ด้วยใจที่เต้นตึกตักเหมือนมีกระต่ายน้องวิ่งเล่นอยู่ในใจ เย้นหว่านเดินไปที่คลังสมบัติด้วยความประหม่าและตื่นเต้น
เธอมองเห็นชายหนุ่มที่แช่น้ำอยู่ในบ่อและเรียกพร้อมรอยยิ้ม
"โห้หลีเฉิน ฉันมีเรื่องสำคัญจะบอกคุณ"
เธอเดินไปพร้อมกับกล่องอาหารกลางวันอย่างมีความสุข วางมันลงบนโต๊ะข้างๆ แล้วเปิดมันทีละกล่อง
แต่น่าประหลาดใจ หลังจากที่เธอพูดไปครู่หนึ่งโห้หลีเฉินกลับไม่ตอบสนองเธอโดยไม่คาดคิด
นี่เป็นเรื่องที่ไม่น่าจะเกิดขึ้น
ทุกครั้งไม่ว่าเธอจะพูดอะไร โห้หลีเฉินจะตอบรับเธอในทันทีแล้วยิ่งถ้าเธอบอกว่ามันเป็นเรื่องสำคัญด้วยแล้ว
เย้นหว่านงุนงง และเธอไม่สนใจที่จะจัดวางอาหารอีกต่อไป เธอหันหน้าไปมองที่โห้หลีเฉิน เธอรู้สึกประหลาดใจที่เห็นว่าโห้หลีเฉินหลับตาและขมวดคิ้วแน่นราวกับว่ากำลังทนความเจ็บปวดอยู่
และใบหน้าของเขาภายใต้ไอน้ำเบาบางนั้นไม่มีเลือดฝาดเลยแม้แต่น้อย มีแต่ซีดขาวและน่ากลัว
เย้นหว่านตกใจรีบวิ่งไปที่บ่อและนั่งลง "โห้หลีเฉิน คุณเป็นอะไรน่ะ?"
เธอยื่นมือไปแตะไหล่เขา และพบเพียงว่าร่างกายของเขาแข็งเหมือนเหล็ก ซึ่งผิดปกติมาก
เย้นหวานยิ่งกระวนกระวาย "โห้หลีเฉิน คุณอย่าทำให้ฉันกลัวสิ คุณไม่สบายตรงไหน? คุณบอกฉันสิ คุณลืมตามองฉันสิ"
เสียงของเธอเกือบจะสั่นสะท้านและหวาดกลัว
มือเล็กๆ สั่นเล็กน้อยอย่างควบคุมไม่ได้ ราวกับว่าใช้กำลังทั้งร่างกายเขย่าโห้หลีเฉิน
แต่แรงของเธอกลับไม่สามารถจะขยับร่างสูงใหญ่ดั่งเหล็กกล้าได้เลยแม้แต่น้อย
เขาเป็นเหมือนก้อนหิน
ยิ่งเป็นแบบนี้ เย้นหว่านก็ยิ่งกลัว หัวใจเหมือนจะถูกดึงไปยังขุมนรก มีเพียงความมืดมิดแห่งความสิ้นหวังที่กลืนกินเท่านั้นที่อยู่รอบตัวเธอ
ตาของเธอแดงก่ำและร่ำไห้
"โห้หลีเฉิน คุณเป็นอะไรกันแน่ คุณตื่นสิ คุณมองฉันสิ"
"คุณอย่าเป็นแบบนี้ ฉันกลัวนะ..."
ในหัวของเย้นหว่านขาวโพลนไม่กล้าแม้แต่จะคิด มีเพียงความหวาดกลัวไม่รู้จบเท่านั้นที่ท่วมท้นและกลืนเธอไปในพายุ
เธอไม่รู้จะทำอย่างไร เธอกลัวมาก
"ไม่ ไม่เป็นไร..."
เสียงของชายหนุ่มแหบพร่าและแผ่วเบาและถูกเค้นออกมาอย่างยากลำบาก
ขนตาของโห้หลีเฉินสั่นอย่างรุนแรง และใช้เวลาสองสามวินาทีในการเปิดมันอย่างช้าๆ
เย้นหว่านที่เกือบจะตกลงไปในขุมนรกถูกดึงขึ้นมาทันทีด้วยคำพูดเหล่านี้
สีหน้าของเธอสั่นไหว เธอเห็นโห้หลีเฉินและกังวลใจมาก จึงถามอย่างกังวลใจ
"คุณเป็นอะไร? ไม่สบายตรงไหน? ทรมานมากใช่ไหม?"
