กู้จื่อเฟยอึ้งไปเล็กน้อย เมื่อได้สติเธอก็คิดจะพูดว่าไป
ถึงยังไงเธอก็ไม่อยากอยู่กับเย้นโม่หลินตามลำพังด้วยกัน อย่างน้อยตอนมีคนอยู่เยอะๆ เขาก็คงไม่สะดวกจะพูดอะไรมากนัก
แต่ถ้ากินข้าวด้วยกัน งั้นก็กินพร้อมกับเย้นโม่หลินอีกน่ะสิ?
เมื่อคืนเพิ่งจะผ่านเรื่องแบบนั้นมา เธอเผชิญหน้ากับเย้นโม่หลินไม่ติดจริงๆ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการมองเขาแล้วกินข้าวไปเลย
กู้จื่อเฟยสับสนวุ่นวายอยู่พักหนึ่ง ก็กอดผ้าปูเตียงที่พันอยู่รอบตัวแล้วพูด
"ไม่ล่ะ พวกเธอไปกินเถอะ ฉันจะไปเปลี่ยนเสื้อผ้า"
เย้นหว่านมองออกว่าอารมณ์ของกู้จื่อเฟยในตอนนี้ว้าวุ่นมาก บางทีความกระทบกระเทือนของเรื่องเมื่อคืนต่อเธอคงจะมากไปหน่อยจริงๆ
ที่เธออยากจะเปลี่ยนเสื้อผ้า ที่จริงแล้วเพราะอยากจะอยู่เงียบๆ คนเดียวสินะ
ถ้าหากเธอเองเจอเรื่องแบบนี้ ย่ากลัวว่าเธอเองก็อาจจะไม่มีกะจิตกะใจจะกินอะไรแล้ว
เย้นหว่านกังวลใจ แต่ก็เข้าใจ ควรจะให้พื้นที่ส่วนตัวกับกู้จื่อเฟยบ้าง
"โอเค ถ้าเธอหิวก็มากินนะ ฉันอยู่ตลอด"
ตอนที่ต้องการเธอก็เรียกเธอได้เสมอ
โห้หลีเฉินโอบเย้นหว่านแล้วเอ่ยเร่ง "ไปกันเถอะ"
สถานการณ์ในตอนนี้ของกู้จื่อเฟบ ไม่ควรจะให้เย้นหว่านยื่นมือเข้าไป ไม่อย่างนั้น ก็จะเป็นก้างขวางคออย่างชัดเจน
เย้นหว่านคิดว่าโห้หลีเฉินนั้นหิวและหงุดหงิดที่จะรอแล้ว จึงไม่ได้ร่ำไรอะไรต่ออีกแล้วเดินไปด้วยกัน
ในห้องพิเศษ ได้เหลือฝู้หงที่กำลังคร่ำครวญ และยังมีกู้จื่อเฟย เย้นโม่หลินและป่ายฉีสามคน
นอกจากคนอื่นๆ ที่เหมือนเป็นแบคกราวด์แล้ว ป่ายฉีก็กลายเป็นคนที่เกินออกมาอย่างเห็นได้ชัด
เขาพูดอย่างไม่ลังเล "ฉันเองก็ไปกินอาหารเช้าล่ะ บ๊ายบาย"
พูดจบก็เดินออกไปด้านนอกอย่างว่องไว
กู้จื่อเฟยมึนงงขึ้นมาทันที ถ้าป่ายฉีหนีไปแบบนี้ งั้นก็เหลือแค่เธอกับเย้นโม่หลินงั้นเหรอ?
สิ่งที่เธอกลัวที่สุดไม่อยากเจอที่สุดในตอนนี้ก็คือการอยู่คนเดียวกับเย้นโม่หลิน
กู้จื่อเฟยพูดอย่างรีบร้อน "ฉันกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วนะ"
ไม่ทันพูดให้จบเธอก็วิ่งออกไป แทบจะออกจากประตูไล่ตามหลังป่ายฉีไปแค่ก้าวเดียว
ท่าทางรีบร้อนนั้น ราวกับว่าข้างหลังมีภูตผีที่น่ากลัวอยู่อย่างนั้น
สีหน้าของเย้นโม่หลินมืดมน เม้มปากแน่น
จากนั้น ขายาวก็เดินออกไปข้างนอกเช่นกัน
ห้องอาหารและห้องชั่วคราวไม่ได้อยู่ทางเดียวกัน หลังจากเดินออกมาจากห้อง กู้จื่อเฟยและป่ายฉีก็แยกกันเป็นสองทาง
แต่สิ่งที่ทำให้เธอล้มครืนก็คือ เย้นโม่หลินนั้นเดินตามเธอมา
ขายาวของเขาก้าวได้กว้าง ระยะห่างระหว่างทั้งสองสั้นลงจนเห็นได้ชัด
กู้จื่อเฟยเหมือนจะเริ่มดูท่าไม่ดี ทำไมเย้นโม่หลินไม่ไปกินอาหารเช้าล่ะ? เขาคิดจะทำอะไรกันแน่?
