เย้นโม่หลินไม่เคยปฏิบัติกับคนในครอบครัวแบบนี้มาก่อนเลย ครั้งนี้มันโหดร้ายเกินไปจริงๆ
แต่พอนึกถึงสภาพกู้จื่อเฟยที่เนื้อตัวเต็มไปด้วยเลือดแบบนั้นแล้ว กงจืออวีก็ไม่หลงเหลือความเห็นอกเห็นใจอีกต่อไป
กู้จื่อเฟยเป็นยอดดวงใจของลูกชายเธอ เป็นว่าที่ลูกสะใภ้ของเธอ จะเป็นภรรยาของนายน้อย และจะเป็นนายหญิงของตระกูลเย้นในอนาคต
แต่ เย้นจือฮวนกลับกล้าลงมือทำร้ายเธอ นี่เท่ากับท้าทายกฎของตระกูลเย้น หาเรื่องใส่ตัวแท้ๆ
ถึงแม้จะเป็นญาติ ก็ไม่ควรทำร้ายคนในครอบครัวเดียวกัน
สายตาของกงจืออวีเย็นชา พูดอย่างไม่ไยดีว่า
"ปล่อยให้เธอรออยู่ข้างนอกนั่นแหละ และอย่าให้เธอเข้าไปหาเย้นจือฮวนด้วย บอกเธอว่าเย้นจือฮวนทำความผิดร้ายแรง ไม่มีอะไรต้องพูดกันอีก ปล่อยให้หล่อนได้ทบทวนตัวเองดูบ้าง ไม่เช่นนั้น จะพลอยติดร่างแหไปด้วย"
บอดี้การ์ดได้ยินเช่นนั้น ก็รู้สึกตกใจไม่น้อย
หากเป็นนายน้อยทำเช่นนั้นกับเย้นจือฮวนยังพอเข้าใจได้ว่าเป็นเพราะโกรธที่ทำร้ายผู้หญิงของเขา แต่ใครจะไปคิดว่านายหญิงที่ยุติธรรมและรักเสมอมา กลับเข้าข้างนายน้อยอย่างเต็มที่ ไม่เห็นแก่หน้าของคุณหญิงสามเอาเสียเลย
คราวนี้เย้นจือฮวนถึงทางตันแล้ว
บอดี้การ์ดรับคำสั่งออกไป ถ่ายทอดคำพูดของกงจืออวีให้เย้นซิวหย่าได้ฟัง
เย้นซิวหย่าราวกับโดนฟ้าผ่า ทำหน้าไม่อยากจะเชื่อเลย
เธอคิดไม่ถึงเลยว่า เธอเป็นถึงคุณหญิงสาม แต่ไม่มีความหมายอะไรเลย แม้แต่ประตูก็ไม่ให้เธอเข้า
ความโกรธ ความอับอาย ได้พุ่งทะยานไปถึงขีดสุด
นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้รับความอับอาย จากตระกูลเย้น
"แม่คะ แม่....หนูเจ็บเหลือเกิน ช่วยหนูด้วย ช่วยหนูด้วย...."
เย้นจือฮวนร้องไห้ไปตะโกนไป เสียงร้องขอให้ช่วยแหบแห้งลง
เย้นซิวหย่ารู้สึกกระวนกระวายใจ ชะเง้อมองเข้าไปในอาคารหลังเล็ก แต่เข้าไปไม่ได้
เธอกัดฟัน "เย้นโม่หลินเมื่อไหร่จะออกมาสักที?"
