บทที่74 ฉันไม่แต่งงานกับเขาหรอกค่ะ
“ฉันไม่แต่งงานกับเขาหรอกค่ะ”
เย้นหว่านรีบพูดออกมา น้ำเสียงหนักแน่นและรวดเร็ว
ถึงแม้ก่อนหน้านั้นเธออาจจะมีความรู้สึกที่ไม่ธรรมดากับโห้หลีเฉิน แต่ก็ไม่เคยคิดจะทำให้ของหลอกกลายเป็นจริง ยิ่งตอนนี้โห้หลีเฉินยังมีคนที่ชอบอยู่แล้ว เธอยิ่งไม่มีทางเพ้อฝันที่เข้าไปแทรกแซง
“คุณหนูมู่หรุง เรื่องของพวกคุณฉันไม่รู้จะพูดยังไง และฉันก็ไม่ควรจะยุ่งด้วย คำมั่นสัญญาระหว่างฉันกับโห้หลีเฉินมีเวลาแค่เดือนเดียวเท่านั้น พอถึงเวลาฉันก็จะถอนหมั้นกับเขาค่ะ”
หยุดไปครู่นึง เย้นหว่านพูดเพิ่มเติมอีก:“หรือว่า ถ้าเขาจะถอนหมั้นก่อน ฉันก็จะให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีค่ะ”
มู่หรุงชิ่นเหมือนจะโล่งอกไปที “เสียวหว่าน เฉินรู้สึกละอายใจต่อฉันในเรื่องนี้มาโดยตลอด เรามักจะหลีกเลี่ยงไม่คุยถึงเรื่องนี้ วันนี้ไม่ทันคิดไรมากเลยพูดกับคุณเยอะขนาดนี้ ฉันหวังว่าคุณจะไม่บอกกับเฉินนะ”
“ค่ะ” เย้นหว่านพยักหน้า
“เสียวหว่าน คุณนี่เป็นคนดีจริงๆเลย ไม่ว่ายังไงฉันก็จะเป็นเพื่อนกับคุณให้ได้”
เย้นหว่านเม้มปาก ไม่พูดอะไร ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับโห้หลีเฉิน ถึงแม้จะเป็นแค่ข้อตกลง แต่ไม่ว่ายังไงเธอก็ไม่คิดว่าจะเพื่อนกับมู่หรุงชิ่นได้ง่ายๆ
หลังจากงานเลี้ยงจบลง มู่หรุงชิ่นส่งเย้นหว่านและคนอื่นๆเดินออกจากห้องโถง
ตอนนี้ก็ยามดึกแล้ว อากาศก็เริ่มเย็นลง ลมพัดจนหนาวเย็น
โห้หลีเฉินถอดเสื้อกันหนาวลงมา แล้วจะคลุมให้เย้นหน่าน
เย้นหว่านสังเกตถึงท่าทีของโห้หลีเฉิน ใจเธอเกร็งๆ มู่หรุงชิ่นยังอยู่ที่นี่ ท่าทีแบบนี้หวานแหววเกินไปรึเปล่า?
คิดๆแล้ว เธอรีบหลบไปข้างๆ
มือที่ถือเสื้อกันหนาวของโห้หลีเฉินค้างอยู่กลางอากาศ
“ฉันไม่หนาวคะ”
เย้นหว่านมองมู่หรุงชิ่นอย่างทำตัวไม่ถูก เธอพูดเตือนโห้หลีเฉินด้วยเสียงเบา:“อย่าทำให้คนอื่นเข้าใจผิดค่ะ”
เข้าใจผิดอะไร?
