ไม่เกินสองวินาที เขาก็ถูกบอดี้การ์ดสูงใหญ่สองคนคุมตัวกดมาที่ตรงหน้าป่ายฉีอย่างไม่มีความสามารถในการต่อต้านเลยสักนิด
ฝู้เหวยข่ายทั้งกลัวและตกใจ เกร็งไปหมดทั้งตัวพร้อมพูดอย่างระวังตัว "แกจะทำอะไร?"
ป่ายฉีมองหน้าตาที่แข็งนอกอ่อนในของเขาอย่างขี้เล่น พร้อมพูดกวน "ฉันไม่สนใจนายหรอก คนที่จะจัดการนายคือเย้นโม่หลิน"
คนที่อยากสับฝู้เหวยข่ายให้เป็นพันชิ้นหมื่นชิ้นมากที่สุด ก็มีแค่เย้นโม่หลินเท่านั้น
ทันใดนั้นร่างกายของฝู้เหวยข่ายยิ่งสั่นอย่างรุนแรง
ตอนแรก เขาเป็นศัตรูกับเย้นโม่หลินเพราะกู้จื่อเฟย สามารถบอกได้ว่าเป็นศัตรูหัวใจที่ตาต่อตา ฟันต่อฟันอย่างสิ้นเชิง
ตอนนี้เขาเป็นเนื้อปลา เย้นโม่หลินเป็นมีดและเขียง เขาตายแน่ๆ
ฝู้เหวยข่ายลนลานจะแย่อยู่แล้ว กลอกตาไปมามั่วซั่ว จู่ๆนึกอะไรได้ ก็ได้เห่าหอนขึ้นมา
"เย้นโม่หลินมีปัญญาแค่นี้เหรอ?อาศัยพวกแกมาจับฉัน แล้วถึงมาจัดการฉันโดยที่ไม่ต้องลงแรง แต่ตัวเขาเป็นเต่าหัวหดที่คอยหลบอยู่ข้างหลังโห้หลีเฉินก็แล้วไป แม้แต่ตระกูลฝู้ก็ไม่กล้ามา พูดเคลียร์แล้วก็เป็นแค่ไอ้ขี้ขลาดตาขาวเฉยๆ !ตกอยู่ในมือของคนแบบนี้ ฉันไม่ยอมหรอก"
ป่ายฉีฟังแล้วได้ยักคิ้วอย่างกวนๆ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินคนอื่นว่าเย้นโม่หลินแบบนี้
ไอ้คนขี้ขลาดตาขาว?ไม่นึกเลยว่าคำแบบนี้ก็สามารถใช้กับเย้นโม่หลินด้วย
น่าสนุกจังเลย
ระหว่างที่คิด เขากำลังคิดว่าจะให้ฝู้เหวยข่ายด่าอีกรอบหรือเปล่า เดี๋ยวถ่ายไปให้เย้นโม่หลินดู ก็ได้ยินเสียงเปิดประตูดังขึ้นในเวลานี้พอดี
ตามด้วยขาเรียวยาวข้างหนึ่งก้าวลงมาจากรถ
คือเย้นโม่หลินพอดีเลย
สีหน้าเขาค่อนข้างซีดผิดปกติ ดูไม่ค่อยดีเลย แต่สายตากลับเฉียบคมเหมือนหนาม ทั้งเนื้อทั้งตัวมีความเหี้ยมโหดที่ทำให้คนสะพรึงกลัว
เขาเม้มริมฝีปากบางไว้ พร้อมเดินมาหาฝู้เหวยข่ายทีละก้าวๆ
ฝู้เหวยข่ายถึงตายก็คิดไม่ถึงว่าเย้นโม่หลินจะอยู่ในรถตลอด
ดันยังลงจากรถในขณะที่เขากำลังด่าเขาอยู่
เขาคงได้ยินที่เขาด่าหมดแล้วมั้ง?
ฝู้เหวยข่ายแทบอยากจะกัดลิ้นตัวเองให้ขาด เขาแค่อยากด่าเพื่อยุยงและหาเส้นทางรอดชีวิตให้ตัวเองเท่านั้น ไม่นึกเลยว่าจะซวยขนาดนี้ ได้เจอกับของอันตรายเข้า
เดิมทีเย้นโม่หลินก็ไม่พอใจในตัวเขาอยู่แล้ว ตอนนี้มาเติมเชื้อเพลิงลงในกองไฟอีก เกรงว่ายิ่งไม่มีทางปล่อยเขาไปแล้ว
"เย้น เย้นโม่หลิน นาย นายอยู่นี่ได้ยังไง?นายอย่าเข้ามานะ นายจะทำอะไร?"