บอดี้การ์ดส่ายหน้า "ไม่ทราบครับ"
ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะออกมา เย้นจือฮวนต้องคุกเข่าอยู่ที่นี่ถึงเมื่อไหร่กัน
ร่างกายของเธออ่อนแรงขนาดนั้น จะไปทนไหวได้อย่างไร ที่แขนก็ยังมีเลือดไหลอยู่ด้วย
เย้นซิวหย่าใกล้จะบ้าตายแล้ว
แต่ว่าเวลานี้ พระอาทิตย์ยังคงส่องแสงอยู่ อุณหภูมิที่ร้อนจัด ยังคงแผ่กระจายมาต่อเนื่อง
เย้นจือฮวนที่อยู่ท่ามกลางแสงแดดอยากตายแล้ว
เปียกปอนไปทั้งตัว ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหงื่อหรือเลือดกันแน่
คนอื่นๆที่อยู่ที่นี่ก็ไม่มีใครกล้าทำอะไร
พวกเขาต่างก็มีส่วนเกี่ยวข้อง และถูกเย้นโม่หลินกักตัวเอาไว้ที่นี่ ราวกับว่ารอให้เย้นโม่หลินออกมาจัดการพวกเขาเพื่อเป็นการไถ่บาป
ด้วยเหตุนี้ พวกเขาจึงยืนนิ่งกันทุกคน ไม่มีใครกล้าแม้แต่จะกางร่มออกมา
คนกลุ่มนั้นตากแดดจนเหงื่อท่วม ราวกับมะเขือที่เปียกปอน ทุกข์เกินกว่าจะพูดออกมา
ไม่รู้ว่าคอยมานานแค่ไหน
เย้นซิวหย่าเหงื่อท่วมทั้งตัวและรู้สึกอึดอัด เมื่อหัวใจหล่อนกำลังจะแตกสลายเพราะคิดว่าลูกสาวของตัวเองกำลังจะตายในที่สุดเย้นโม่หลินก็เดินออกมาจากอาคารหลักอย่างช้าๆ
เย้นซิวหย่าไม่ทันได้ปาดเหงื่อที่หน้า รีบตรงเข้าไปหาเย้นโม่หลินทันที
"เสี่ยวโม่ หลานรีบปล่อยตัวน้องสาวเร็วเข้า ขืนรอต่อไป มีหวังหล่อนคงไม่รอดแน่"
"พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน สายเลือดเดียวกัน ไม่จำเป็นต้องทำถึงขนาดนี้ก็ได้นี่"
"น้องสาวของหลานสำนึกผิดแล้ว เธอคงไม่กล้าทำอีก หลานเป็นพี่ชาย ให้อภัยน้องสักครั้งจะได้ไหม?"
เย้นโม่หลินเดินมาหยุดที่หน้าประตู มองหน้าเย้นซิวหย่าแบบไร้อารมณ์
เขากล่าวอย่างเย็นชาว่า
"คุณป้าสามครับ ข่าวลือที่ว่ากู้จื่อเฟยเป็นดาวอับโชคนั้น ป้าเป็นคนสั่งให้ปล่อยออกไปใช่ไหมครับ?"
เมื่อได้ยินดังนั้น หน้าของเย้นซิวหย่าเปลี่ยนสีทันที
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน
อืดอาด มีเรื่องคู่นั้นคู่นี้แทรกมาตลอด แล้วยังออกทะเลไปไม่รู้กี่รอบ วนอยู่แต่กับความโง่ของนางเอกและความปิดปังเพราะรักของพระเอก เฮ้อ ทนอ่านมาเพราะอยากรู้ตอนจบ แต่หงุดหงิกมาก...
ฝึกฝนตัวเองหาทางช่วยสามีมันก็ดี แต่ถึงขนาดทิ้งลูกให้คนอื่นดูแลนี่ไม่ไหว เลี้ยงเด็กยังไงให้เป็นแบบนี้ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แถมเป็นภาระ ใช้ชีวิตโง่ ๆ มีศัตรูอยู่ แต่ไม่พาการ็ดไปด้วย พอลูกมีปัญหาที่รร. แทนที่จะเรียกสามี มาช่วยตั้งแต่แรก เสือกจะสู้เอง...
นางเอกอ้อนแอแถมโง่ แต่ก็ไม่ฟังพระเอก เสือกวิ่งไปวิ่งมาให้ถูกคนทำร้าย อ่านแล้วรำคาญ...
นางเอกโง่เง่าไม่มีการพัฒนา...
ทำไมไม่บอกพระเอกแล้วให้จัดการกับนังนั่น...
โอน่อหยาก็รู้นี่นาว่านางเอกเป็นคู่หมั้นประธาน ทำไมยังกล้าใส่ร้ายหรือแปลกใจว่านางเอกยังมีคนหนุน...
เนื้อเรื่องยืดยาวววน่าเบื่อมาก วนไปมาไม่เข้าเรื่องสักทีอ่านจนไม่อยากอ่านต่อน่าเบื่อเกิน ไม่เข้าเรื่องพระเอกกับนางเอกสักที วนอยู่ที่เดิมจนไม่น่าติดตามเพราะน่าเบื่อ...