เย้นหว่านสะดุ้งอย่างแรง กลัวว่าเย้นโม่หลินรู้เรื่องตอนค่ำแล้วจะมาห้ามปราม แน่นอนว่าเธอไม่มีทางบอกอยู่แล้ว
รีบพูดยิ้มๆอย่างรวดเร็ว"นั่นมันเป็นคำพูดเล็กๆน้อยๆระหว่างคู่รัก ถ้าพี่อยากรู้ ก็ลองพูดกับจื่อเฟยดูสิ"
พอได้ยินแบบนั้น ท่าทีของพี่ชายที่เข้มงวดของเย้นโม่หลินก็แตกสลายไปทันที เต็มไปด้วยความไม่เป็นตัวของตัวเอง
เขาหันไปมองกู้จื่อเฟยอย่างไม่ได้ตั้งใจ ขณะที่สายตาหันมาสบกันนั้น เขาก็รีบหันสายตาไปทางอื่นอย่างรวดเร็ว
คิดอะไร? ไม่คิดว่าเขาจะประหม่า!
เย้นโม่หลินวางตะเกียบลงทันที ก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแข็งทื่อ
"ผมกินเสร็จแล้ว พวกคุณกินให้อร่อยนะ"
พูดจบ ก็ลุกขึ้นยืน หันตัวเดินไปอย่างว่องไว
เงาหลังเรียกได้ว่าดูดีสุดๆ
กู้จื่อเฟยมองเขาอย่างอึ้งตะลึง เธอสับสนมึนงง เย้นโม่หลินยังไม่ทันกินข้าวหมด ก็ไปทั้งอย่างนี้แล้ว?
แถมตอนที่ไป ก็ไม่หันมามองเธอเลยแม้แต่น้อย
เทียบกับโห้หลีเฉินที่ก่อนจะจากไปก็ยังหันมาพูดกับเย้นหว่านอย่างใกล้ชิดสนิทสนม ท่าทีที่มีต่อเธอของเย้นโม่หลินมันช่างต่างกันสุดขั้ว
ความใกล้ชิดสนิทสนมที่ควรมีระหว่างคนรักล่ะ?
กู้จื่อเฟยรู้สึกอัดอั้นตันใจ มองเงาหลังของเย้นโม่หลิน รู้สึกว่าจิตใจว่างเปล่า เหมือนขาดอะไรไปสักอย่าง แต่กลับบอกไม่ถูกว่าทำไม
หลังจากที่เย้นโม่หลินไปแล้ว ราวกับว่าอาหารไม่มีรสชาติ จืดชืดลงไปเยอะ ความอยากอาหารของกู้จื่อเฟยลดลงอย่างกะทันหัน
ช่วงค่ำ
กู้จื่อเฟยอาบน้ำเสร็จแล้ว แต่ไม่ได้สวมชุดนอน กลับสวมชุดเดรสที่สวยงามดูดีแทน
เธอถือมือถือนั่งเล่นอยู่บนโซฟา หันมองไปยังประตูเป็นระยะๆ ใจเต้นไม่เป็นจังหวะกำลังตั้งหน้าตั้งตารออะไรสักอย่าง
วันนี้เธอกับเย้นโม่หลินทำการตัดสินใจครั้งยิ่งใหญ่ ก็คือการคบกัน เธอกำลังคิด ว่าตอนค่ำเย้นโม่หลินจะมาพูดคุยกับเธอไหม
ถึงยังไงคู่รักทั่วๆไป ในช่วงที่กำลังคลั่งรักกันอยู่ ใครๆก็ล้วนแต่อยากจะมีปฏิสัมพันธ์อยู่ด้วยกันกับอีกฝั่งทั้งนั้น
กู้จื่อเฟยตั้งหน้าตั้งตารออยู่แบบนี้ เตรียมตัวรออย่างดี
ในขณะเดียวกัน ตาก็กำลังมองหน้าจอมือถือ กำลังเลื่อนดูข้อความในวีแชทครั้งแล้วครั้งเล่า รอคอยว่าบางทีเย้นโม่หลินอาจจะส่งข้อความมาให้เธอก็ได้
ต่อให้เป็นข้อความประมาณว่า นอนแล้วยัง แบบนี้ก็ยังดี
แต่กู้จื่อเฟยรออยู่นาน กลับไม่มีแม้แต่ข้อความเดียว
ตอนที่เธอรอจนรู้สึกสะลึมสะลือ ยิ่งรู้สึกท้อแท้มากขึ้นแล้วนั้น จู่ๆก็ได้ยินเสียงฝีเท้าของคนดังเข้ามาจากทางเดินข้างนอก
กู้จื่อเฟยถลึงสองตากลมโตด้วยความตื่นเต้นทันที กระโดดลุกขึ้นมาอย่างแรง วิ่งตรงไปยังประตูอย่างเบาๆ
เธอแง้มหูฟังเสียงฝีเท้าที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆอย่างตั้งใจ ใจเต้น"ตึกตักๆ"
เย้นโม่หลินมาแล้วอย่างนั้นเหรอ?
