ทุกคนมองไปตรงจุดศูนย์กลางค่ายกลเทียนเหยียนนั่นด้วยมึนงง
พวกเขามองไม่เห็นเงาร่างของหลินหยาง ได้ยินแค่เสียงร้องตะโกนด้วยความเจ็บปวดทรมานดังออกมาไม่ขาดสาย พื้นผิวก็สั่นสะเทือนอย่างต่อเนื่อง
ทุกคนไม่รู้ว่าความจริงแล้วหลินหยางเผชิญอยู่กับความเจ็บปวดทรมานแบบไหน แต่เมื่อฟังจากเสียงร้องตะโกนโหยหวนนี้ จะต้องทุกข์ระทมมากแน่นอน
“จิตใจยืนหยัดแน่วแน่มาก แต่น่าเสียดาย เขายืนหยัดได้ไม่เท่าไหร่”
เวลานี้ ผู้อาวุโสที่ถูกคนหามขึ้นอยู่ด้านข้างพูดขึ้นอย่างราบเรียบ
ทุกคนพากันมองไป
“คุณหมายความว่ายังไง?”ธิดาศักดิ์สิทธิ์ถามขึ้นด้วยน้ำเสียงอึมครึม
“เหอะ เด็กน้อย ฉันเห็นเธอพูดกับคนคนนั้นเมื่อกี้นี้ เธอน่าจะเข้าใจค่ายกลเทียนเหยียนใช่ไหมล่ะ? แต่ค่ายกลเทียนเหยียนที่เธอรู้มันแค่ฉบับแบบรวบรัด แต่ค่ายกลเทียนเหยียนที่อยู่ที่นี่มันคือระดับขั้นสมบูรณ์แบบ แต่เธอมองข้ามจุดที่น่ากลัวของค่ายกลเทียนเหยียนที่สมบูรณ์แบบนี้ไป! ระดับความแข็งแกร่งของค่ายกลนี้ แข็งแกร่งกว่าฉบับรวบรัดสิบเท่า โดยเฉพาะตราประทับกิเลนที่อยู่ตรงกลาง เป็นจุดที่แข็งแกร่งที่สุดของค่ายกล ฉันสามารถพูดกับเธอแบบไม่เกรงใจได้เลยว่า ค่ายกลนี้ไม่มีเวลาสิบชั่วโมง ก็ไม่สามารถขจัดทำลายมันได้หรอกนะ!”ผู้อาวุโสพูดขึ้น
“อะไรนะ?”
ธิดาศักดิ์สิทธิ์เบิกตาโพลงกว้างด้วยความมึนงงอึ้ง
พวกอี้เซียนเทียนเองก็มึนงง
เมื่อเป็นอย่างนี้ไม่ใช่ว่าหลินหยางกำลังเสียแรงเปล่าเหรอ?
“เมื่อพูดแล้วพวกแกก็แค่โชคร้าย! ห้องนี้พาทุกคนที่เข้ามาด้านในสุสานหลิวเหยียนไปจุดทดสอบที่แตกต่างกัน แค่ผ่านจุดทดสอบ ก็สามารถไปที่จุดศูนย์กลางของสุสานหลิวเหยียนได้ และการทดสอบมีทั้งยากและง่าย ทว่าพวกแกดันมาเจอค่ายกลเทียนเหยียนที่ยากที่สุด โชคชะตากลั่นแกล้งจริงๆเลย!”ผู้อาวุโสหัวเราะพูดขึ้น
“สารเลว!”
ธิดาศักดิ์สิทธิ์โมโหเดือดดาลเลยใช้มือข้างหนึ่งบีบคอผู้อาวุโส ตะคอกใส่ว่า“ฟังนะ หยุดค่ายกลนี้ซะ ได้ยินไหม? ไม่อย่างนั้นฉันจะฆ่าคุณ!”
“อยากจะฆ่าก็ลงมือเลยสิ! เธอคิดว่าฉันกลัวตายเหรอ? ฉันเฝ้าสุสานให้เจ้านายมาจะร้อยปี ก็แค่ต้องการที่จะขวางไม่ให้พวกแกเหล่านี้เข้าไปรบกวนเจ้านาย ฉันจะหยุดให้พวกแกได้ยังไง? เหอะๆ ฉันไม่ใช่คนขี้ขลาดรักตัวกลัวตาย!”ผู้อาวุโสหัวเราะอย่างราบเรียบ สีหน้าไม่ยี่หระ
ธิดาศักดิ์สิทธิ์โมโหจนตัวสั่นระริก
และแล้วเวลานี้ เสียงร้องตะโกนโหยหวนอันน่าเวทนาของหลินหยางก็ได้หยุดลงแล้ว
พื้นดินที่สั่นสะเทือนก็หยุดลงพร้อมกัน
“อะไรกัน?”
