“อาวุโสสอง คุณยอมเสียสละชีวิตเพื่อปกป้องผม ผมหลินหยางจะเห็นเลือดวิญญาณลั่วหลินสำคัญกว่าได้ยังไง? เจ้าสำนักโม่ซินต้องการเลือดวิญญาณลั่วหลินก็ให้เธอไป! ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าหากผมเอาเลือดวิญญาณลั่วหลินไปจากที่นี่ มันจะนำหายนะมาสู่ตัวผม ถึงเวลานั้นผมจะตกอยู่ในอันตราย และถึงผมโชคดีสามารถเอาตัวรอดไปได้ แต่ชีวิตในอนาคตของผมก็จะไม่สงบสุข ในเมื่อเป็นแบบนั้น ทำไมต้องต้องปัญหาเหล่านี้ให้กับตัวเองด้วย?” หลินหยางยิ้มแล้วพูด
“คุณ…เห้อ! ช่างเถอะ ในเมื่อคุณคิดแบบนี้ ผมก็จะไม่ห้ามปรามคุณ! เพียงแต่หลินหยาง ถ้าไม่มีเลือดวิญญาณลั่วหลิน คุณก็จะไม่มีที่พึ่งพา ไม่เจ้าสำนักไม่ได้ถือสาอะไรคุณ แต่อาวุโสสามและเจิ้งถงหยวนพวกเขาต้องมาคิดบัญชีกับคุณแน่! หลินหยาง คุณอยู่สำนักสวรรค์นิรันดรต่อไม่ได้แล้ว คุณต้องไปจากที่นี่ด่วน! วางเลือดวิญญาณลั่วหลินแล้วไปจากที่นี่!” อาวุโสสองพูดด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึม
“ผมรู้ว่าผมต้องไป แต่คุณก็ต้องไปด้วย” หลินหยางพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย
“ผม?”
“สำนักสวรรค์นิรันดรไม่มีที่ให้คุณยืมแล้ว! อาวุโสสอง คุณยังไม่รู้ตัวอีกเหรอ?”
หลังจากอาวุโสสองได้ยินคำพูดประโยคนี้ ในแววตาปรากฏให้เห็นความเศร้า
“มีเหรอที่ผมจะไม่รู้…เพียงแต่ฟ้าดินกว้างใหญ่ ผมจะไปไหนได้? แม่ของผมถูกฝังอยู่ในสำนักสวรรค์นิรันดร บุญคุณของเจ้าสำนักรุ่นก่อนยังตอบแทนไม่หมด…ผมไปไม่ได้” อาวุโสสองถอนหายใจแล้วพูด
หลินหยางส่ายหัว
ในเมื่ออาวุโสสองไม่ยอมไป เขารู้ว่าถึงตนเองพูดยังไงก็ไม่สามารถทำให้เขาเปลี่ยนใจ
“หลินหยาง รีบมอบเลือดวิญญาณลั่วหลินมาเถอะ!”
อาวุโสสี่ก้าวออกมาพูดด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึม
“ได้!”
หลินหยางพยักหน้า รีบยกแขนขึ้น กรีดข้อมือของตนเอง
“รอก่อน!”
เชียนเย่ร้อนใจแล้ว รีบตะคอก
“รองเจ้าสำนักเชียนเย่ คุณคิดจะเอายังไงอีก?” อาวุโสสี่ถามด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
“ไม่เกี่ยวกับคุณ” เชียนเย่พูดอย่างไม่สบอารมณ์ จากนั้นหันไปถามหลินหยาง “หลินหยาง ผมจะบอกอะไรคุณ สูญเสียเลือดวิญญาณลั่วหลิน ก็เท่ากับคุณสูญเสียอนาคตที่รุ่งโรจน์! ถ้าหากคุณมาเข้าสำนักสวรรค์อินทนิลพร้อมกับเลือดวิญญาณลั่วหลิน! ผมขอรับประกันว่าคนของสำนักสวรรค์อินทนิลไม่มีใครคิดอยากได้เลือดวิญญาณลั่วหลินของคุณ และพวกเราจะปลูกฝังคุณอย่างเต็มที่! ผมจะขอพูดกับคุณเป็นครั้งสุดท้าย ถ้าหากคุณยินดีเข้าร่วมสำนักสวรรค์อินทนิล ผมสามารถพาคุณไปจากที่นี่ได้อย่างปลอดภัย! ถ้าหากคุณมอบเลือดวิญญาณลั่วหลินให้พวกเขา ยอมทิ้งอนาคตที่รุ่งโรจน์ ถ้าเป็นแบบนั้นสำนักสวรรค์อินทนิลของเราก็คงรับคุณไม่ได้! ไอ้หนู! คุณตัดสินใจให้ดี!”
มาถึงขั้นนี้แล้ว เชียนเย่ก็ไม่คิดจะไว้หน้าสำนักสวรรค์นิรันดรเช่นกัน เขาให้หลินหยางตัดสินใจเลือกโดยตรง
เจิ้งฮั่นซานก็เริ่มร้อนใจแล้ว รีบก้าวออกมาพูด “หลินหยาง! คุณอย่าเอาเรื่องความสัมพันธ์มาปะปนกับเรื่องงาน! พวกอาวุโสสองไม่เป็นอะไรแน่นอน ยังไงพวกเขาก็เป็นคนของสำนักสวรรค์นิรันดร เจ้าสำนักโม่ซินจะฆ่าพวกเขาเหรอ? สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้คือปกป้องชีวิตของคุณ! เลือดวิญญาณลั่วหลินสิบหยดคือโชคลิขิตอันประเสริฐ ถ้าหากคุณทิ้งมันไป ทั้งชีวิตของคุณอาจจะไม่มีโอกาสครั้งที่สองอีกแล้ว! รีบตอบตกลงรองเจ้าสำนักเชียนเถอะ! คุณอย่าทำเรื่องโง่ในเวลาแบบนี้เลย!”
