"เรื่องนี้เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด แม้แต่เจ้าลัทธิในปัจจุบันของเราก็ทำไม่ได้ คุณคิดว่าคุณทำได้เหรอ?" เสว่เซียวพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
"ผมหมายถึงถ้าหาก! ยิ่งไปกว่านั้นเรื่องที่พวกคุณทำไม่ได้ ใช่ว่าผมก็จะทำไม่ได้สักหน่อย!" โจเอลพูดอย่างมั่นใจ
"ไม่รู้จักเจียมตัว!" เสว่เซียวส่ายหัว
"ถ้าหากทุกท่านที่อยู่ในเหตุการณ์มีใครสามารถชนะกระดานโลหิตมาร เมื่อเป็นแบบนั้นกลไกข้างในของกระดานโลหิตมันก็จะเปิด สมบัติสูงสุดของลัทธิโลหิตมารก็จะปรากฏต่อหน้าทุกท่าน ถึงเวลาพวกคุณเอาไปก็สิ้นเรื่อง!" อาวุโสห้าหัวเราะเหอะเหอะ
"สมบัติสูงสุด?" ดวงตาของโจเอลและโขงซื่อเทียนลุกวาวเป็นประกาย
"ใช่ เล่ากันว่าเป็นสมบัติประจำตัวของจักรพรรดิโลหิตมารแห่งผู้ก่อตั้งลัทธิโลหิตมารของเรา ชื่อของมันคือ ‘จักรพรรดิโลหิตแสวงชีวิต’ มันถูกเก็บไว้ในกระดานโลหิตมารมาโดยตลอด เจ้าลัทธิรุ่นที่สามและสิบเจ็ดเคยนำมันออกมา ส่วนความแข็งแกร่งของลัทธิโลหิตมาร ก็ล้วนแต่เกิดจากเจ้าลัทธิทั้งสองอาศัยจักรพรรดิโลหิตแสวงชีวิตช่วย เพียงแต่ก่อนที่พวกเขาจะตาย พวกเขานำจักรพรรดิโลหิตแสวงชีวิตใส่กลับเข้าไปอีกครั้ง พวกเขาบอกว่ามีแต่คนที่ผ่านกระดานโลหิตมารถึงสามารถใช้ได้ คนที่ไม่ผ่านบททดสอบ ไม่คู่ควรกับของสิ่งนี้" อาวุโสห้าพูด
"จักรพรรดิโลหิตแสวงชีวิต?"
ทุกคนตกตะลึง
"มันคืออะไร?"
โจเอลรีบถาม
"เล่ากันว่าเป็นของวิเศษที่สามารถเปลี่ยนกฎเกณฑ์ของโลก ทำให้ผู้ใช้แข็งแกร่งไร้เทียมทาน ส่วนมันคือของวิเศษอะไรผมเองก็ไม่รู้ เพราะพวกเราไม่เคยเห็นด้วยซ้ำ" อาวุโสห้าหัวเราะเหอะเหอะ
"โถ่!"
โจเเอลแบะปาก
แต่แววตาของทุกคนเริ่มเป็นประกาย เห็นได้ชัดว่าสนใจจักรพรรดิโลหิตแสวงชีวิตชิ้นนี้
หลินหยางก็ไม่ยกเว้น แต่ของแบบนี้แค่คิดก็พอแล้ว แม้กระทั่งเจ้าลัทธิโลหิตมารก็ทำไม่ได้ เขาย่อมไม่อยากไปฝืนมัน
"กระดานโลหิตมารเป็นกระดานปิด จำเป็นต้องเข้าไปทีละคน ทุกท่าน พวกคุณใครจะเชิญก่อน?" อาวุโสห้าถาม
"ผมก่อนก็แล้วกัน" โขงซื่อเทียนลุกขึ้นยืนเป็นคนแรก
แต่ในตอนนั้นเอง โจแอลพูดอย่างกะทันหัน "รอก่อน!"
"ทำไม?" โขงซื่อเทียนหันไปมอง
ทุกคนก็หันไปมองเช่นกัน
"ไม่มีอะไร ผมแค่อยากบอกว่าถ้าต้องเข้าไปรออยู่แบบนี้สิบนาที มันน่าเบื่อเกินไป ไม่สู้พวกเรามาเดิมพันกันดีกว่า เป็นยังไง?"
"เดิมพัน?"
