บทที่97 ใช้ไม้อ่อนไม่ได้ผลงั้นก็มาไม้แข็งเลย
เขาเพิ่งพูดจบ สวนที่นอกประตูก็มีเสียงของผู้ชายดังขึ้น
“ป่ายฉี เตียงที่คุณสั่งมาถึงแล้วครับ ทั้งหมดสามชุดครับ”
บวกกับเดิมทีในบ้านก็มีอยู่สองเตียงแล้ว ยังสามารถนอนกันคนละห้อง และนอนกันคนละเตียงได้
บอกได้ว่าเขาตั้งใจและจัดเตรียมได้ดีมากๆ
ทันใดนั้นโห้หลีเฉินหน้าห้อยลงทันที และมองป่ายฉีด้วยสายตาเยือกเย็น
ผู้ชายคนนี้ ยิ่งดูยิ่งไม่เข้าตาจริงๆ
เขาจูงมือของเย้นหว่านไว้ และดึงตัวเธอมาข้างๆ
มองหน้าเธอไว้และพูดอย่างจริงจังว่า:“ป่ายฉีคนนี้มันต้องมีปัญหาแน่ๆ ตอนกลางคืนคุณต้องล็อคประตูให้ดี ห้ามออกมาเด็ดขาด ถ้าหากมีเรื่องอะไร รีบเรียกผมนะ”
หยุดไปสักครู่ เขาพูดเสริมอีกว่า “ถ้าหากคุณไม่ไว้ใจ งั้นผมก็ไปนอนห้องเดียวกับคุณ”
เย้นหว่านมองดูโห้หลีเฉิน ในใจรู้สึกสงสัย คนที่ไม่ไว้ใจคือเขาต่างหากมั้ง?
เธอพยักหน้า “ตอนกลางคืนฉันไม่ออกมาหรอกค่ะ”
นิ้วมือของมู่หรงชิ่นกำแน่นเป็นหมัด ควบคุมความโกรธที่มหึมาและริษยาในใจไว้อย่างยากลำบาก
เธอเป็นคนที่มาตรวจโรคแท้ๆ แต่สายตาของโห้หลีเฉินกลับไม่เคยมองที่ตัวเธอเลยด้วยซ้ำ สายตาของเขามีแต่เย้นหว่านเท่านั้น
เย้นหว่านเป็นแค่ลูกสาวของครอบครัวธรรมดาเท่านั้น ไม่มีจุดไหนสู้เธอได้เลย ก็แค่เคยมีรักกับโห้หลีเฉินแค่คืนเดียวเท่านั้น มีสิทธิ์อะไรที่จะได้หัวใจของโห้หลีเฉิน?
ความเจ็บใจ ริษยาแทบจะฝังรากในใจ
ป่ายฉีมองสองคนที่คุยซุบซิบกันอยู่ไม่ไกล แล้วหันมามองมู่หรงชิ่นที่สีหน้าเปลี่ยนไป เขายิ้มเหมือนในใจมีความคิดบางอย่าง
โห้หลีเฉินส่งเย้นหว่านเข้าห้องนอน และมองดูเธอล็อคประตูเรียบร้อยแล้ว เขาถึงได้จากไป
แต่เดิมเย้นหว่านก็ไม่คิดออกจากห้องไปทำอะไรตอนกลางคืนอยู่แล้ว และได้นอนอยู่บนเตียงอย่างเชื่อฟัง
แต่เธอเพิ่งนอนได้ไม่นาน เสียงของมือถือได้ดังขึ้น
เป็นสายโทรเข้าจากมู่หรงชิ่น
พักอยู่ที่ห้องข้างๆเอง มู่หรงชิ่นจะโทรหาเธอทำไม?
แม้จะสงสัย แต่เย้นหว่านก็ได้รับสาย “ฮัลโหล?”
“เสี่ยวหว่าน ฉันมีเรื่องต้องรบกวนคุณหน่อย คุณมาที่ลานบ้านหน่อยได้มั้ย?”
เย้นหว่านลังเลไปครู่นึง “ฉันได้เปลี่ยนเป็นชุดนอนแล้วค่ะ ไม่ค่อยสะดวกที่จะลงไป คุณคุยทางโทรศัพท์เลยได้มั้ยคะ?”
