บทที่77 ความเคลื่อนไหวของคุณโห้
ถึงเวลาเที่ยงอีกแล้ว เย้นหว่านวางงานในมือลง และหยิบมือถือขึ้นมา
เธอได้โทรหามู่จื่ออี้
“ตู๊ดๆๆ.......”
เหมือนสองวันนี้เลย โทรไปตั้งนานแต่ก็ไม่มีคนรับสาย
เย้นหว่านมองหน้าจอมือถืออย่างเหม่อลอย และขมวดคิ้วอย่างไม่สบายใจ มู่จื่ออี้ลาออกฉับพลันแถมยังติดต่อไม่ได้ เกิดเรื่องอะไรขึ้นรึเปล่า?
อารมณ์รู้สึกค่อนข้างซับซ้อน เย้นหว่านได้กลับมาที่ร้านอาหารส่วนตัวของโห้หลีเฉิน และชิมอาหารให้เขา
ริมสระว่ายน้ำที่บรรยากาศดีมาก โห้หลีเฉินนั่งอยู่ข้างโต๊ะด้วยความชิน และรอเธออย่างสงบ
ถึงภาพแบบนี้เคยเห็นมาหลายครั้งแล้ว แต่เย้นหว่านก็ยังรู้สึกเป็นภาพที่สวยงามมาก
“คุณโห้คะ”
เย้นหว่านทักทายโห้หลีเฉินด้วยรอยยิ้ม เอาสมุดโน๊ตที่ติดตัวมาวางลงบนโต๊ะแล้วเริ่มชิมอาหาร
แต่เธอกำลังจะไปหยิบตะเกียบ กลับเห็นมีดและส้อมที่ไม่เหมือนวันปกติด้วยความตะลึง อาหารตะวันตกบนโต๊ะ สเต็กเนื้อ สลัดผัก
นี่แตกต่างกับอาหารจีนของปกติอย่างสิ้นเชิง!
เย้นหว่านมึนเล็กน้อย
เห็นเธออึ้ง แววตาของโห้หลีเฉินมีรอยยิ้มแว๊บผ่าน เขาพูดอย่างจริงจัง:
“ลองชิมดูสิครับ”
“.....ค่ะ”
เย้นหว่านจับมีดและส้อมไว้หั่นสเต็กเนื้อขึ้นมาทาน
ก็ไม่รู้เป็นเพราะว่าช่วงนี้ชิมอาหารจนปากติดเป็นนิสัยรึเปล่า? สเต็กเนื้อชิ้นนี้ถึงมีกลิ่นหอมมาก แต่เพราะมีจุดบกพร่องเล็กๆที่รสชาติไม่เผ็ด เธอเลยรู้สึกรสชาติไม่ได้อร่อยขนาดนั้นแล้ว
นี่เป็นอาหารหลัก เย้นหว่านมองโห้หลีเฉินและพูดว่า:“รสชาติไม่ค่อยโอเคค่ะ”
เหมือนจะเป็นปฎิกิริยาที่อยู่ในการคาดหมาย โห้หลีเฉินยกมือขึ้นและสั่งการ:
“เปลี่ยนใหม่”
“ครับ คุณผู้ชาย”
พนักงานสองคนออกมาจากด้านข้าง ยกสเต็กที่อยู่ตรงหน้าของทั้งสองออกอย่างมีมารยาท
ถัดมา มีพนักงานสองคนเข็นรถอาหารมาอีก และเอาสเต็กเนื้อเสิร์ฟมาที่ตรงหน้าของเย้นหว่านกับโห้หลีเฉิน
เย้นหว่านรู้สึกเหนือความคาดหมายเล็กน้อย ก่อนหน้านั้นอาหารจีนจะเสิร์ฟอยู่บนโต๊ะทีเดียว และเธอก็ชิมทีละเมนู
แต่อาหารตะวันตกกลับเสิร์ฟทีละครั้งๆ
พอคิดในมุมกลับกัน เธอก็เข้าใจแล้ว อาหารจีนต้องมีอาหารหลายอย่าง ทุกเมนูก็ทานไม่ถึงสองคำ แต่ถ้าเป็นสเต็กล่ะก็ ปกติก็จะทานให้หมดเป็นจาน ดังนั้นจึงเสิร์ฟน้อย
งั้นเธอ.......
