บทที่92 คงไม่ใช่ตัวปลอมมั้ง
เย้นหว่านหายใจลึกๆทีนึง พยายามทำให้อารมณ์ที่เสียการควบคุมให้สงบลงอย่างยากลำบาก หลังจากนั้น เธอหันไปมองนอกหน้าต่าง และละเลยโห้หลีเฉิน
ก็แค่ขาแนบชิดกันแค่นั้นเอง อีกอย่างมู่หรงชิ่นก็นั่งอยู่ข้างหน้า น่าจะมองไม่เห็นหรอกมั้ง?
มู่หรงชิ่นมองไม่เห็นขาของเขาสองคนกำลังทำอะไรกันจริงๆ แต่กลับเห็นแววตาของโห้หลี่เฉินมองเย้นหว่านด้วยความอ่อนโยนผ่านกระจกมองหลัง ในแววตานั้น มีความรักที่อ่อนโยนจนทำให้คนอิจฉา
สิ่งนั้นคือสิ่งที่เธอฝันอยากจะได้มาตลอดชีวิต
แต่โห้หลีเฉินกลับไม่เคยให้โอกาสเธอเลย แต่กลับมอบให้กับเย้นหว่านทั้งหมดอย่างง่ายดาย
เธอกลับมาช้าเกินไปหรือเปล่า?
แต่เธอจะยอมได้ยังไง โตมากับโห้หลีเฉินด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก และเป็นคู่ที่มีใจให้กันมาตั้งแต่เด็ก ยิ่งเพื่อจะอยู่ข้างกายเขา หลังจากที่บอกรักไม่สำเร็จ เลยเก็บความรักทั้งหมดไว้ในใจ และอยู่เคียงข้างเขาในฐานะเพื่อน
เธอเคยคิดว่า คนที่จิตใจเยือกเย็นและเย็นชาอย่างเขา ข้างกายจะไม่มีผู้หญิงอื่นปรากฎอีก
ถึงแม้เธอจะเป็นเพื่อนเขา แต่ก็จะเป็นผู้หญิงที่อยู่ข้างกายเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น......
ที่ๆโห้หลีเฉินพาเย้นหว่านไป เป็นอำเภอที่ห่างไกลในเมืองหนาน ที่นี่เป็นที่ๆยังไม่ได้พัฒนา ยังมีความเป็นหมู่บ้านดั้งเดิม
พอพวกเขามาถึง ชายวัยกลางคนที่อ้วนท้วนสมบูรณ์คนนึงได้เข้ามาต้อนรับอย่างประจบประแจง
“คุณโห้ครับ ผมเป็นนายอำเภอของที่นี่ครับ ขอต้อนรับการมาเยือนของคุณอย่างเป็นเกียรตินะครับ เราได้เตรียมน้ำกับอาหารไว้เรียบร้อยแล้วครับ เดี๋ยวผมจะพาไปพักผ่อนก่อนครับ”
เย้นหว่านมองผู้ชายที่เรียกตัวเองว่านายอำเภอด้วยสายตาประหลาดใจ แล้วหันหน้าไปมองโห้หลีเฉิน
ที่แท้ที่โห้หลีเฉินมาที่นี่ ก็เพราะคิดจะพัฒนาเมืองนี้เองหรือ?
โห้หลีเฉินเม้มปากไว้ไม่พูดอะไร และก็ไม่คิดที่จะตามนายอำเภอไปพักผ่อน
เว่ยชีเดินไปข้างหน้า พูดกับนายอำเภอว่า:
“ท่านประธานมีเวลาไม่มากครับ กรุณาพาพวกเราไปหาป่ายฉีโดยตรงเถอะครับ”
“โอเค ก็ได้ครับ”
นายอำเภอพูดพร้อมอย่างแฉ่ง แล้วก็นำทางไปอีกทิศทางนึง “คุณโห้ครับ เชิญตามผมมาเลยครับ”
โห้หลีเฉินหันหน้า มองไปที่ทิศทางของเย้นหว่าน อยากจะให้เย้นหว่านเดินตามเขา แต่กลับมองเห็นเธอไปยืนข้างๆเว่ยชีตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
แถมยังอยู่ห่างจากเขาค่อนข้างไกลด้วย
โห้หลีเฉินขมวดคิ้วเล็กน้อย ผู้หญิงคนนี้นี่ยังรู้ตัวว่าตัวเองเป็นคู่หมั้นของเขารึเปล่าเนี่ย?