ฝู้เหวยข่ายตัวเกร็งไว้ อยากหลบไปข้างหลังด้วยสัญชาตญาณ แต่บอดี้การ์ดที่ควบคุมตัวเขาไว้เป็นตายร้ายดียังไงก็ไม่ยอมให้โอกาสนี้กับเขา
เขามองเย้นโม่หลินที่ยิ่งอยู่ยิ่งเข้าใกล้เขา
ความเหี้ยมโหดที่ทำให้คนสะพรึงกลัวนั้นยังปะปนด้วยกลิ่นแอลกอฮอล์อ่อนๆ ทำให้หนังศีรษะคนชาตามไปด้วย
"ไว้ชีวิตนายจนถึงตอนนี้ ก็เป็นความอดทนขีดสุดของฉันแล้ว"
แต่ละถ้อยคำของเย้นโม่หลิน เย็นชาสุดขีด
จู่ๆเขาก็ได้ถีบไปที่หัวเข่าของฝู้เหวยข่าย ทันใดนั้นมีเสียงกระดูกหักที่ชัดแจ๋วก้องมา
ทันใดนั้นฝู้เหวยข่ายได้ร้องโหยหวน และคุกเข่าอยู่บนพื้นอย่างควบคุมไม่ได้
ทันใดนั้นสีหน้าของเขาได้ซีดเหมือนผีทันที หน้าผากมีเหงื่อไหลลงมาเป็นเม็ดใหญ่ๆ สีหน้าเจ็บจนแทบจะบิดเบี้ยว
"อ๊า!อ๊า!"
กระดูกหัวเข่าของเขาหักไปแล้ว
เย้นโม่หลินลงมือโหดเกิน ช่างโหดจริงๆ
ในขณะเดียวกัน ก็ทำให้เขารู้สึกได้ถึงความกลัวที่แท้จริง ตกอยู่ในมือเย้นโม่หลิน อาจจะถูกเขาเล่นงานจนจบเห่ได้
ฝู้เหวยข่ายทนความเจ็บปวดไว้ พร้อมพูดอย่างลนลาน "เย้นโม่หลิน ใช่ ฉันได้ขัดใจนาย แย่งกู้จื่อเฟยกับนาย แต่นี่เป็นการแข่งขันที่ยุติธรรมระหว่างผู้ชาย นายแก้แค้นฉันแบบนี้ ไม่รู้สึกว่ามันไม่สมกับเป็นลูกผู้ชายเกินไปหน่อยเหรอ?"
เย้นโม่หลินมองผู้ชายที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าตัวเองจากที่สูงลงที่ต่ำ แววตาเต็มไปด้วยความเย็นชา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน
อืดอาด มีเรื่องคู่นั้นคู่นี้แทรกมาตลอด แล้วยังออกทะเลไปไม่รู้กี่รอบ วนอยู่แต่กับความโง่ของนางเอกและความปิดปังเพราะรักของพระเอก เฮ้อ ทนอ่านมาเพราะอยากรู้ตอนจบ แต่หงุดหงิกมาก...
ฝึกฝนตัวเองหาทางช่วยสามีมันก็ดี แต่ถึงขนาดทิ้งลูกให้คนอื่นดูแลนี่ไม่ไหว เลี้ยงเด็กยังไงให้เป็นแบบนี้ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แถมเป็นภาระ ใช้ชีวิตโง่ ๆ มีศัตรูอยู่ แต่ไม่พาการ็ดไปด้วย พอลูกมีปัญหาที่รร. แทนที่จะเรียกสามี มาช่วยตั้งแต่แรก เสือกจะสู้เอง...
นางเอกอ้อนแอแถมโง่ แต่ก็ไม่ฟังพระเอก เสือกวิ่งไปวิ่งมาให้ถูกคนทำร้าย อ่านแล้วรำคาญ...
นางเอกโง่เง่าไม่มีการพัฒนา...
ทำไมไม่บอกพระเอกแล้วให้จัดการกับนังนั่น...
โอน่อหยาก็รู้นี่นาว่านางเอกเป็นคู่หมั้นประธาน ทำไมยังกล้าใส่ร้ายหรือแปลกใจว่านางเอกยังมีคนหนุน...
เนื้อเรื่องยืดยาวววน่าเบื่อมาก วนไปมาไม่เข้าเรื่องสักทีอ่านจนไม่อยากอ่านต่อน่าเบื่อเกิน ไม่เข้าเรื่องพระเอกกับนางเอกสักที วนอยู่ที่เดิมจนไม่น่าติดตามเพราะน่าเบื่อ...