สุดท้ายลั่วเฉียนก็ไม่ได้รับประทานอาหารที่ภัตตาคารปี่อี้ ทั้งสองเลือกทานอาหารร้านเล็กๆ ข้างทาง
หลินหยางเป็นคนง่ายๆ ไม่เลือกมากเรื่องการกิน ขอแค่บรรยากาศดี รสชาติอร่อยก็เพียงพอแล้ว
เมื่อทานเสร็จ หลินหยางก็ไปส่งลั่วเฉียนที่บ้าน
และหลังจากที่หม่าไห่มารายงานความคืบหน้าในการรื้อถอนภัตตาคารปี่อี้ หลินหยางก็เข้าใจได้ทันทีว่าทำไมลั่วเฉียนถึงพยายามทำการจองบัตรคิวและยืนหยัดว่าจะเข้าไปรับประทานอาหารที่นั่น
ที่แท้ภัตตาคารปี่อี้ก็มีความหมายแฝงที่ลึกซึ้ง คนที่มาทานที่นี่ส่วนใหญ่ล้วนเป็นคนวัยหนุ่มสาวและเป็นแฟนหรือคู่รักกัน
ว่ากันว่าใครที่ได้มารับประทานอาหารที่นี่ จะมีรักที่ยั่งยืนอยู่ด้วยกันไปจนแก่เฒ่า
ความปรารถนาที่สวยงามเช่นนี้ คนจำนวนมากจึงได้เลือกมาที่นี่
แม้ว่าคนจำนวนมากต่างก็รู้ว่าเป็นความจงใจแต่งเรื่องขึ้นมาของเถ้าแก่ภัตตาคารปี่อี้ ทว่าคนจำนวนมากต่างก็หลงใหลไปกับสิ่งนี้และยอมจ่ายเงินจำนวนมากเพื่อแลกกับการเดิมพันในครั้งนี้
ประธานหลินสั่งรื้อถอนภัตตาคารปี่อี้อย่างเด็ดเดี่ยว ส่งผลให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์บนโซเชียลอย่างครึกโครม คนจำนวนไม่น้อยต่างโกรธเคืองและแสดงความเห็นว่าประธานหลินทำเกินไป
ทว่าหลินหยางกลับไม่ให้ความสนใจความคิดเห็นของคนเหล่านั้น
ตอนนี้เขามีเรื่องสำคัญอย่างอื่นที่ต้องทำ
เมื่อส่งลั่วเฉียนเสร็จ หลินหยางก็กลับไปเตรียมการที่บริษัท
เช้าวันต่อมา จางซั่วก็รีบนำศีรษะของหลินหยางมุ่งหน้าไปสมัชชาใหญ่
ปัจจุบันสำนักงานของสมัชชาใหญ่ตั้งอยู่ที่สถานที่แห่งหนึ่งที่ชื่อภูเขาหลงหลิงซาน
แต่นี่กลับไม่ใช่ที่ตั้งหลักของสมัชชาใหญ่ เป็นเพียงแค่สำนักงานชั่วคราวเท่านั้น ส่วนสำนักงานหลักจริงๆ ของสมัชชาใหญ่อยู่ที่ไหนนั้น ไม่มีใครรู้ได้
และการจัดการประชุมของสมัชชาใหญ่ จะจัดขึ้นที่สำนักงานใหญ่ของสมัชชาใหญ่เท่านั้น
ว่ากันว่าเรื่องของกลุ่มธุรกิจซางเหมิงครั้งนี้ เบื้องหลังยังมีคนของตระกูลหลินคอยบงการ และหลินหยางยังไม่ไปคิดบัญชีกับตระกูลหลินเลยด้วยสิ
รอให้จัดการเรื่องหลงเจียงเฟิงให้เสร็จและกลับไปยังเจียงเฉิน ก็สามารถใช้โอกาสนี้คิดบัญชีกับตระกูลหลินได้
หลินหยางขึ้นเครื่องบินส่วนตัวไปยังภูเขาหลงหลิงซาน
จางซั่วได้ขึ้นไปบนภูเขาก่อนล่วงหน้าหนึ่งชั่วโมง
