“ห๊ะ?!”
ดวงตาเบิกกว้างของกู้จื่อเฟยมองไปที่เย้นโม่หลินด้วยความประหลาดใจ
ถึงขนาดทำให้ตัวเธอเองยังสงสัยว่าหูของเธอได้ยินอะไรผิดพลาดไปหรือเปล่า ที่ตัวเองได้ยินอะไรแบบนี้
ถึงแม้ว่าจะรู้จักกันได้ไม่นาน แต่ว่าที่ฉันรู้จักเย้นโม่หลินเป็นคนที่มีความสามารถคนหนึ่งเลย ทุกครั้งที่เย้นโม่หลินเข้าร่วมงานเลี้ยงก็ไม่เคยควงผู้หญิงคนไหนเลย
สามารถพูดได้เลยว่าข้างกายของเขานอกจากเย้นหว่านแล้วก็ไม่มีผู้หญิงคนไหนเคยได้ควงแขนของเขามาร่วมงานเลี้ยงเลย
เย้นโม่หลินเอียงกายหันหน้าไปจ้องมองกู้จื่อเฟย
ท่าทางและสีหน้าของเขาดูเคร่งขรึม “ทำไม มีปัญหาเหรอ?”
มีสิ และเป็นปัญหาใหญ่ด้วย!
เธอไม่อาจคิดถึง ความรู้สึกที่ได้ยืนข้างกายเขาและควงแขนของเขาไว้
เธอพูดออกมาอย่างรีบร้อน “ฉัน พี่ชายข้างบ้านเหมือนว่าจะกลับมาคืนนี้แล้ว ถึงเวลาฉันจะลากเขาไปเป็นคู่ควงแล้วกัน”
คุยกับฝู้เหวยข่ายสักหน่อย เขาเองก็คงไม่พูดอะไรมาก”
พี่ชายข้างบ้าน?
เรียกซะสนิทสนมขนาดนั้น ยิ่งทำให้เย้นโม่หลินรู้สึกไม่ดี
สีหน้าเขาหม่นมืด และทันใดนั้นก็เอนตัวไปหากู้จื่อเฟย ค่อยๆ กัดฟันพูดออกมาทีละคำ
“ฉันเป็นคู่ควงของเธอ เธอรังเกียจงั้นเหรอ?”
กลิ่นหอมเย็นของชายหนุ่มโชยมา และกลิ่นนั้นก็ค่อยๆ รุกล้ำเข้าไปในประสาทสัมผัสของเธอ ทำให้กู้จื่อเฟยในตอนนั้นตัวแข็งเหมือนหิน
สมองของเธอโล่งไปชั่วขณะหนึ่ง และพูดอย่างลุกลี้ลุกลน “ทำ ทำไมถึง...”
“งั้นเอาตามนี้แล้วกัน”
เย้นโม่หลินทุบโต๊ะและพูดว่า “อีกฝั่ง ก็บอกว่าฉันเป็นแค่พี่ชายข้างบ้าน”
กู้จื่อเฟย “…”
ข้างบ้านของเขายังมีเพื่อนบ้านอีกสองครอบครัว ครอบครัวหนึ่งคืนนี้พี่ชายจะมา อีกครอบครัวหนึ่งมีลูกสาวคนเดียว
แล้วเขาจะเป็นพี่ชายข้างบ้านมาจากครอบครัวไหนกัน?
แน่นอนว่าเย้นโม่หลินไม่ได้เปิดโอกาสให้เธอพูดออกไปแบบมั่วๆ อีก
เขายืนขึ้นพลางจัดชุดสูทและพูดว่า
“จัดการห้องให้ฉันหนึ่งห้อง ฉันจะเปลี่ยนชุด”
ด้วยน้ำเสียงของคำสั่งนั้นทำให้กู้จื่อเฟยไม่สามารถปฏิเสธได้
ราวกับว่าที่นี่คือบ้านของเขา
เย้นหว่านมองอย่างตกใจจนพูดอะไรไม่ถูกและไม่รู้ว่าทำไมเย้นโม่หลินถึงได้กลายมาเป็นคู่ควงของกู้จื่อเฟยในคืนนี้
เธอกระซิบข้างหูของโห้หลีเฉินเบาๆ
“พี่ชายของฉันต้องการที่จะใช้สถานะคู่ควงของกู้จื่อเฟยเพื่อที่จะติดต่อกับฝู้เหวยข่ายงั้นเหรอ? แบบนี้ถึงแม้ว่าอาจจะดูแปลกไปหน่อย แต่ก็ดูเป็นธรรมชาติดีนะ”
โห้หลีเฉินยิ้มอย่างมีเลศนัยและพูดว่า “ถ้าเธอคิดว่าใช่ ก็ใช่นั่นแหละ”
เย้นหว่านสงสัย นี่มันหมายความว่าอะไร หรือว่าจริงๆ แล้วมันไม่ใช่เพราะเหตุผลนี้งั้นเหรอ?