“เย้นหว่าน มานี่”
เย้นหว่านมองโห้หลีเฉินด้วยสีหน้างงงวย“เป็นอะไรเหรอคะ?”
“มาเดินข้างกายผม”
เย้นหว่านมองมู่หรงชิ่นที่อยู่ข้างกายของโห้หลีเฉิน ทั้งสองดูแล้วคนนึงมีความสามารถอีกคนหน้าตาสะสวย เดินด้วยกันถึงจะเป็นคู่ที่เหมาะสมที่สุด
ถ้าเธอเดินเข้าไปอีก ผู้หญิงสองคนเดินตามผู้ชายคนเดียวมันยังไงก็ไม่รู้?
อีกอย่าง เธอยังเป็นส่วนเกินด้วย
เย้นหว่านส่ายหัวอย่างเด็ดขาด “ฉันอยู่ที่นี่ก็ดีแล้วค่ะ อีกอย่างฉันมีคำถามอยากจะถามผู้ช่วยเว่ยด้วยค่ะ”
“คำถามอะไร?”
โห้หลีเฉินถามอย่างรำคัญคำนึง
จริงๆแล้วเย้นหว่านแค่อยากจะรักษาระยะห่างกับโห้หลีเฉินเพื่อไม่ให้คนอื่นเข้าใจผิดแค่นั้นเอง เธอลังเลไปสักครู่ แล้วพูดว่า:
“ถามดูว่าป่ายฉีคือใคร แล้วพวกคุณมาที่นี่ทำไม?”
“มานี่ผมบอกคุณเอง”
เย้นหว่าน“.......”
เห็นหน้าตาที่ยืนหยัดของโห้หลีเฉิน เย้นหว่านทำหน้าไม่พอใจ ปกติเขาไม่ได้ใจดีถึงขั้นอธิบายเรื่องที่เธอไม่เข้าใจให้เธอฟังเชียวนะ แต่วันนี้นี่ตั้งใจจะทำให้เธอลำบากใจใช่มั้ย?
ฝืนใจเดินไปที่ข้างกายโห้หลีเฉิน เย้นหว่านได้ดึงตัวเว่ยชีมาด้วย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน
อืดอาด มีเรื่องคู่นั้นคู่นี้แทรกมาตลอด แล้วยังออกทะเลไปไม่รู้กี่รอบ วนอยู่แต่กับความโง่ของนางเอกและความปิดปังเพราะรักของพระเอก เฮ้อ ทนอ่านมาเพราะอยากรู้ตอนจบ แต่หงุดหงิกมาก...
ฝึกฝนตัวเองหาทางช่วยสามีมันก็ดี แต่ถึงขนาดทิ้งลูกให้คนอื่นดูแลนี่ไม่ไหว เลี้ยงเด็กยังไงให้เป็นแบบนี้ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แถมเป็นภาระ ใช้ชีวิตโง่ ๆ มีศัตรูอยู่ แต่ไม่พาการ็ดไปด้วย พอลูกมีปัญหาที่รร. แทนที่จะเรียกสามี มาช่วยตั้งแต่แรก เสือกจะสู้เอง...
นางเอกอ้อนแอแถมโง่ แต่ก็ไม่ฟังพระเอก เสือกวิ่งไปวิ่งมาให้ถูกคนทำร้าย อ่านแล้วรำคาญ...
นางเอกโง่เง่าไม่มีการพัฒนา...
ทำไมไม่บอกพระเอกแล้วให้จัดการกับนังนั่น...
โอน่อหยาก็รู้นี่นาว่านางเอกเป็นคู่หมั้นประธาน ทำไมยังกล้าใส่ร้ายหรือแปลกใจว่านางเอกยังมีคนหนุน...
เนื้อเรื่องยืดยาวววน่าเบื่อมาก วนไปมาไม่เข้าเรื่องสักทีอ่านจนไม่อยากอ่านต่อน่าเบื่อเกิน ไม่เข้าเรื่องพระเอกกับนางเอกสักที วนอยู่ที่เดิมจนไม่น่าติดตามเพราะน่าเบื่อ...