บทที่91 คุณขยับไปข้างๆหน่อยได้มั้ย
เย้นหว่านยืนอยู่ที่นี่มองไม่เห็นเนื้อหาในเอกสาร เลยต้องเดินไปดูที่ข้างกายของโห้หลีเฉิน
แต่โห้หลีเฉินวางเอกสารไว้ที่ต่ำมาก เธอต้องก้มดูก็อย่างลำบาก
โห้หลีเฉินพูดว่า:“คุณนั่งลงมาดูก็ได้”
“ค่ะ”
เย้นหว่านก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เลยนั่งลงที่ข้างกายของโห้หลีเฉิน และได้เห็นเนื้อหาที่โห้หลีเฉินพูดอย่างราบรื่น
เธอรีบอธิบายให้เขาฟังอย่างมืออาชีพ
โห้หลีเฉินมองดูสาวน้อยที่อยู่ใกล้กับตัวเองมากๆ ดมกลิ่นหอมอ่อนๆบนร่างกายเธอ เขาเม้มปากและยิ้มอ่อนๆ
ผู้หญิงคนนี้ตอนนี้ชินแล้วที่เข้าใหล้ๆกับเขา
เขาได้ชี้ไปที่อีกจุดนึงด้วยความชิวๆ“แล้วนี่ล่ะหมายความว่าอะไร?”
มู่หรงชิ่นมองดูภาพนี้ด้วยความเหลือเชื่อ ทันใดนั้นสีหน้าค่อยๆขาวซีดขึ้นมา
ความรู้และความสามารถของโห้หลีเฉิน เธอรู้ดีเลยแหละ คำถามที่เขาถามเมื่อกี๊ เขาต้องรู้เนื้อหาอย่างแน่นอน
แต่กลับแกล้งทำเป็นไม่รู้แล้วถามออกมา นี่ไม่ใช่..........
มองดูหน้าตาของเย้นหว่านที่นั่งอธิบายอยู่ข้างกายเขาอย่างเชื่อฟัง ทั้งสองคนอยู่ใกล้ชิดกันมาก ความสัมพันธ์ที่แสดงออกมามีความสามัคคีอย่างนึงที่บอกไม่ถูก
มู่หรงชิ่นกำหมัดไว้แน่น ความริษยาแทบจะบ้าคลั่งอยู่ในใจเธอ เธอเคยคิดเสียที่ไหนว่าโห้หลีเฉินจะชอบเย้นหว่านถึงขั้นนี้
เพื่อที่จะใกล้ชิดกับเธอ ถึงกับต้องใช้วิธีปัญญาอ่อนอย่างนี้
เย้นหว่านอธิบายคำถามมากมายให้โห้หลีเฉิน ในที่สุดเธอได้พูดจบอย่างคอแห้งปากแห้ง
เธอเพิ่งพูดจบ โห้หลีเฉินก็ได้เอานมอุ่นๆแก้วนึงให้เธอเลย
“ขอบคุณค่ะ”
พูดไปตั้งเยอะ เย้นหว่านคอแห้งมาก หยิบนมขึ้นมาก็ดื่มกรึ๊บเดียวหมดไปเลย
โห้หลีเฉินจ้องมองเธอ แววตามีความเอ็นดูที่เขาเองก็ยังไม่เคยสังเกตเห็นเปล่งประกายอยู่
“เมื่อกี๊ตอนที่ฉันเพิ่งมายังสงสัยอยู่เลยว่า ห้องทำงานของเฉินเตรียมนมอุ่นไว้ได้ยังไง ที่แท้ก็เตรียมไว้ให้เสี่ยวหว่านนี่เอง”
มู่หรงชิ่นพูดอย่างประหลาดใจ น้ำเสียงแฝงด้วยการเยาะเย้ย
ฟังแล้ว เหมือนเป็นการล้อเล่นกันระหว่างเพื่อน
แต่อยู่ใจหูของเย้นหว่านแล้ว กลับไม่ใช่ความรู้สึกแบบนั้น มู่หรงชิ่นเป็นแฟนของโห้หลีเฉินเชียวนะ นี่ กำลังหึงหรือ?
เย้นหว่านรู้สึกตื่นตระหนก และรีบวางนมลง
“คุณมู่หรง คุณอย่าเข้าใจผิดนะคะ ห้องทำงานของคุณโห้ได้เตรียมเครื่องดื่มต่างๆไว้ตลอดอยู่แล้ว คนที่มารายงานต่างก็มีให้ดื่มทั้งนั้นค่ะ”
“อ้อ ใช่หรือ?”