แล้วมีเหตุผลอะไรให้เย้นโม่หลินทำเช่นนี้ล่ะ?
ในขณะที่กำลังคิด เย้นโม่หลินก็เดินไปถึงที่หน้าประตูแล้ว และกำลังจะเปิดประตู
เขาหันกลับมาสายตามองตรงไปที่กู้จื่อเฟย “ไปกันเถอะ?”
กู้จื่อเฟยถึงได้รู้สึกตัวอีกครั้ง เธอต้องนำทางเย้นโม่หลินไป
“ได้ๆ”
เธอลุกขึ้นยืนอย่างลุกลี้ลุกลน เดินไปได้เพียงสองก้าวก็คิดอะไรขึ้นมาได้ “คือ ฉันไม่คิดว่าพวกจะคุณมาตอนนี้ ก็เลยไม่ได้เตรียมชุดไว้ให้ แต่ฉันจะให้คนไปซื้อมาให้เดี๋ยวนี้แหละ แต่อาจจะต้องรอสักครู่นะคะ”
“ไม่เป็นไร คนของฉันนำชุดมาส่งเรียบร้อยแล้ว เธอให้คนใช้มารับไปก็พอแล้ว”
สำหรับการจัดเตรียมครั้งนี้ กู้จื่อเฟยพูดไม่ออกและไม่รู้จะสรรหาคำพูดใดมาพูด
ไม่คิดว่าชุดจะถูกเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว
เตรียมพร้อมไว้ถี่ถ้วนจริงๆ
เย้นหว่านก็แปลกใจเหมือนกัน เธอไม่รู้ว่าพี่ชายของเธอเตรียมชุดไว้ให้ตอนไหนและไม่คิดว่าจะเตรียมพร้อมไว้ขนาดนี้
โห้หลีเฉินมองท่าทางเหม่อของเธอ ลูบผมของเธออย่างเอาใจ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน
อืดอาด มีเรื่องคู่นั้นคู่นี้แทรกมาตลอด แล้วยังออกทะเลไปไม่รู้กี่รอบ วนอยู่แต่กับความโง่ของนางเอกและความปิดปังเพราะรักของพระเอก เฮ้อ ทนอ่านมาเพราะอยากรู้ตอนจบ แต่หงุดหงิกมาก...
ฝึกฝนตัวเองหาทางช่วยสามีมันก็ดี แต่ถึงขนาดทิ้งลูกให้คนอื่นดูแลนี่ไม่ไหว เลี้ยงเด็กยังไงให้เป็นแบบนี้ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แถมเป็นภาระ ใช้ชีวิตโง่ ๆ มีศัตรูอยู่ แต่ไม่พาการ็ดไปด้วย พอลูกมีปัญหาที่รร. แทนที่จะเรียกสามี มาช่วยตั้งแต่แรก เสือกจะสู้เอง...
นางเอกอ้อนแอแถมโง่ แต่ก็ไม่ฟังพระเอก เสือกวิ่งไปวิ่งมาให้ถูกคนทำร้าย อ่านแล้วรำคาญ...
นางเอกโง่เง่าไม่มีการพัฒนา...
ทำไมไม่บอกพระเอกแล้วให้จัดการกับนังนั่น...
โอน่อหยาก็รู้นี่นาว่านางเอกเป็นคู่หมั้นประธาน ทำไมยังกล้าใส่ร้ายหรือแปลกใจว่านางเอกยังมีคนหนุน...
เนื้อเรื่องยืดยาวววน่าเบื่อมาก วนไปมาไม่เข้าเรื่องสักทีอ่านจนไม่อยากอ่านต่อน่าเบื่อเกิน ไม่เข้าเรื่องพระเอกกับนางเอกสักที วนอยู่ที่เดิมจนไม่น่าติดตามเพราะน่าเบื่อ...