เข้าสู่ระบบผ่าน

สุดยอดลูกเขยของเทพธิดา นิยาย บท 2933

และช่วงเวลานี้เอง คนที่อยู่ในตำหนักพญามังกรแทบไม่กล้าที่จะหายใจ

พวกเขาทั้งหมดต่างก็ได้รับแรงสั่นสะเทือนจากลมปราณ

ความจริงพวกเขาไม่ได้รู้เลยว่านี่คือสิ่งที่หลินหยางตั้งใจทำให้เกิดขึ้น

พวกคนเหล่านี้มีจุดประสงค์อะไรหลินหยางนั้นรู้อยู่แก่ใจ อีกทั้งเขายังได้ยินบทสนทนาเมื่อครู่ของคนคนเหล่านี้เสียด้วยซ้ำ

เพราะโทรศัพท์มือถือของชวี่เทียนนั้นเป็นอุปกรณ์ตรวจสอบที่เชื่อมต่อกับห้องประชุม เขารู้ทุกความเคลื่อนไหวและทุกคำพูดของคนที่อยู่ภายในห้องนี้

เพราะฉะนั้น หลินหยางวางเเผนเพื่อที่จะเตือนคนเหล่านี้โดยการปล่อยลมปราณทั้งหมดเพื่อให้พวกเขาได้รับรู้และรู้สึกหวาดกลัว

“คะ…คุณคือหมอเทวดาหลินงั้นเหรอ?”

จื่ออ้ายเสียงสั่นและเเอบลอบกลืนน้ำลายลงคอ

“ฉันเอง ไม่ทราบว่าคุณผู้หญิงท่านนนี้มีอะไรรึเปล่า?”

หลินหยางมองไปที่จื่ออ้ายพร้อมกับเอ่ยถามด้วยใบหน้าที่ไร้ความรู้สึก

ดวงตาที่ดูลึกลับนั้นแทบมองทะลุจื่ออ้าย

จื่ออ้ายคล้ายว่าจะเปิดปากพูดอะไรสักอย่างแต่ก็ไม่กล้าที่จะพูดออกไปสักที เธอทำได้เพียงเเค่หดคอกลับและไม่พูดอะไรเลย

ความเย่อหยิ่งที่มีอยู่เมื่อครู่นั้นได้หายไปแล้ว

“หมอเทวดาหลิน! พวกเรามาที่นี่เพื่อที่ขอให้คุณช่วยปล่อยตัวลูกชายของเจ้าตำหนักมังกรม่วงของพวกเรา และคนที่เกี่ยวข้องพวกนั้น! หมอเทวดาหลินอย่าทำให้มันเป็นเรื่องยากสำหรับพวกเรา”

โจวโม่สูดลมหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นต้านเเรงกดดันทั้งหมดแล้วเริ่มเปิดปากพูด

“ปล่อยพวกเขาก็ทำให้เป็นเรื่องยากสำหรับฉัน พวกเขาทำลายศูนย์ผู้ป่วยของฉันที่อยู่ในเมืองหยางหัว ทำให้มีผู้ป่วยอีกหลายร้อยรายไม่มีที่อยู่อาศัย ตอนนี้พวกเราชาวเมืองหยางหัวกำลังเร่งสร้างศูนย์ผู้ป่วยใหม่ ขอเเค่พวกเราสร้างศูนย์ผู้ป่วยให้เเล้วเสร็จ พวกเราก็จะปล่อยตัวเขากลับตำหนักมังกรอย่างปลอดภัย” หลินหยางเอ่ยเสียงเรียบ

“ไอ้สารเลว! นั่นคือลูกชายของเจ้ามังกรม่วงเลยนะ จะใช้งานในฐานะคนงานได้ยังไงกัน?” ชายคนหนึ่งตะคอกเสียงดังด้วยความโกรธ พร้อมกับทุบโต๊ะเเละพ่นคำด่า

“ทำไม? นี่คุณดูถูกคนที่ใช้เเรงงานงั้นเหรอ?”