"น่าสนใจ คุณอยากเดิมพันอะไร?" หนานฉินยิ้มแล้วพูด
"เดิมพันว่าใครอยู่ได้นานที่สุด! พวกเราทุกคนนำสมบัติของตัวเองออกมาคนละชิ้น ถ้าหากใครอยู่ได้นานที่สุด สมบัติพวกนี้ก็จะเป็นของเขาทั้งหมด! เป็นยังไง?" โจแอลหรี่ตาลงพูด
ทุกคนได้ยินแล้วรู้สึกกระตือรือร้นขึ้นมาทันที
แม้แต่คนของลัทธิโลหิตมารก็เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม จิตใจของพวกเขาในตอนนี้ยังไม่แน่นอน
"เหอะเหอะ น้อยนักที่จะเห็นคนมีความคิดแบบนี้ ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นผมขอเป็นพยานให้ทุกคนก็แล้วกัน!" ในส่วนลึกของแววตาอาวุโสห้ามีประกายแลบผ่าน กระตุกมุมปากขึ้น หัวเราะเหอะเหอะ
"แบบนั้นดีที่สุด" โขงซื่อเทียนยิ้มแล้วพูด
"ฉันมีหยกอยู่ชิ้นหนึ่ง เวลาพกติดตัวสามารถช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต ทำให้จิตใจกระจ่าง ผู้ฝึกศิลปะการต่อสู้มีของสิ่งนี้ ถือว่าสามารถฝึกสำเร็จแล้วครึ่งหนึ่ง ฉันใช้ของสิ่งนี้เดิมพันก็แล้วกัน" หนานฉินไปหยิบก้อนหินสีน้ำเงินชิ้นหนึ่งออกมาจากไหนไม่รู้แล้วพูด
หินก้อนนั้นมีผิวใสเหมือนผลึกแก้ว คล้ายคลึงกับเพชร แต่มันก็มันวาวเป็นประกายยิ่งกว่าเพชร
แต่โจแอลกลับส่ายหัว "ไม่ไม่ไม่! พี่ฉินหนาน ถ้าหากคุณแค่เอาของชิ้นนี้มาเดิมพัน แบบนี้มันน่าเบื่อเกินไป! ผมคิดว่าคุณควรจะเอาหินสีรุ้งมาเดิมพันถึงจะเหมาะสม!"
"อะไรนะ? หินสีรุ้ง?" สีหน้าของหนานฉินเปลี่ยนไปเล็กน้อย
"ไม่ใช่ว่าพี่หนานฉินทำใจไม่ได้หรอกมั้ง?" โจแอลยิ้มแล้วพูด "ผมคิดว่าในเมื่อคิดจะเดิมพัน พวกเราก็ควรจะทำอะไรที่มันตื่นเต้นหน่อย อย่างก้อนหินสีน้ำเงินก้อนนี้ ผมคิดว่าถึงแพ้ก็ไม่มีอะไรให้เสียดายใช่หรือเปล่า? เอาหินสีรุ้งที่เป็นของสืบทอดตระกูลหนานออกมาน่าจะดีกว่า! เดิมพันยิ่งสูงเท่าไหร่ คุณก็จะยิ่งพยายามมากขึ้นเท่านั้น ถูกหรือเปล่า?"
หนานฉินเงียบ แต่ผ่านไปสักพัก มุมปากของเธอกระตุกขึ้น ยิ้มเล็กน้อยแล้วพูด "ได้ ในเมื่อคุณโจแอลพูดถึงขนาดนี้ ฉันจะเอาหินสีรุ้งมาเดิมพันก็แล้วกัน!"
พูดจบ หนานฉินไปหยิบก้อนหินขนาดเท่าไข่ออกมาจากไหนก็ไม่รู้อีกหนึ่งก้อน
ก้อนหินก้อนนี้มีทั้งหมดเจ็ดสี พื้นผิวชั้นนอกของมันปลดปล่อยรัศมีจางๆ สวยงามราวกับเป็นสมบัติของนางฟ้าบนสวรรค์
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สุดยอดลูกเขยของเทพธิดา
อยากอ่านต่อ...
เขียนดีอ่านสนุกครับ...
D...
ทำไมบางตอนเนื้อหาหายไปหมดเหลืออยู่แค่ไม่ถึง6บรรทัดเลย...
หลินหยาง...ผมอยากบอกว่า คุณมันกระจอก 5555...
บทหาย...
หายย...
เกิดอะไรขึ้นกับเว็บหรือป่าวครับ ข้อความไม่ครบหลายเรื่องเลย...
ตระกูลซูน่ารังเกียจมาก ส่วนซูเหยียน คนทั้งตระกูลรังแกเอาเปรียบกลายเป็นของเล่น ก็ทนอยู่นะ พ่อกับแม่ก็ไม่สนใจลูกเลยเอาใจแต่คุณย่าคุณย่า แยกบ้านไม่เป็นหรอ...