"เป็นไปได้ว่า...นั่งนานไป ตัว...แข็ง..."
ทุกคำพูดของโห้หลีเฉินนั้นเชื่องช้าและทรมาน "คุณพยุงผม...ขึ้นไป..."
แม้แต่จะพูดยังลำบาก มันจะเกิดจากการนั่งนานเกินไปได้ยังไงกัน
เย้นหว่านรู้ว่าโห้หลีเฉินพูดเพียงเพื่อปลอบโยนเธอ และสภาพร่างกายในปัจจุบันของเขาอาจแย่มาก
เธอปวดร้าวใจ กัดฟันแน่น กลั้นน้ำตา ก้าวเท้าข้างหนึ่งก้าวลงไปในบ่อน้ำพุร้อน จับเขาแล้วดึงขึ้น
โห้หลีเฉินที่สูงร้อยเก้าสิบเซนติเมตรและน้ำหนักของเขาเกือบสองเท่าของน้ำหนักเย้นหว่าน ปกติไม่มีอะไร แต่ตอนนี้โห้หลีเฉินไม่มีแรงเลยและน้ำหนักมากกว่าหนึ่งร้อยกิโลกรัมก็ทับอยู่บนตัวของเย้นหว่าน
เป็นเหมือนภูเขาที่ไม่สั่นคลอน
เย้นหว่านรวบรวมกำลังของเธอ แก้มของเธอแดงระเรื่อ และเธอก็ช่วยโห้หลีเฉินได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
และร่างกายของเขาก็ขยับขึ้นเล็กน้อย น้ำหนักของทั้งตัวเป็นเหมือนภูเขาที่กดทับร่างกายของเธอ ประกอบกับที่เขาไม่สามารถยืนได้เอง ทำให้เป็นการเพิ่มน้ำหนักขึ้นอีก
ผ่านไปเพียงไม่นาน เย้นหว่านเหงื่อออกเต็มหน้าและขาสั่น
แทบจะยันไม่อยู่
แต่เธอไม่กล้าปล่อย เธอกัดฟันแน่นจนเหงือกของเธอแทบแตก และยึดไว้อย่างสิ้นหวัง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน
อืดอาด มีเรื่องคู่นั้นคู่นี้แทรกมาตลอด แล้วยังออกทะเลไปไม่รู้กี่รอบ วนอยู่แต่กับความโง่ของนางเอกและความปิดปังเพราะรักของพระเอก เฮ้อ ทนอ่านมาเพราะอยากรู้ตอนจบ แต่หงุดหงิกมาก...
ฝึกฝนตัวเองหาทางช่วยสามีมันก็ดี แต่ถึงขนาดทิ้งลูกให้คนอื่นดูแลนี่ไม่ไหว เลี้ยงเด็กยังไงให้เป็นแบบนี้ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แถมเป็นภาระ ใช้ชีวิตโง่ ๆ มีศัตรูอยู่ แต่ไม่พาการ็ดไปด้วย พอลูกมีปัญหาที่รร. แทนที่จะเรียกสามี มาช่วยตั้งแต่แรก เสือกจะสู้เอง...
นางเอกอ้อนแอแถมโง่ แต่ก็ไม่ฟังพระเอก เสือกวิ่งไปวิ่งมาให้ถูกคนทำร้าย อ่านแล้วรำคาญ...
นางเอกโง่เง่าไม่มีการพัฒนา...
ทำไมไม่บอกพระเอกแล้วให้จัดการกับนังนั่น...
โอน่อหยาก็รู้นี่นาว่านางเอกเป็นคู่หมั้นประธาน ทำไมยังกล้าใส่ร้ายหรือแปลกใจว่านางเอกยังมีคนหนุน...
เนื้อเรื่องยืดยาวววน่าเบื่อมาก วนไปมาไม่เข้าเรื่องสักทีอ่านจนไม่อยากอ่านต่อน่าเบื่อเกิน ไม่เข้าเรื่องพระเอกกับนางเอกสักที วนอยู่ที่เดิมจนไม่น่าติดตามเพราะน่าเบื่อ...