ทุกคนสีหน้าตื่นตะลึง พากันรีบมองไป
ทว่ากลับได้เห็นเปลวไฟสีดำที่อยู่ด้านในตราประทับกิเลนรุนแรงมากขึ้น และยังคงมองไม่เห็นเงาร่างของหลินหยาง
ปากเล็กของธิดาศักดิ์สิทธิ์เผยอขึ้นเล็กน้อย เธอมองไปด้วยความตื่นตะลึง และถอยหลังออกไปถึงสองก้าว
“คุณหลิน!”
อี้เซียนเทียนคุกเข่าลงบนพื้น ร้องไห้ด้วยความขมขื่น
พอหลินหยางตาย ก็ไม่มีคนสามารถขจัดโรคตกค้างของเทคนิคเปลวเพลิงได้อีกแล้ว
พอหลินหยางตาย พิษที่อยู่บนตัวของอี้เซียนเทียนก็ไม่สามารถขจัดไปได้ ไม่เพียงเท่านี้ ความเป็นอมตะที่เขาแสวงหาก็ไม่อาจเป็นไปได้!
ทุกคนจะไม่เสียใจได้ยังไง?
“สองชั่วโมง สองชั่วโมง….หาได้ยากมาก มันหาได้ยากมากจริงๆ”ผู้อาวุโสส่ายหัวไปมาเบาๆ พูดขึ้นอย่างราบเรียบ
ถ้าเป็นคนธรรมดาทั่วไป เกรงว่าสิบนาทีก็ไม่สามารถทนได้แล้ว
คนคนนี้กระตุ้นพลังพร้อมกับต้านทานค่ายกิเลน ช่างน่ากลัวเหลือเกิน
ทุกคนไม่รู้จะทำอย่างไรดี
อี้เซียนเทียนนั่งอยู่บนพื้น จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
ธิดาศักดิ์สิทธิ์สูดหายใจเข้าลึกๆ ค่อยๆปลุกจิตใจให้ฮึกเหิมขึ้นมา
“ในเมื่อหมอเทวดาหลินล้มเหลวแล้ว ผู้อาวุโส พาพวกเราออกไปเถอะ พวกเราไม่เข้าไปด้านในสุสานหลิวเหยียนแล้ว”ธิดาศักดิ์สิทธิ์พูดด้วยน้ำเสียงอึมครึม
“ออกไป? สายเกินไปแล้ว!”
ผู้อาวุโสน้ำเสียงแหบแห้งพูดว่า”ทางเข้าทางออกของสุสานหลิวเหยียนไม่ได้อยู่ที่เดียวกัน พวกแกอยากจะออกไปจากที่นี่ ทำได้เพียงออกไปทางบริเวณจุดศูนย์กลาง! ไม่มีทางออกอื่น ตอนนี้อยากจะออกไป ทำได้เพียงกระโดดข้ามค่ายกลเทียนเหยียนไป!”
“อะไรนะ?”
“อย่างนั้นหมายความว่า….พวกเราจะต้องตายอยู่ที่นี่ใช่ไหม?”
“ผู้อาวุโส ทางที่ดีรีบขจัดค่ายกลนี่ซะ ไม่อย่างนั้นก่อนที่พวกเราจะตาย ก็จะทำให้แกตายด้วย!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สุดยอดลูกเขยของเทพธิดา
อยากอ่านต่อครับ...
ลงวันละ10ตอนไม่ได้เหรคับ 5ตอนมันน้อยไป กว่าจะอ่านจบลืมหมดพอดี...
อ่านสนุกนางเอกค่อนข้างโง่ซื่อบื้อ...
อยากอ่านต่อ...
เขียนดีอ่านสนุกครับ...
D...
ทำไมบางตอนเนื้อหาหายไปหมดเหลืออยู่แค่ไม่ถึง6บรรทัดเลย...
หลินหยาง...ผมอยากบอกว่า คุณมันกระจอก 5555...
บทหาย...
หายย...