เมื่อคำพูดนี้หลุดออกมา บรรยากาศผ่อนคลายของการเล่นมุก ก็เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมเล็กน้อย
เย้นหว่านยิ่งมองโห้หลีเฉินด้วยความตระหนก แล้วมองป่ายฉีด้วยความกังวล
เธอรีบบอกว่า "หลายวันนี้เขาคอยดูแลฉัน เพราะฉันแพ้ท้องต้องตื่นกลางดึกจึงทำให้เขานอนไม่เต็มตา แต่ทุกวันก็มีเวลาพักผ่อนเพียงพออยู่นะ ตามหลักการแล้ว จริงๆไม่น่าจะมีเลือดฝาดในตาเลย
เมื่อก่อนโห้หลีเฉินอดนอนหลายวัน ก็ไม่เห็นจะเป็นแบบนี้เลย แต่ว่าฉันให้คุณหมอตรวจดูแล้ว ก็ไม่เห็นเป็นอะไรนะ
ป่ายฉี คุณเห็นว่ามีอะไรผิดปกติงั้นหรือ?"
เสี่ยวหว่านมองป่ายฉีด้วยความกังวล ในใจของเธอเริ่มระส่ำระสาย
เธอเชื่อป่ายฉีมากกว่า ฝีมือการรักษาของเขาเหนือกว่าคนอื่นเยอะ
โห้หลีเฉินมองหน้าเสี่ยวหว่านด้วยสายตาลึกล้ำ ริมฝีปากบาง กระซิบว่า
"ช่วงนี้เธอค่อนข้างตระหนก อะไรนิดอะไรหน่อยก็กังวลไปหมด"
พูดไป เขาก็มองหน้าป่ายฉี "คุณช่วยตรวจให้ผมหน่อย ให้เธอทำใจสบายๆ"
ป่ายฉีมองที่โห้หลีเฉินอย่างครุ่นคิด กล่าวว่า
"คุณเข้ามาใกล้ผมหน่อยสิ แล้วพลิกเปลือกตาตามที่ผมบอก"
โห้หลีเฉินทำตามโดยดี
ป่ายฉีมองผ่านวีดิโอคอลอย่างละเอียด ตรวจเช็ดดวงตาของโห้หลีเฉินไปมาหลายครั้ง ขมวดคิ้วเล็กน้อย สีหน้าเต็มไปด้วยการครุ่นคิด
"อาการของคุณตอนนี้ ผิดปกตินิดหน่อย"
ได้ยินดังนั้น เสี่ยวหว่านยืดตัวขึ้นด้วยความประหม่า ใบหน้าเล็กๆซีดเซียวลงนิดหน่อย
ป่ายฉีมองไปที่เธอ พลางยิ้มให้แล้วพูดว่า
"แต่ว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ก็แค่เส้นเลือดฝอยในตาเท่านั้น มีสาเหตุมากมาย แต่ว่าไม่ได้อาการหนักอะไรมากหรอกครับ
ผมจะจ่ายยาให้คุณไปทาน คุณทานแล้วรับรองว่าอีกสองวันก็หายดี"
โห้หลีเฉินพยักหน้า "ครับ"
เสี่ยวหว่านถึงได้รู้สึกโล่งใจ ป่ายฉีซะอย่าง ยังไงก็หายแน่นอน
ช่วงนี้เธอกลายเป็นคนไร้เหตุผลอย่างมาก คงอาจเป็นเพราะการตั้งท้องนี่แหละ ปัญหาเพียงเล็กน้อยกลัวไปต่างๆนานา ทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่
เรื่องเส้นเลือดฝอยที่ปรากฏในตาของโห้หลีเฉิน คุณหมอคนอื่นก็ว่าไม่เห็นเป็นอะไร แต่เธอก็กังวลไปร้อยแปดว่าจะเป็นอะไรหนักหนาไหม คิดมากอยู่ตลอด
แต่ป่ายฉีบอกว่า ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร
เธอกังวลมากจนเกินไป
โห้หลีเฉินยื่นมือออกมาลูบผมของเสี่ยวหว่าน พูดอย่างอ่อนโยนว่า "ตอนนี้สบายใจแล้วใช่ไหมครับ?"