เย้นหว่านมองสเต็กที่อยู่ตรงหน้าของตัวเอง อาหารเที่ยงวันนี้สงสัยคงจะทานไม่อิ่มซะแล้ว
สเต็กของครั้งนี้รสชาติถูกปากเธอแล้ว เย้นหว่านชิมไปคำนึงแล้ววางส้อมลง “คุณโห้คะ สเต็กจานนี้รสชาติโอเคค่ะ”
“อืม” โห้หลีเฉินพยักหน้าและพูดอย่างเป็นธรรมชาติ “งั้นทานด้วยกันเถอะ”
เย้นหว่านอึ้งค้างไว้ เธอไม่ใช่แค่มีหน้าที่แค่ชิมหรอ?
โห้หลีเฉินยักคิ้วและมองสเต็กเนื้อที่ขาดไปมุมนึงบนจานของเธอ
“อย่าสิ้นเปลืองอาหาร”
อาหารจีนสามารถทานหลังจากชิมได้ แต่สเต็กไม่ได้
เย้นหว่านกลืนน้ำลาย รู้สึกคำพูดนี้ยากที่จะตอบโต้ แต่สเต็กที่ก่อนหน้านั้นบอกไม่อร่อยก็ไม่ใช่เอาไปทิ้งเหมือนกันหรอ?
สองวันหลังจากนี้ บนโต๊ะของโห้หลีเฉินก็ไม่มีอาหารจีนโผล่ขึ้นมาอีกเลย แต่อาหารของทุกวันไม่เหมือนกันเลย
อาหารตะวันตก อาหารเวียดนาม อาหารฝรั่งเศส อาหารญี่ปุ่น......
เพราะว่าแต่ละประเทศมีจุดเด่นที่ไม่เหมือนกัน ต่างก็เสิร์ฟมาทีละครั้งๆ สมุดโน๊ตของเย้นหว่านไม่มีพื้นที่ให้แสดงความสามารถแล้วด้วยซ้ำ
เธอมองดูสมุดโน๊ตที่นอกจากวันแรกก็ว่างเปล่าแล้ว รู้สึกกลุ้มใจจะแย่
หลังจากถอนหมั้น เธอจะส่งมอบงานเกี่ยวกับเรื่องชิมอาหารนี้ให้โห้หลีเฉินยังไง?
กลางคืน ตอนที่เย้นหว่านอยู่ในห้อง จู่ๆเสียงโทรศัพท์ได้ดังขึ้น
เธอหยิบมือถือขึ้นมาดู เป็นสายเรียกเข้าจากโห้หลีเฉิน
เขาโทรหาเธอในเวลานี้ทำไม?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน
อืดอาด มีเรื่องคู่นั้นคู่นี้แทรกมาตลอด แล้วยังออกทะเลไปไม่รู้กี่รอบ วนอยู่แต่กับความโง่ของนางเอกและความปิดปังเพราะรักของพระเอก เฮ้อ ทนอ่านมาเพราะอยากรู้ตอนจบ แต่หงุดหงิกมาก...
ฝึกฝนตัวเองหาทางช่วยสามีมันก็ดี แต่ถึงขนาดทิ้งลูกให้คนอื่นดูแลนี่ไม่ไหว เลี้ยงเด็กยังไงให้เป็นแบบนี้ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แถมเป็นภาระ ใช้ชีวิตโง่ ๆ มีศัตรูอยู่ แต่ไม่พาการ็ดไปด้วย พอลูกมีปัญหาที่รร. แทนที่จะเรียกสามี มาช่วยตั้งแต่แรก เสือกจะสู้เอง...
นางเอกอ้อนแอแถมโง่ แต่ก็ไม่ฟังพระเอก เสือกวิ่งไปวิ่งมาให้ถูกคนทำร้าย อ่านแล้วรำคาญ...
นางเอกโง่เง่าไม่มีการพัฒนา...
ทำไมไม่บอกพระเอกแล้วให้จัดการกับนังนั่น...
โอน่อหยาก็รู้นี่นาว่านางเอกเป็นคู่หมั้นประธาน ทำไมยังกล้าใส่ร้ายหรือแปลกใจว่านางเอกยังมีคนหนุน...
เนื้อเรื่องยืดยาวววน่าเบื่อมาก วนไปมาไม่เข้าเรื่องสักทีอ่านจนไม่อยากอ่านต่อน่าเบื่อเกิน ไม่เข้าเรื่องพระเอกกับนางเอกสักที วนอยู่ที่เดิมจนไม่น่าติดตามเพราะน่าเบื่อ...