ถ้าเป็นเมื่อก่อน เธอคงคิดว่ามันเป็นแค่การร่วมทางเดียวกัน แต่ในตอนนี้มันเป็นไปไม่ได้เลย
หรือนี่เย้นโม่หลินจะตามมาคิดบัญชีงั้นเหรอ?
กู้จื่อเฟยตื่นตระหนก เธอหอบผ้าปูเตียงแล้วเริ่มวิ่งโดยไม่คิดหน้าคิดหลัง
เธอไม่แม้แต่จะมองคนที่อยู่ข้างหลัง ในเฮือกเดียวเธอวิ่งมาถึงประตูของห้องที่เธอสามารถใช้ได้ เปิดประตูและปิดประตูในรวดเดียว
แต่ทว่า ในขณะที่อีกนิดเดียวประตูก็จะปิดลงนั้น ก็พลันมีฝ่ามือใหญ่ข้างหนึ่งยื่นเข้ามาข้างนอกแล้วคว้าบานประตูเอาไว้ สกัดกั้นไม่ให้ประตูปิดสนิทอย่างแข็งกร้าว
กู้จื่อเฟยตกใจจนตัวเกร็ง ก่อนเห็นเย้นโม่หลินที่ยืนอยู่ข้างนอกจากซอกประตู
เธอมองเขาด้วยแววตาสั่นไหว "คุณ ทำอะไรน่ะ?"
ในน้ำเสียงนั้น ล้วนเป็นความกังวลและสิ้นหวัง
เย้นโม่หลินจ้องมองเธอด้วยแววตามืดหม่น พูดอย่างชัดถ้อยชัดคำ "คุยกันหน่อย"
ท่าทีที่ดื้อรั้น
ตั้งแต่เช้าจนถึงตอนนี้ ก็ไม่ได้เปลี่ยนไปเลย
กู้จื่อเฟยเหงื่อตก มีแต่ฟ้าเท่านั้นที่รู้ว่าเธอไม่อยากจะคุยมากแค่ไหน
แต่ท่าทีนั้นของเย้นโม่หลิน เธอแทบจะไม่สามารถจะหลบซ่อนได้เลย หรือว่าเธอจะต้องยอมรับความตายอย่างนั้นเหรอ?
ใบหน้าของกู้จื่อเฟยเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง "ถ้างั้น รอฉันเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะ สภาพฉันตอนนี้ไม่สะดวก"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน
อืดอาด มีเรื่องคู่นั้นคู่นี้แทรกมาตลอด แล้วยังออกทะเลไปไม่รู้กี่รอบ วนอยู่แต่กับความโง่ของนางเอกและความปิดปังเพราะรักของพระเอก เฮ้อ ทนอ่านมาเพราะอยากรู้ตอนจบ แต่หงุดหงิกมาก...
ฝึกฝนตัวเองหาทางช่วยสามีมันก็ดี แต่ถึงขนาดทิ้งลูกให้คนอื่นดูแลนี่ไม่ไหว เลี้ยงเด็กยังไงให้เป็นแบบนี้ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แถมเป็นภาระ ใช้ชีวิตโง่ ๆ มีศัตรูอยู่ แต่ไม่พาการ็ดไปด้วย พอลูกมีปัญหาที่รร. แทนที่จะเรียกสามี มาช่วยตั้งแต่แรก เสือกจะสู้เอง...
นางเอกอ้อนแอแถมโง่ แต่ก็ไม่ฟังพระเอก เสือกวิ่งไปวิ่งมาให้ถูกคนทำร้าย อ่านแล้วรำคาญ...
นางเอกโง่เง่าไม่มีการพัฒนา...
ทำไมไม่บอกพระเอกแล้วให้จัดการกับนังนั่น...
โอน่อหยาก็รู้นี่นาว่านางเอกเป็นคู่หมั้นประธาน ทำไมยังกล้าใส่ร้ายหรือแปลกใจว่านางเอกยังมีคนหนุน...
เนื้อเรื่องยืดยาวววน่าเบื่อมาก วนไปมาไม่เข้าเรื่องสักทีอ่านจนไม่อยากอ่านต่อน่าเบื่อเกิน ไม่เข้าเรื่องพระเอกกับนางเอกสักที วนอยู่ที่เดิมจนไม่น่าติดตามเพราะน่าเบื่อ...