โห้หลีเฉินไม่เข้าใจ แววตาหนักหน่วง งานเลี้ยงในคืนนี้ เย้นหว่านตั้งใจที่จะหลบหน้าเขาตลอดเวลา ห่างเหิน ตั้งใจจนปิดบังไม่อยู่
“คุณหนูมู่หรุง ขอบคุณที่ต้อนรับอย่างดีค่ะ ไว้เจอกันอีกนะคะ”
เย้นหว่านยิ้มและโบกมือให้มู่หรุงชิ่น แต่ก็ไม่ได้มองหน้าโห้หลีเฉินเลย และเดินตรงไปขึ้นรถ
สีหน้าของโห้หลีเฉินดูแย่ เม้มปากและทำสีหน้าสูงส่ง หันหลังก็เดินไปขึ้นรถรถเหมือนกัน
ไม่ได้ทักทายกับมู่หรุงชิ่นเลยด้วยซ้ำ
มู่หรุงชิ่นมองดูโห้หลีเฉินที่เดินจากไป แววตาเธอเศร้า มีเย้นหว่านอยู่ด้วยแล้ว เขาถึงกับละเลยเธอได้สิ้นเชิงขนาดนี้เลยหรือ
โห้หลีเฉินขึ้นรถ รูปร่างที่สูงใหญ่ได้นั่งลงที่ข้างกายของเย้นหว่าน
ทันใดนั้นเย้นหว่านได้เขยิบไปที่ข้างๆอีก
สายตาเธอมองไปข้างนอก เหมือนตั้งใจจะห่างเหินเขา
โห้หลีเฉินอารมณ์โมโหที่ค้างอยู่ในใจ แต่ก็ระบายไม่ออก ที่กลุ้มใจที่สุดคือเขายังไม่รู้เลยว่าสาวน้อยคนนี้อยู่ดีๆเป็นอะไรไปอีก
เขาสั่งการให้เว่ยชีที่นั่งอยู่ที่นั่งคนขับ:“ออกรถ”
เว่ยชีลังเลไปครู่นึง แล้วหันไปมองฉินฉู่กับเย้นเหวินหนานที่ยืนอยู่หน้าประตู หลังจากนั้นก็ขับรถจากไป
“อ้าว หลีเฉินไปแล้ว? พวกเรายังอยู่ที่นี่อยู่เลยนะ”
ฉินฉู่ไหวตัวทันเป็นคนแรก และมองดูรถที่ขับไกลออกไปเรื่อยๆ
โห้หลีเฉินนี่พอมีภรรยาแล้ว ก็ไม่เห็นหัวเพื่อนอย่างพวกเขาเลยนะ ทิ้งพวกเขาไว้ที่นี่เฉยเลย
เย้นเหวินหนานมองดูฉินฉู่ที่กำลังเจ็บใจแต่เขากลับยืนอยู่อย่างสงบนิ่ง ไม่พูดอะไร
มู่หรุงชิ่นซ่อนอารมณ์ของตัวเองไว้อย่างดี พูดด้วยรอยยิ้ม:“ไม่ใช่คนที่ไม่มีรถสักหน่อย ถึงขั้นต้องไปอัดในรถคันเดียวกันกับเฉินทุกครั้งเลยหรือ? ฉันสั่งการให้คนขับไปส่งพวกนาย”
“ยังไงก็ชิ่นนี่แหละที่มีน้ำใจ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน
อืดอาด มีเรื่องคู่นั้นคู่นี้แทรกมาตลอด แล้วยังออกทะเลไปไม่รู้กี่รอบ วนอยู่แต่กับความโง่ของนางเอกและความปิดปังเพราะรักของพระเอก เฮ้อ ทนอ่านมาเพราะอยากรู้ตอนจบ แต่หงุดหงิกมาก...
ฝึกฝนตัวเองหาทางช่วยสามีมันก็ดี แต่ถึงขนาดทิ้งลูกให้คนอื่นดูแลนี่ไม่ไหว เลี้ยงเด็กยังไงให้เป็นแบบนี้ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แถมเป็นภาระ ใช้ชีวิตโง่ ๆ มีศัตรูอยู่ แต่ไม่พาการ็ดไปด้วย พอลูกมีปัญหาที่รร. แทนที่จะเรียกสามี มาช่วยตั้งแต่แรก เสือกจะสู้เอง...
นางเอกอ้อนแอแถมโง่ แต่ก็ไม่ฟังพระเอก เสือกวิ่งไปวิ่งมาให้ถูกคนทำร้าย อ่านแล้วรำคาญ...
นางเอกโง่เง่าไม่มีการพัฒนา...
ทำไมไม่บอกพระเอกแล้วให้จัดการกับนังนั่น...
โอน่อหยาก็รู้นี่นาว่านางเอกเป็นคู่หมั้นประธาน ทำไมยังกล้าใส่ร้ายหรือแปลกใจว่านางเอกยังมีคนหนุน...
เนื้อเรื่องยืดยาวววน่าเบื่อมาก วนไปมาไม่เข้าเรื่องสักทีอ่านจนไม่อยากอ่านต่อน่าเบื่อเกิน ไม่เข้าเรื่องพระเอกกับนางเอกสักที วนอยู่ที่เดิมจนไม่น่าติดตามเพราะน่าเบื่อ...