บทที่660 เลี่ยนจริงๆเลย
ท้ายที่สุดเธอก็จะอยู่เพราะอย่างไรเธอก็ต้องไปกับพวกเขาด้วยเช่นกัน
เมื่อนึกถึงการได้เห็นโห้หลีเฉินทำสิ่งต่างๆ หรือบางทีเขาอาจจะช่วยหรืออะไรบางอย่างอยู่ เย้นหว่านก็มีพลังขึ้นมาโดยทันที
เธอไม่สนใจเรื่องเขินอายรีบลุกขึ้นจากเตียงอย่างรวดเร็ว
ก่อนจะพูดด้วยท่าทางตื่นเต้น “เธอรู้ไหมว่าพวกโห้หลีเฉินเขาอยู่ที่ไหน พาฉันไปที่นั่นหน่อยนะ”
กู้จื่อเฟยหยุดการเคลื่อนไหวของเธอไว้ครึ่งทาง
มุมปากของเธอกระตุก ก่อนจะมองไปที่เย้นหว่านด้วยสีหน้าขบขัน แล้วฟังเธอพูดติดตลก
“เลี่ยนจริงๆ โห้หลีเฉินเพิ่งจากไปเมื่อตะกี้ เธอก็จะตามไปแล้วเหรอ เสี่ยวหว่าน เธอจะทำตัวติดกันเกินไปหรือเปล่า คุณเกือบจะดีแล้ว”
แก้มของเย้นหว่านเปลี่ยนเป็นสีแดง ทำให้กู้จื่อเฟยถลึงตาใส่เธอ
เธอยืนยันว่า “ฉันไปช่วยงานจริงๆนะ ถ้าเธอรู้เธอพาฉันไปที่นั่นหน่อยได้ไหม”
“ฉันรู้ แต่ ... “
กู้จื่อเฟยมองไปที่ขาใต้ผ้าห่มของเย้นหว่าน อย่างมีความหมายแฝงแล้วพูดติดตลก “เธอยังเดินไม่สะดวก ฉันก็ไม่มีความแข็งแรงเหมือนโห้หลีเฉิน ดังนั้นฉันอุ้มเธอไม่ไหวหรอกนะ”
เย้นหว่าน“... “
คุยต่อไปไม่ไหวแล้ว
ความเสน่หาในใจของเธอก็ดับลงแล้วเช่นกัน และตอนนี้เธอไม่สามารถเดินด้วยขาที่อ่อนแรงได้จริงๆ
น่าเบื่อจริงๆ
เย้นหว่านหมดเรี่ยวแรงไปชั่วขณะ เธอเอนหลังลงบนเตียงหมดแรง “ เธอมาหาฉันมีอะไรหรือเปล่า?”
“ ก็นิดหน่อย”
ขณะที่กู้จื่อเฟยพูด ดวงตาของเธอหรี่ลง จากนั้นเธอก็เดินไปที่เตียงของเย้นหว่าน แล้วนั่งลงด้วยท่าทางที่อ่อนแรง
เย้นหว่านมองไปที่เธอ แล้วเอ่ยถาม “มีอะไรหรือเปล่า”
“กู้ซึงกับฉันกำลังวางแผนที่จะกลับไปที่เมืองหนาน ในอีกไม่กี่วันนี้ หากเป็นไปได้ เราอาจจะออกเดินทางเวลาเดียวกันกับที่พวกเธอออกเดินทาง หากเธอมั่นใจเรื่องเวลาออกเดินทางโดยประมาณบอกฉันหน่อยได้ไหม”
เย้นหว่านขมวดคิ้ว “เธอรีบร้อนกลับไปขนาดนี้เลยเหรอ อาการบาดเจ็บของกู้ซึงยังไม่หายดี อยู่รักษาอาการบาดเจ็บให้หายสิ ฉันจะจัดคนมาดูแล”
กู้จื่อเฟยส่ายหน้า และพูดด้วยน้ำเสียงที่เกรงใจ
“อาการบาดเจ็บของกู้ซึง ไม่ได้ร้ายแรงในอะไรมาก แล้วมันก็เริ่มดีขึ้นมาก หลังจากรักษามาหลายวัน อย่างไรก็ตามพวกเธอก็จะไปแล้ว พวกเราอยู่ต่อไปก็ไร้ความหมาย กลับไปที่เมืองหนานจะดีกว่า”
เมื่อเห็นท่าทีที่แน่วแน่ของกู้จื่อเฟย เธอรู้สึกผิดเล็กน้อย แต่เธอไม่สามารถพูดอะไรได้มากกว่านี้