เขาได้ทิ้งแผนที่เอาไว้และได้แจ้งเรื่องที่ควรระวังระหว่างทางเอาไว้แล้ว จึงทำให้การแอบบุกเข้าไปยังสมัชชาใหญ่เป็นเรื่องง่าย ทว่าเส้นทางและข้อควรระวังหรือแม้กระทั่งกับดักของสมัชชาใหญ่มักจะมีการเปลี่ยนแปลงทุกสามวัน ฉะนั้นครั้งนี้หลินหยางสามารถเข้ามาได้ แต่ครั้งหน้าอาจไม่สามารถเข้ามาได้ก็ได้
สมัชชาใหญ่มีความศักดิ์สิทธิ์ ลึกลับและน่าเกรงขาม
ถือเป็นสิ่งที่น่าเคารพนับถือของธุรกิจทุกแขนง ทุกสาขาอาชีพและทุกพื้นที่ในประเทศ สถานะของพวกเขา แทบไม่มีใครกล้าแตะต้องไม่สามารถเทียบได้เลย
การมีอยู่ของสมัชชาใหญ่เป็นเรื่องเร้นลับมาโดยตลอด
ไม่มีใครรู้ว่าพวกเขามีอยู่มานานแค่ไหนแล้ว และไม่รู้ว่าพวกเขามีอำนาจและการควบคุมมากเพียงใด
ทว่าทุกคนรู้ดีว่าหากเอาชนะสมัชชาใหญ่ได้ นั่นก็เท่ากับชนะทุกสิ่ง
หากต้องการจะทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า หากคิดจะก้าวข้ามช่องว่างและอุปสรรคต่างๆ หากต้องการเปลี่ยนเป็นผู้นำ หากคิดอยากเป็นผู้มีอำนาจ ถ้ายังคิดแผนการไม่ได้ งั้นยังมีอีกวิธีหนึ่ง นั่นก็คือเข้าร่วมสมัชชาใหญ่และชนะมันให้ได้
นี่คือความเชื่อที่หลายคนต่างยอมรับ
เป็นเป้าหมายที่หลายกลุ่มอำนาจ หลายตระกูลและหลายสำนักนิกายต่างๆ เพียรพยายามเพื่อให้ได้มา
และสมัชชาใหญ่ในสายตาของทุกคนแล้วนั้น เปรียบเสมือนสิ่งศักดิ์สิทธิ์เบื้องสูง
ไม่มีใครกล้าดูหมิ่น นับประสาอะไรกับการจะไปต่อต้าน
มีใครบ้างหรือที่จะกล้าเหมือนหลินหยางที่แอบบุกเข้าไปในสมัชชาใหญ่ด้วยเจตนาร้าย?
จางซั่วอุ้มศีรษะของหลินหยางและแอบเรียกเขาว่าคนบ้า
หากสมัชชาใหญ่รู้เข้าถึงการปรากฏตัวของหลินหยาง เกรงว่าทุกคนที่เกี่ยวข้องกับเขาคงต้องถูกฆ่าตายอย่างแน่นอน
"โชคร้ายมากที่ไปเจอกับคนบ้าคลั่งแบบนี้"
จางซั่วบ่นพึมพำและเร่งฝีเท้า
เขาไม่ได้ขึ้นไปยังภูเขาหลงหลิงซานจริงๆ เพียงแค่เดินไปถึงครึ่งทางและเลี้ยวเข้าไปทางเดินลำธารอันเงียบสงบ
เดินอยู่หลายนาที เข้าไปยังป่าไผ่ที่มีร่องรอยของคนไม่กี่คน และมีความมืดสลัว
จางซั่วมองไปรอบๆ และเลียนเสียงนกกาเหว่าร้องส่งสัญญาณออกไป
ผ่านไปครู่หนึ่ง ชายคนหนึ่งก็ปรากฏขึ้นหน้าจางซั่วอย่างเงียบๆ
คนคนนั้นคือหลงเจียงเฟิง!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สุดยอดลูกเขยของเทพธิดา
อยากอ่านต่อครับ...
ลงวันละ10ตอนไม่ได้เหรคับ 5ตอนมันน้อยไป กว่าจะอ่านจบลืมหมดพอดี...
อ่านสนุกนางเอกค่อนข้างโง่ซื่อบื้อ...
อยากอ่านต่อ...
เขียนดีอ่านสนุกครับ...
D...
ทำไมบางตอนเนื้อหาหายไปหมดเหลืออยู่แค่ไม่ถึง6บรรทัดเลย...
หลินหยาง...ผมอยากบอกว่า คุณมันกระจอก 5555...
บทหาย...
หายย...