทะเลไปไม่รู้กี่รอบ วนอยู่แต่กับความโง่ของนางเอกและความปิดปังเพราะรักของพระเอก เฮ้อ ทนอ่านมาเพราะอยากรู้ตอนจบ แต่หงุดหงิกมาก...
ฝึกฝนตัวเองหาทางช่วยสามีมันก็ดี แต่ถึงขนาดทิ้งลูกให้คนอื่นดูแลนี่ไม่ไหว เลี้ยงเด็กยังไงให้เป็นแบบนี้ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แถมเป็นภาระ ใช้ชีวิตโง่ ๆ มีศัตรูอยู่ แต่ไม่พาการ็ดไปด้วย พอลูกมีปัญหาที่รร. แทนที่จะเรียกสามี มาช่วยตั้งแต่แรก เสือกจะสู้เอง...
นางเอกอ้อนแอแถมโง่ แต่ก็ไม่ฟังพระเอก เสือกวิ่งไปวิ่งมาให้ถูกคนทำร้าย อ่านแล้วรำคาญ...
นางเอกโง่เง่าไม่มีการพัฒนา...
ทำไมไม่บอกพระเอกแล้วให้จัดการกับนังนั่น...
โอน่อหยาก็รู้นี่นาว่านางเอกเป็นคู่หมั้นประธาน ทำไมยังกล้าใส่ร้ายหรือแปลกใจว่านางเอกยังมีคนหนุน...
เนื้อเรื่องยืดยาวววน่าเบื่อมาก วนไปมาไม่เข้าเรื่องสักทีอ่านจนไม่อยากอ่านต่อน่าเบื่อเกิน ไม่เข้าเรื่องพระเอกกับนางเอกสักที วนอยู่ที่เดิมจนไม่น่าติดตามเพราะน่าเบื่อ...