"อืม"
เสี่ยวหว่านพยักหน้า รู้สึกผ่อนคลาย สีหน้าดีขึ้นเล็กน้อย
มีการพูดคุยกันอีกนิดหน่อย ก่อนจะวางสาย
ป่ายฉีก็ออกจากห้องไปแล้ว
เมื่อเดินไปถึงโถงทางเดิน สีหน้าของเขากลับจมลงโดยไม่มีสาเหตุ เต็มไปด้วยการครุ่นคิด
ตามเหตุผลทั่วไป เส้นเลือดฝอยสีแดงในตาของโห้หลีเฉินเป็นเรื่องเล็กน้อย เขาก็ไม่เห็นว่าผิดปกติตรงไหน แต่โดยสัญชาตญาณคนเป็นหมออย่างเขา เขากลับรู้สึกว่า ไม่ควรวางใจ
ราวกับว่ามีบางอย่างผิดปกติแต่ยังไม่แสดงอาการ
เขาต้องไปศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติม
......
สองสามวันต่อมา
อาการบาดเจ็บของกู้จื่อเฟยดีขึ้นมากแล้ว สามารถพยุงตัวจากเตียงขึ้นมาเดินได้
เธอนอนอยู่ในห้องมาหลายวันรู้สึกเบื่อมาก เธอจึงเสนอความเห็น
"พี่เย้นคะ พี่ไปเดินเล่นในสวนเป็นเพื่อนฉันหน่อยได้ไหม?"
เย้นโม่หลินขมวดคิ้วมองหน้าเธอ "คุณยังเดินไม่ค่อยถนัดเลยนะครับ"
"ไม่เป็นไรหรอกค่ะ คุณประคองฉันหน่อยก็ได้แล้ว"
กู้จื่อเฟยรีบจูงมือของเย้นโม่หลินด้วยท่าทีออดอ้อน หน้ายิ้มระรื่น "นะค้า? ฉันอยากออกไปสูดอากาศบริสุทธิ์บ้างคะ"
สาวน้อยเกลี้ยกล่อมด้วยท่าทีอ่อนโยน จนเย้นโม่หลินปฏิเสธไม่ลง
เขาเม้มปาก แล้วพยักหน้า
เย้นโม่หลินหยิบเสื้อคลุมตัวหนึ่งขึ้นมาคลุมตัวกู้จื่อเฟย มือข้างหนึ่งโอบเอวของเธอไว้ มืออีกข้างประคองแขนของเธอ ประคองเธอออกไป
แน่นอน ยังไม่ทันได้ก้าว กู้จื่อเฟยก็ล้มตัวลงในอ้อมแขนของเย้นโม่หลิน ราวกับว่าไม่มีกระดูก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน
อืดอาด มีเรื่องคู่นั้นคู่นี้แทรกมาตลอด แล้วยังออกทะเลไปไม่รู้กี่รอบ วนอยู่แต่กับความโง่ของนางเอกและความปิดปังเพราะรักของพระเอก เฮ้อ ทนอ่านมาเพราะอยากรู้ตอนจบ แต่หงุดหงิกมาก...
ฝึกฝนตัวเองหาทางช่วยสามีมันก็ดี แต่ถึงขนาดทิ้งลูกให้คนอื่นดูแลนี่ไม่ไหว เลี้ยงเด็กยังไงให้เป็นแบบนี้ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แถมเป็นภาระ ใช้ชีวิตโง่ ๆ มีศัตรูอยู่ แต่ไม่พาการ็ดไปด้วย พอลูกมีปัญหาที่รร. แทนที่จะเรียกสามี มาช่วยตั้งแต่แรก เสือกจะสู้เอง...
นางเอกอ้อนแอแถมโง่ แต่ก็ไม่ฟังพระเอก เสือกวิ่งไปวิ่งมาให้ถูกคนทำร้าย อ่านแล้วรำคาญ...
นางเอกโง่เง่าไม่มีการพัฒนา...
ทำไมไม่บอกพระเอกแล้วให้จัดการกับนังนั่น...
โอน่อหยาก็รู้นี่นาว่านางเอกเป็นคู่หมั้นประธาน ทำไมยังกล้าใส่ร้ายหรือแปลกใจว่านางเอกยังมีคนหนุน...
เนื้อเรื่องยืดยาวววน่าเบื่อมาก วนไปมาไม่เข้าเรื่องสักทีอ่านจนไม่อยากอ่านต่อน่าเบื่อเกิน ไม่เข้าเรื่องพระเอกกับนางเอกสักที วนอยู่ที่เดิมจนไม่น่าติดตามเพราะน่าเบื่อ...