“โอเค เดี๋ยวกูไปทักสามผัวของกูก่อน ไม่แน่นะคะเดี๋ยวอีกสักพักกูคงไลน์ตามให้มึงขึ้นไปข้างบน ช่วงนี้ผัวแอลของกูยิ่งชอบเลี้ยงเหล้ากูเป็นพิเศษอยู่ด้วย อิอิ” อีแมนนี่บอกฉันแล้วก็ยิ้มร่าเดินกรีดกรายขึ้นไปที่ชั้น VIP ทันที เหอะ! อีตุ๊ด อยากรู้จังถ้าได้รู้ว่าไอ้หนึ่งในสามผัวมโนของมันทำเลวไว้กับฉันแค่ไหนอีแมนนี่จะทำหน้ายังไง
ตอนนี้ฉันเริ่มไม่สนุกแล้วเพราะแค่ได้ยินชื่อไอ้โฉดนั่นอารมณ์ในใจก็คุกรุ่นทันที แล้วดูตอนนี้อีตุ๊ดมันทิ้งให้ฉันนั่งกร่อยอยู่คนเดียวมาจะสิบนาทีแล้วเนี่ย แต่ก็ยังดีที่มีผู้ชายเดินมาขอชนแก้วอยู่บ่อย ๆ ดีค่ะ ไม่ได้ระริกระรี้เรื่องผู้ชายอะไรหรอกนะคะ แต่พักหลังมานี้ฉันแค่รู้สึกสนุกกับการบริหารเสน่ห์เป็นพิเศษ
“อีมิขา ไปค่ะ” หลังจากที่หนุ่มหล่อคนล่าสุดเดินจากไปเสียงพญาตุ๊ดก็ดังขึ้นพร้อมความสดใสของมัน
“ไปไหน?” ฉันตะโกนถามแข่งกับเสียงเพลงทันที อยู่ดี ๆ ก็มาบอกให้ไป ไปไหนก็ไม่รู้ ไปที่ชอบ ๆ รึไงวะ
“ไปข้างบนค่ะ เร็วเลยเพราะวันนี้ผัวแอลกูเลี้ยง อิอิ” อีแมนนี่บอกพร้อมกับดึงมือฉันให้เดินตามมันแต่ฉันฝืนตัวเอาไว้ก่อน ข้างบนก็หมายถึงโซน VIP ไง อย่าบอกนะว่าจะไปนั่งกับพวกนั้น ฉันก็นึกว่ามันพูดเล่นซะอีก
“ไม่เอา กูไม่อยากไป” ฉันส่ายหน้าปฏิเสธทันที เรื่องอะไรจะไปล่ะในเมื่อมีไอ้บ้านั่นอยู่ด้วย แค่ชื่อยังไม่อยากได้ยินเลยขืนให้นั่งร่วมโต๊ะฉันได้สติแตกพอดีสิ
“ทำไม ฟรีนะมึง ไปเถอะชะนีขา” อีแมนนี่หันมากล่อม แต่อาจจะไม่ใช่กล่อมเพราะพอมันพูดจบมันก็ใช้แรงควายของมันดึงฉันให้เดินตามทันทีโดยที่ไม่ได้สนใจว่าฉันจะฝืนตัวไม่ให้เดินไปตามแรงลากของมันแค่ไหน
“หวัดดีมิลาน อู้หู! ช่วงนี้ฮอตขึ้นเยอะเลยนะ” ฉันเดินหน้าบึ้งมาตามแรงลากของอีแมนนี่ด้วยความจำยอม พอขึ้นมาก็เจอความมืดนั่นแหละ เวลานี้ในผับมันมืดเป็นปกติ แล้วก็มีเสียงของเควินที่ดูจะเป็นผู้ชายที่มนุษยสัมพันธ์ดีที่สุดในกลุ่มเอ่ยทักขึ้นฉันเลยต้องจำใจยิ้มตอบเพราะไม่อยากเสียมารยาท
“อื้อ หวัดดีวิน” ฉันทักทายตอบแล้วนั่งลงข้างอีแมน เควินนั่งอยู่ด้านซ้ายด้านขวาเป็นออสตินที่นั่งกดโทรศัพท์อยู่ ส่วนฝั่งตรงข้ามก็เป็นแอลฟ่าที่กำลังนั่งนัวกับผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ เหอะ! จะอ้วก!
