เขานั่งลงที่หน้าโต๊ะคอมพิวเตอร์ แล้วฉวยโอกาสดึงเย้นหว่านมานั่งบนตักของตัวเอง สองมือกอดเธอเอาไว้ในอ้อมแขน
เย้นหว่านที่ตอนนี้เอาใจไปผูกไว้กับตัวกู้จื่อเฟยหมดแล้วนั้น ไม่ได้สนใจกิริยาท่าทางที่สนิทสนมของโห้หลีเฉิน ดวงตาของเธอจ้องไปยังคอมพิวเตอร์ที่กำลังเริ่มระบบอย่างรีบร้อน
ใช้เวลาเพียงสิบกว่าวินาทีก็เริ่มระบบได้แล้ว แต่ในตอนนั้น เธอรู้สึกว่ามันช้าเหลือเกิน
โห้หลีเฉินรู้ว่าเย้นหว่านกำลังร้อนรน จึงไม่ได้ทำให้เสียเวลา หลังจากที่เปิดคอมพิวเตอร์แล้วเขาก็ป้อนรหัสที่ซับซ้อนเป็นแถวๆ เข้าไปในคอมพิวเตอร์อย่างรวดเร็ว แล้วกล่องเชื่อมต่อการสนทนาสีดำก็ปรากฏขึ้น
เมื่อก่อนเย้นหว่านเคยเห็นโห้หลีเฉินทำงานในลักษณะเดียวกันมาก่อน ตอนนั้นมีวิดีโอคอลของผู้คนจำนวนมาก ว่ากันว่าเหล่านั้นคือขุมกำลังที่ซ่อนอยู่ของโห้หลีเฉิน
จะแข็งแกร่งแค่ไหนกันแน่เธอก็ไม่รู้แน่ชัด รู้เพียงแค่ในด้านข่าวกรองของพวกเขานั้นแทบจะไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้
ครอบคลุมโลกทั้งใบ
คราวนี้โห้หลีเฉินก็คงจะใช้งานพวกเขาอีกครั้ง
เพียงแต่บนกล่องการเชื่อมต่อ ครั้งนี้กลับไม่มีวีดิโอ มีเพียงเสียงของผู้ชายดังออกมา
"ท่านครับ ตอนนี้ตระกูลเย้นอยู่สถานการณ์ป้องกันระดับสูงอย่างแน่นหนา ผมไม่สามารถเปิดใช้งานวีดิโอได้ครับ ขออภัยอย่างยิ่ง"
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เย้นหว่านก็ตกใจ
นี่คือสายลับที่แฝงตัวอยู่ที่ตระกูลเย้นของโห้หลีเฉินงั้นเหรอ?
เธอรู้ว่าสายของโห้หลีเฉินนั้นมีอยู่ทั่วโลก แต่ไม่นึกว่า เขาจะซ่อนไว้แม้แต่ในตระกูลเย้นด้วย? แฝงไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?
"ตั้งแต่ตระกูลเย้นเจอเธอ ฉันก็แฝงเข้าไปแล้ว"
เมื่อรู้ถึงความสงสัยของเย้นหว่าน โห้หลีเฉินก็ตอบขึ้นมาเองอย่างตรงไปตรงมา
"แม้นั่นจะเป็นครอบครัวของเธอ แต่ตระกูลเย้นนั้นใหญ่มาก ขุมกำลังอิทธิพลก็สลับซับซ้อน ถ้าฉันไม่ส่งคนเข้าไปก็คงวางใจเธอไม่ได้"
คนที่เอาเรื่อง'การเฝ้าสังเกตการณ์'มาพูดอย่างโจ่งแจ้งขนาดนี้ น่ากลัวว่าจะมีเย้นโม่หลินนี่แหละ
แต่เย้นหว่านกลับไม่ได้รู้สึกโมโหเลย
โห้หลีเฉินจัดการทุกอย่างอย่างเป็นระเบียบอย่างไม่ขาดตกบกพร่องเสมอ เรื่องพวกนี้ก็เป็นหนึ่งในนั้น
และด้วยเหตุนี้เอง ภายใต้สถานการณ์ที่เธอติดต่อพวกเย้นโม่หลินได้อย่างยากลำบาก โห้หลีเฉินก็ยังรู้สถานการณ์ของตระกูลเย้นได้
แล้วแก้ไขปัญหาใหญ่ในตอนนี้
เย้นหว่านพยักหน้าให้เขา "ฉันเข้าใจ นายถามสถานการณ์ของจื่อเฟยหน่อยสิ"
สายตาของโห้หลีเฉินที่จ้องมองเย้นหว่านพลันเปลี่ยนเป็นขุ่นเคือง
"ตอนนี้ในใจในสายตาของเธอมีแต่กู้จื่อเฟยหรือไง?"