“ไม่ได้ เรื่องแบบนี้ฉันจะสะดวกคุยทางโทรศัพท์ได้ยังไง เสี่ยวหว่าน คุณลงมาเถอะนะ”
น้ำเสียงของมู่หรงชิ่นเหมือนกำลังขอร้อง
เย้นหว่านมองดูเวลา ก็ยังไม่ถือว่าดึกมาก คิดๆแล้วก็ได้ตอบตกลงเธอไป
เธอเปลี่ยนเสื้อแล้วเดินลงไป เดินอยู่ที่หัวมุมทางบันไดพอดี ก็มองเห็นในห้องรับแขกมีคนสองคนยืนอยู่
มู่หรงชิ่นกับโห้หลีเฉิน
เธอแปลกใจ มู่หรงชิ่นเรียกเธอลงมาไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงอยู่กับโห้หลีเฉินได้?
หรือว่าจะเปิดเผยความสัมพันธ์ของเขาสามคนในก่อนหน้านี้?
คิดถึงจุดนี้ หัวใจของเย้นหว่านได้เต้นแรงอย่างกระทันหัน ในใจรู้สึกหดหู่ยังไงไม่รู้
“เฉินคะ ไม่ว่าช้าหรือเร็วคุณก็ต้องบอกเรื่องนี้กับเย้นหว่านอยู่แล้วไม่ใช่หรือคะ?”
เสียงที่อ่อนโยนของมู่หรงชิ่นดังมา รักใคร่สุดซึ้งแยกจากกันไม่ได้เหมือนสายน้ำ
หัวใจของเย้นหว่านกระตุก คิดจะบอกเรื่องถอนหมั้นกับเธอจริงๆด้วย? หรือว่าจะให้โห้หลีเฉินเป็นคนออกหน้า พูดกับเธออย่างตรงไปตรงมาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเขากับมู่หรงชิ่น?
โห้หลีเฉินพูดอย่างเสียงต่ำ :“ผมมีแผนของผม”
“อื้ม ฉันเชื่อคุณมาโดยตลอด ว่าคุณต้องจัดการเรื่องทุกอย่างได้ดีแน่”
มู่หรงชิ่นเพ่งมองโห้หลีเฉิน จู่ๆได้เดินเข้าไปใกล้โห้หลีเฉินสองก้าว
ระยะห่างระหว่างเขาสองคนได้ใกล้ชิดขึ้นมาทันที ดูแล้วช่างหวานแหววมาก
มู่หรงชิ่นมองโห้หลีเฉินด้วยตาแดงก่ำ “เฉินคะ คุณเป็นคนที่ให้โอกาสฉันได้เป็นแม่อีกครั้ง..........”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน
อืดอาด มีเรื่องคู่นั้นคู่นี้แทรกมาตลอด แล้วยังออกทะเลไปไม่รู้กี่รอบ วนอยู่แต่กับความโง่ของนางเอกและความปิดปังเพราะรักของพระเอก เฮ้อ ทนอ่านมาเพราะอยากรู้ตอนจบ แต่หงุดหงิกมาก...
ฝึกฝนตัวเองหาทางช่วยสามีมันก็ดี แต่ถึงขนาดทิ้งลูกให้คนอื่นดูแลนี่ไม่ไหว เลี้ยงเด็กยังไงให้เป็นแบบนี้ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แถมเป็นภาระ ใช้ชีวิตโง่ ๆ มีศัตรูอยู่ แต่ไม่พาการ็ดไปด้วย พอลูกมีปัญหาที่รร. แทนที่จะเรียกสามี มาช่วยตั้งแต่แรก เสือกจะสู้เอง...
นางเอกอ้อนแอแถมโง่ แต่ก็ไม่ฟังพระเอก เสือกวิ่งไปวิ่งมาให้ถูกคนทำร้าย อ่านแล้วรำคาญ...
นางเอกโง่เง่าไม่มีการพัฒนา...
ทำไมไม่บอกพระเอกแล้วให้จัดการกับนังนั่น...
โอน่อหยาก็รู้นี่นาว่านางเอกเป็นคู่หมั้นประธาน ทำไมยังกล้าใส่ร้ายหรือแปลกใจว่านางเอกยังมีคนหนุน...
เนื้อเรื่องยืดยาวววน่าเบื่อมาก วนไปมาไม่เข้าเรื่องสักทีอ่านจนไม่อยากอ่านต่อน่าเบื่อเกิน ไม่เข้าเรื่องพระเอกกับนางเอกสักที วนอยู่ที่เดิมจนไม่น่าติดตามเพราะน่าเบื่อ...