เจิ้งฮั่นซานคาดหวังที่จะได้เห็นหลินหยางเข้าร่วมสำนักสวรรค์อินทนิลเพียงใด
ทว่าเผชิญหน้ากับการชักชวนของสำนักสวรรค์อินทนิล ดูเหมือนหลินหยางจะไม่หวั่นไหวแม้แต่นิดเดียว
“ท่านเจิ้ง คุณอาจจะไม่รู้ เลือดวิญญาณลั่วหลินสิบหยดในสายตาของผมมันนับอะไรไม่ได้เลย ยิ่งไปกว่านั้นถึงผมให้พวกเขาไป ค่อยกลับมาเอาคืนทีหลังก็ได้” หลินหยางพูดด้วยน้ำเสียงที่นิ่งสงบ
“คุณ…คุณพูดเหลวไหลอะไร?” เจิ้งฮั่นซานเบิกตากว้าง
หลินหยางไม่ได้พูดอะไรอีก เขากรีดข้อมือของตนเอง ส่งมอบเลือดวิญญาณลั่วหลินทั้งสิบหยดออกไปโดยตรง
เจิ้งฮั่นซานลืมตาอ้าปากค้าง
ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ลุกขึ้นยืน มองเจ้าสำนักโม่ซินที่กำลังถ่ายเลือดวิญญาณลั่วหลินทั้งสิบหยดลงในข้อมือ…
“สิบสามหยด! สิบสามหยด! ไม่ธรรมดาอย่างจริง!”
เจ้าสำนักโม่ซินสูดหายใจเข้า สายตาจ้องข้อมือของตนเองสักพัก จากนั้นดึงแขนเสื้อของตนเองลงอย่างเชื่องช้า
“อะไรกัน?”
ผู้คนที่อยู่โดยรอบอุทานด้วยความตกใจ
เห็นเพียงบนข้อมือของเจ้าสำนักโม่ซินไม่ตอนนี้กำลังส่งแสงสิบสามจุด!
ล้วนแต่เป็นเลือดวิญญาณลั่วหลิน!
ทั้งหมดสิบสามหยด!
สิบสามหยด! !
บ้าไปแล้ว!
สมองของทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์แถบหยุดทำงาน!
ลมหายใจของแต่ละคนสั่นสะท้าน หัวใจเต้นรัว หนังศีรษะชา ไม่สามารถยอมรับความจริงกับสิ่งที่ตนเองเห็น
“ไร้เทียมทาน! ไร้เทียมทาน! เจ้าสำนักของพวกเราไร้เทียมทาน! !” อาวุโสสามรีบคุกเข่าลงพูดเสียงสั่น
“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป สำนักสวรรค์นิรันดรของเราจะก้าวเข้าสู่ความรุ่งโรจน์ จะไม่มีใครกล้าเป็นศัตรูกับพวกเราอีก!” อาวุโสสี่ก็พูดด้วยความตื่นเต้นเช่นกัน
“เจ้าสำนักอายุยืนหมื่นปี!”
“เจ้าสำนักอายุยืนหมื่นปี!”
“เจ้าสำนักอายุยืนหมื่นปี!”
ทุกคนยกแขนขึ้น ตะโกนพูดเสียงดังด้วยความตื่นเต้น
“ยินดีกับเจ้าสำนักโม่ซินด้วย!”
ทางด้านของหยานชางไห่รีบยกมือขึ้นคำนับอวยพรทันที บนใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม แต่ในส่วนลึกของแววตากลับเต็มไปด้วยความไม่พอใจ ทว่าเขาปกปิดความไม่พอใจส่วนนี้ไว้อย่างดี
“รองหัวหน้าพันธมิตร! ต่อไปสำนักสวรรค์นิรันดรจะกลายเป็นเนื้อร้ายของยอดเขากูเฟิงแล้ว!” คนที่อยู่ด้านข้างพูดเสียงสั่น
“ผมรู้ พวกเราต้องรีบกลับไปรายงานเรื่องนี้ให้ท่านหัวหน้าพันธมิตร!” หยานชางไห่พูดด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สุดยอดลูกเขยของเทพธิดา
ลงวันละ10ตอนไม่ได้เหรคับ 5ตอนมันน้อยไป กว่าจะอ่านจบลืมหมดพอดี...
อ่านสนุกนางเอกค่อนข้างโง่ซื่อบื้อ...
อยากอ่านต่อ...
เขียนดีอ่านสนุกครับ...
D...
ทำไมบางตอนเนื้อหาหายไปหมดเหลืออยู่แค่ไม่ถึง6บรรทัดเลย...
หลินหยาง...ผมอยากบอกว่า คุณมันกระจอก 5555...
บทหาย...
หายย...
เกิดอะไรขึ้นกับเว็บหรือป่าวครับ ข้อความไม่ครบหลายเรื่องเลย...