เธอเข้าใจดี แม้ว่าความรู้สึกของกู้จื่อเฟยที่มีต่อเย้นโม่หลินจะจบลงไปแล้ว แต่เธอก็ยังรู้สึกอึดอัดใจ และการอยู่ที่นี่มีแต่เธอที่ต้องทุกข์ใจ
กลับไปจะดีกว่า
หลังจากคิดเรื่องนี้แล้วเธอก็หยุดอยู่ที่ท้ายประโยค “อืมฉันจะถามโห้หลีเฉินให้นะ เกี่ยวกับเวลาที่พวกเราจะออกเดินทาง
ดวงตาของกู้จื่อเฟยกะพริบปริบๆ จากนั้นก็ยิ้มแล้วพยักหน้าตอบ
สุดท้ายก็ตัองจากลา
อารมณ์ที่หดหู่อยู่ในใจของเธอหายวับไปและถูกปกปิดไว้อย่างดี
เย้นหว่านเข้าใจความรู้สึกของกู้จื่อเฟยชัดเจนดี
เธอกลอกตามองหาหัวข้ออื่นแล้วพูดว่า
“ เกิดอะไรขึ้น หลังจากที่เข้าไปเมื่อคืนนี้ ทำไมเช้านี้ถึงมารวมตัวกันอยู่ในห้องนั่งเล่นกันล่ะคะ”
นี่เรื่องที่เย้นหว่านงงงวยอยู่
เรื่องแบบนี้ กู้จื่อเฟยกับกงจืออวีเองก็ไม่กล้าพูดออกไป เพราะไม่ใช่แค่เย้นโม่หลิน แม้แต่ป่ายฉีเองก็อยู่ด้วย
กู้จื่อเฟยเอ่ยตอบ "เมื่อคืนนี้ หลังจากที่เธอเดินเข้าไปแล้ว พวกบอดี้การ์ดคิดจะเดินตามเข้าไปด้วย พวกเราเองก็ขวางไว้ได้ไม่นาน ตอนที่พวกเขาพุ่งตัวเข้าไปป่ายฉีกับ... พี่ชายของเธอก็มาถึงพอดี"
พอพวกเขามาถึง เรื่องราวหลังจากนั้น ไม่ต้องพูดทุกอย่างก็ชัดเจนแล้ว
เย้นโม่หลินจัดการบอดี้การ์ดทั้งสองคน ดังนั้นตอนที่เธออยู่ข้างใน จึงไม่มีบอดี้การ์ดคนอื่นเข้ามาสร้างความวุ่นวาย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน
อืดอาด มีเรื่องคู่นั้นคู่นี้แทรกมาตลอด แล้วยังออกทะเลไปไม่รู้กี่รอบ วนอยู่แต่กับความโง่ของนางเอกและความปิดปังเพราะรักของพระเอก เฮ้อ ทนอ่านมาเพราะอยากรู้ตอนจบ แต่หงุดหงิกมาก...
ฝึกฝนตัวเองหาทางช่วยสามีมันก็ดี แต่ถึงขนาดทิ้งลูกให้คนอื่นดูแลนี่ไม่ไหว เลี้ยงเด็กยังไงให้เป็นแบบนี้ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แถมเป็นภาระ ใช้ชีวิตโง่ ๆ มีศัตรูอยู่ แต่ไม่พาการ็ดไปด้วย พอลูกมีปัญหาที่รร. แทนที่จะเรียกสามี มาช่วยตั้งแต่แรก เสือกจะสู้เอง...
นางเอกอ้อนแอแถมโง่ แต่ก็ไม่ฟังพระเอก เสือกวิ่งไปวิ่งมาให้ถูกคนทำร้าย อ่านแล้วรำคาญ...
นางเอกโง่เง่าไม่มีการพัฒนา...
ทำไมไม่บอกพระเอกแล้วให้จัดการกับนังนั่น...
โอน่อหยาก็รู้นี่นาว่านางเอกเป็นคู่หมั้นประธาน ทำไมยังกล้าใส่ร้ายหรือแปลกใจว่านางเอกยังมีคนหนุน...
เนื้อเรื่องยืดยาวววน่าเบื่อมาก วนไปมาไม่เข้าเรื่องสักทีอ่านจนไม่อยากอ่านต่อน่าเบื่อเกิน ไม่เข้าเรื่องพระเอกกับนางเอกสักที วนอยู่ที่เดิมจนไม่น่าติดตามเพราะน่าเบื่อ...