แม้แต่เรื่องสายลับแฝงตัวเธอก็ยังไม่ถามหรือบ่นกับเขาเลยสักคำ อึ้งจนไม่พูดอะไรสักคำแล้วก็หันไปสนใจกู้จื่อเฟยต่อทันที
โห้หลีเฉินรู้สึกน้อยใจขึ้นมาในอกอย่างบอกไม่ถูก
เย้นหว่านมองเขาอย่างจนใจ กับผู้หญิงยังจะหึงอีกเหรอ?
ตอนนี้โห้หลีเฉินยิ่งอยู่ยิ่งใจน้อยเข้าทุกทีแล้ว เหมือนหญิงตั้งครรภ์จอมเอะอะยิ่งกว่าเธอเสียอีก
แต่เย้นหว่านก็ยังโอ๋เขาอยู่ดี
เธอกอดคอของเขา แล้วพรมริมฝีปากลงใบบนหน้าของเขา
"ในหัวใจและสายตาของฉันมีแต่นาย"
คำพูดหวานๆ ที่พูดอย่างไม่ใส่ใจอะไรมากนั้น ก็ยังทำให้โห้หลีเฉินยิ้มหน้าบานได้อย่างอารมณ์ดี
เขาถึงได้พูดกับคอมพิวเตอร์
"รายงานสถานการณ์ที่ตระกูลเย้นตอนนี้ของกู้จื่อเฟยมาหน่อย"
ทางปลายสายของวีดิโอ ไร้ซึ่งความอึดอัดราวกับไม่ได้ยินบทสนทนาหวานแหววเมื่อครู่ของเย้นหว่านและโห้หลีเฉินอย่างนั้น
เขาพูดอย่างซื่อตรง
"สถานการณ์ที่ตระกูลของกู้จื่อเฟยไม่ดีเลยครับ
ตอนที่เธอมาถึงก็เกิดการโจมตีของตระกูลหยูขึ้นพอดี เย้นเจิ้นจื๋อถูกลอบทำร้าย เย้นจือฮวนจึงใช้โอกาสนี้ให้พ่อของตัวเองกระพือข่าว ว่ากู้จื่อเฟยเป็นคนที่นำพาภัยพิบัติครั้งนี้มา แล้วบอกว่าเธอเป็นดาวหายนะตัวซวย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน
อืดอาด มีเรื่องคู่นั้นคู่นี้แทรกมาตลอด แล้วยังออกทะเลไปไม่รู้กี่รอบ วนอยู่แต่กับความโง่ของนางเอกและความปิดปังเพราะรักของพระเอก เฮ้อ ทนอ่านมาเพราะอยากรู้ตอนจบ แต่หงุดหงิกมาก...
ฝึกฝนตัวเองหาทางช่วยสามีมันก็ดี แต่ถึงขนาดทิ้งลูกให้คนอื่นดูแลนี่ไม่ไหว เลี้ยงเด็กยังไงให้เป็นแบบนี้ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แถมเป็นภาระ ใช้ชีวิตโง่ ๆ มีศัตรูอยู่ แต่ไม่พาการ็ดไปด้วย พอลูกมีปัญหาที่รร. แทนที่จะเรียกสามี มาช่วยตั้งแต่แรก เสือกจะสู้เอง...
นางเอกอ้อนแอแถมโง่ แต่ก็ไม่ฟังพระเอก เสือกวิ่งไปวิ่งมาให้ถูกคนทำร้าย อ่านแล้วรำคาญ...
นางเอกโง่เง่าไม่มีการพัฒนา...
ทำไมไม่บอกพระเอกแล้วให้จัดการกับนังนั่น...
โอน่อหยาก็รู้นี่นาว่านางเอกเป็นคู่หมั้นประธาน ทำไมยังกล้าใส่ร้ายหรือแปลกใจว่านางเอกยังมีคนหนุน...
เนื้อเรื่องยืดยาวววน่าเบื่อมาก วนไปมาไม่เข้าเรื่องสักทีอ่านจนไม่อยากอ่านต่อน่าเบื่อเกิน ไม่เข้าเรื่องพระเอกกับนางเอกสักที วนอยู่ที่เดิมจนไม่น่าติดตามเพราะน่าเบื่อ...