เขามาหาเธอใช่ไหม?
ใช่ใช่ไหม?
เธอตั้งหน้าตั้งตารอด้วยความสุขและความหวัง ในที่สุดก็รอจนกระทั่งเสียงฝีเท้านั้นเข้ามาใกล้ประตูห้องของเธอ จากนั้นก็หยุดลง
กู้จื่อเฟยใจแทบจะเต้นออกมาทันที
สองมือของเธอสั่นด้วยความชอบดีใจ ไปคว้าตรงลูกบิดประตู ขอแค่เขาเคาะประตู เธอก็จะเปิดออกทันที
"ตุ๊งๆๆ"
เสียงเคาะประตูเบาๆดังขึ้นมา
มือที่กู้จื่อเฟยจะหมุนลูกบิดประตูเพื่อเปิดประตูออก กลับนิ่งชะงักลง เสียงนี้มัน ไม่ถูกต้อง นี่มันห้องข้างๆนี่นา!
เธอเหม่อลอย ความดีอกดีใจบนใบหน้าจางหายไป
เย้นโม่หลินไม่ได้มาหาเธอ
ไม่นาน ประตูของห้องข้างๆก็เปิดออก ข้างๆมีเสียงเบาๆคลุมเครือของเย้นหว่านดังขึ้นมา
"คุณมาได้ยังไง? คุณบอกให้ฉันไปหาคุณที่ห้องไม่ใช่เหรอ?"
"คุณไม่มาสักที ผมก็เลยต้องมาหาคุณเองนี่ไง"โห้หลีเฉินพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำในลำคอ น่าดึงดูด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน
อืดอาด มีเรื่องคู่นั้นคู่นี้แทรกมาตลอด แล้วยังออกทะเลไปไม่รู้กี่รอบ วนอยู่แต่กับความโง่ของนางเอกและความปิดปังเพราะรักของพระเอก เฮ้อ ทนอ่านมาเพราะอยากรู้ตอนจบ แต่หงุดหงิกมาก...
ฝึกฝนตัวเองหาทางช่วยสามีมันก็ดี แต่ถึงขนาดทิ้งลูกให้คนอื่นดูแลนี่ไม่ไหว เลี้ยงเด็กยังไงให้เป็นแบบนี้ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แถมเป็นภาระ ใช้ชีวิตโง่ ๆ มีศัตรูอยู่ แต่ไม่พาการ็ดไปด้วย พอลูกมีปัญหาที่รร. แทนที่จะเรียกสามี มาช่วยตั้งแต่แรก เสือกจะสู้เอง...
นางเอกอ้อนแอแถมโง่ แต่ก็ไม่ฟังพระเอก เสือกวิ่งไปวิ่งมาให้ถูกคนทำร้าย อ่านแล้วรำคาญ...
นางเอกโง่เง่าไม่มีการพัฒนา...
ทำไมไม่บอกพระเอกแล้วให้จัดการกับนังนั่น...
โอน่อหยาก็รู้นี่นาว่านางเอกเป็นคู่หมั้นประธาน ทำไมยังกล้าใส่ร้ายหรือแปลกใจว่านางเอกยังมีคนหนุน...
เนื้อเรื่องยืดยาวววน่าเบื่อมาก วนไปมาไม่เข้าเรื่องสักทีอ่านจนไม่อยากอ่านต่อน่าเบื่อเกิน ไม่เข้าเรื่องพระเอกกับนางเอกสักที วนอยู่ที่เดิมจนไม่น่าติดตามเพราะน่าเบื่อ...