มู่หรงชิ่นถามอย่างเหมือนจะยิ้มแต่ไม่ยิ้ม ก็ไม่รู้ว่าเธอเชื่อรึเปล่า
เย้นหว่านรู้สึกอึดอัดไปหมด จริงๆแล้วคำพูดแบบนี้ เธอเองก็ยังไม่เชื่อเลย
เพราะว่าเธอยังไม่เคยเห็นพนักงานคนอื่นที่เข้ามาห้องทำงานของโห้หลีเฉินแล้ว ได้มีสิทธิ์ในการดื่มน้ำสักคำด้วยซ้ำ
“แฮ่ม งั้นฉันไปก่อนนะคะ”
เย้นหว่านหยิบเอกสารขึ้นมาก็อยากจะจากไป
โห้หลีเฉินกลับเปิดปากพูดอย่างใจเย็น:“ไปที่ๆนึงกับผม”
เย้นหว่านอึ้ง สีหน้ามีแต่ความสงสัย
โห้หลีเฉินขยับปาก และพูดคำที่เย้นหว่านไม่สามารถปฎิเสธได้
“ไปสำรวจงานที่ต่างถิ่น”
สีหน้าของมู่หรงชิ่นยิ่งซีดเข้าไปใหญ่ มองโห้หลีเฉินด้วยสายตาประหลาดใจ รู้สึกตั้งแต่หัวจรดเท้ามีความรู้สึกที่หนาวๆ
“เฉิน คุณจะพาเสี่ยวหว่านไปด้วยหรือ?”
“อื้ม”
โห้หลีเฉินตอบด้วยเสียงต่ำ ไม่มีการลังเลแม้แต่น้อย
ร่างกายของมู่หรงชิ่นสั่นอย่างควบคุมไม่ได้ พยายามอย่างขีดสุดถึงควบคุมอารมณ์ของตัวเองไว้ได้
“ถึงยังไงก็เป็นเรื่องส่วนตัวของฉัน รบกวนให้เสี่ยวหว่านไปด้วย คงจะไม่ดีมั้งคะ?”
เย้นหว่านตะลึงจนตาค้าง ไม่เข้าใจสถานการณ์ตอนนี้เป็นยังไงกันแน่ ที่ๆโห้หลีเฉินให้เธอไปด้วย มีความเกี่ยวข้องกับมู่หรงชิ่น? มู่หรงชิ่นก็จะไปด้วย?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน
อืดอาด มีเรื่องคู่นั้นคู่นี้แทรกมาตลอด แล้วยังออกทะเลไปไม่รู้กี่รอบ วนอยู่แต่กับความโง่ของนางเอกและความปิดปังเพราะรักของพระเอก เฮ้อ ทนอ่านมาเพราะอยากรู้ตอนจบ แต่หงุดหงิกมาก...
ฝึกฝนตัวเองหาทางช่วยสามีมันก็ดี แต่ถึงขนาดทิ้งลูกให้คนอื่นดูแลนี่ไม่ไหว เลี้ยงเด็กยังไงให้เป็นแบบนี้ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แถมเป็นภาระ ใช้ชีวิตโง่ ๆ มีศัตรูอยู่ แต่ไม่พาการ็ดไปด้วย พอลูกมีปัญหาที่รร. แทนที่จะเรียกสามี มาช่วยตั้งแต่แรก เสือกจะสู้เอง...
นางเอกอ้อนแอแถมโง่ แต่ก็ไม่ฟังพระเอก เสือกวิ่งไปวิ่งมาให้ถูกคนทำร้าย อ่านแล้วรำคาญ...
นางเอกโง่เง่าไม่มีการพัฒนา...
ทำไมไม่บอกพระเอกแล้วให้จัดการกับนังนั่น...
โอน่อหยาก็รู้นี่นาว่านางเอกเป็นคู่หมั้นประธาน ทำไมยังกล้าใส่ร้ายหรือแปลกใจว่านางเอกยังมีคนหนุน...
เนื้อเรื่องยืดยาวววน่าเบื่อมาก วนไปมาไม่เข้าเรื่องสักทีอ่านจนไม่อยากอ่านต่อน่าเบื่อเกิน ไม่เข้าเรื่องพระเอกกับนางเอกสักที วนอยู่ที่เดิมจนไม่น่าติดตามเพราะน่าเบื่อ...