“หวัดดีมิลาน” ออสตินเงยหน้าขึ้นทักฉันเลยยิ้มตอบ ก่อนที่จะนั่งเชิดหน้าไม่สนใจไอ้บ้านั่นที่เหลือบตามามองฉันนิดหน่อยแล้วก็หันไปสนใจผู้หญิงข้าง ๆ ต่อ เหอะ! หล่อตายแหละไอ้กร๊วก แล้วผู้หญิงคนนั้นก็หันมามองฉันบ้าง
“อ้าว! มิลานเองเหรอจ้ะ” ผู้หญิงคนนั้นทักทายฉันพร้อมรอยยิ้มสวยซึ่งก็ไม่ใช่ใครที่ไหนหรอกค่ะ พี่ฝ้ายรุ่นพี่ที่คณะแล้วตอนนี้ก็พ่วงตำแหน่งแฟนใหม่ของแอลฟ่านี่ไง ตายจริงเรียกแฟนใหม่ไม่ได้สินะเพราะกับฉันเรายังไม่ได้เปิดตัว ไม่มีใครรู้ก็หมายความว่าฉันไม่เคยมีแฟนเป็นคนเลวอย่างเขา
“สวัสดีค่ะพี่ฝ้าย” ฉันจำใจยกมือไหว้ยัยพี่ฝ้าย ทั้งที่ใจจริงไม่ได้อยากไหว้เลยสักนิดเดียว ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องผู้ชายหรอกนะคะแต่เป็นเรื่องนิสัยมากกว่า กลุ่มยัยพี่ฝ้ายนี่แรงมากทำตัวไม่น่าเคารพสุด ๆ ฉันกับอีแมนนี่แอบเบ้ปากใส่บ่อย ๆ เวลาเจอที่คณะ แล้วกลุ่มยัยเจ้นี่ออกจะเขม่นกลุ่มฉันด้วยซ้ำ ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเหมือนกัน สงสัยเพราะพวกฉันสวยกว่ามั้ง
“มาเที่ยวเหรอจ๊ะ พี่เห็นในไอจีมิลานอัพรูปคู่หนุ่มหล่อที่ไปเที่ยวยุโรปเขาเป็นใครเหรอแฟนมิลานรึเปล่า หล่อมาก” อยู่ ๆ ยัยพี่ฝ้ายก็ถามฉันแถมถามยาวด้วยสิ ไม่ได้เคยสนิทชิดเชื้อกันเลยสักนิดเจอปั๊บถามเรื่องส่วนตัวทันทีสมัยนี้แรงอย่างเดียวไม่ได้นะคะมันธรรมดาไปต้องสอดรู้สอดเห็นและไร้มารยาทด้วยถึงจะครบรส
“เปล่าค่ะ” ฉันตอบไปสั้น ๆ เพราะไม่อยากพูดจาสนทนาอะไรกับนางมากแต่เหมือนนางจะยังไม่พอใจในคำตอบแสนสั้นที่อธิบายได้เข้าใจชัดเจนแล้วว่าฉันกับพี่ธามไม่ใช่แฟนกัน
“อ้าวเหรอ เห็นถ่ายรูปไปเที่ยวด้วยกันทุกวันพี่ก็นึกว่าเป็นแฟนน้องมิลานซะอีก” อีเจ้ฝ้ายอะไรนี่เมื่อไหร่จะหยุดพูดหยุดถามเรื่องส่วนตัวของคนที่รู้จักกันกันแค่ผ่าน ๆ สักทีวะ แล้วดูท่าทางนางถามฉันไปแสดงความเป็นเจ้าของแอลฟ่าไป กลัวคนไม่รู้เหรอว่าได้เสียเป็นผัวเมียกันแล้วนั่งเบียดแทบจะสิง
“ก็กำลังดู ๆ กันอยู่น่ะค่ะ มิลค์ชอบศึกษาใจกันไปเรื่อย ๆ ไม่อยากคบใครง่าย ๆ อะไรที่มันได้มาง่าย ๆ มิลค์รู้สึกว่ามันไร้ค่า” ฉันตอบไปอย่างเหลืออด ไม่ชอบคุยกับผู้หญิงที่มีบุคลิกไม่จริงใจแบบนี้เลย แล้วก็เหมือนยัยเจ้นี่จะรู้ว่าฉันกระแนะกระแหนนางก็เลยจิกตาใส่ฉันเบา ๆ
#MILAN END
#ALPHA TALK
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: So Long ลารักร้ายผู้ชายสารเลว!