หลินหยางขมวดคิ้ว ลมปราณที่ปล่อยออกมาเริ่มทวีคูณขึ้น

เเรงดันของลมปราณเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า

โจโม่ทราบดีว่าไม่สามารถที่จะฉีกหน้าเขาต่อหน้าผู้คนได้ เธอได้เเต่พูดเสียงต่ำในลำคอว่า “ประธานหลิน พวกเราไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นนะคะ เเต่เพียงเเค่…คุณชายนั้นถูกตามใจมาตั้งเเต่เกิด เขาไม่เคยได้รับความลำบากเเบบนี้ ถ้าหากว่าคุณต้องการให้พวกเราชดใช้เงินของทั้งตึกและอาคาร พวกเราก็ไม่มีปัญหาค่ะ พวกเราจะชดใช้ให้นะคะ แต่ว่าคุณชายต้องกลับไปกับพวกเราด้วยค่ะ ถ้าไม่อย่างนั้นพวกเราก็ไม่สามารถที่จะกลับไปรายงานได้”

“แล้วอีกอย่าง ฉันหวังว่าหมอเทวดาหลินจะคิดให้ดีๆนะคะ คุณชายมีสถานะค่อนข้างที่จะพิเศษ ตอนนี้เรื่องนี้ท่านเจ้าตำหนักยังไม่ได้รายงานให้ราชามังกรได้ทราบเรื่อง ถ้าหากราชามังกรทราบเรื่องเข้าอาจจะถูกมองว่าน่าอับอายแน่ และถ้าหากว่าเรื่องนี้ไปรบกวนราชามังกรเข้า ปรมาจารย์ทั้งหมดอาจจะต้องออกมา เเละฉันเกรงว่าอาจจะไม่ได้ส่งผลดีต่อหมอเทวดาหลินสักเท่าไหร่”

โจวโม่พูดได้ดีมีระดับ คำพูดของเธอนั้นทั้งอ่อนเเละเเข็ง เเละในเวลาเดียวกันก็กึ่งบังคับและล่อลวง

แต่ทว่าหลินหยางกลับไม้ได้ฟังเเล้วรู้สึกลื่นหูสักเท่าไหร่

“เพราะงั้น คุณเลยกำลังขู่ผมอย่างนั้นเหรอ?”

หลินหยางถามด้วยน้ำเสียงที่หนักเเน่น

“หมอเทวดาหลินเข้าใจผิดแล้ว ฉันเพียงเเค่พูดเพื่อให้เห็นทั้งประโยชน์และผลเสียที่จะตามมาเเค่นั้นเอง”

โจวโม่ส่ายหัวและพูดเเก้ต่าง

“ถ้าเป็นเเบบนั้น คุณก็ควรที่จะแสดงความบริสุทธิ์ใจหน่อยสิ”

หลินหยางพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆว่า “เงินของอาคารที่สิบพวกคุณสามารถติดต่อไปที่บัญชีของหยางหัวได้โดยตรงเลย ได้รับเงินเมื่อไหร่ก็จะปล่อยคนเมื่อนั้น”

“เพราะฉะนั้น ตอนนี้พวกเราไม่สามารถที่จะพาคุณชายกลับไปด้วยได้อย่างนั้นเหรอ?”

ใบหน้าของโจวโม่เริ่มถมึนตึง

“ฉันพูดเเล้วไม่ใช่เหรอว่า ได้เงินเมื่อไหร่ถึงจะปล่อย เงินมาของไปไง นี่พวกคุณรู้ธรรมเนียมกันรึเปล่า?”

หลินหยางพูดด้วยนำเสียงค่อนข้างที่จะอารมณ์ดี

“นี่คุณ…”

จื่ออ้ายเริ่มที่จะโมโห เตเ่พอหลินหยางมองเธอก็รู้สึกอายขึ้นมาอีกครั้ง

โจวโม่หลับตาลงอยู่ครู่หนึ่ง เขาเดินไปข้างๆแล้วหยิงโทรศัพท์ขึ้นมาพร้อมกับกดหมายเลข

หลังจากนั้นไม่นานเขาก็หันกลับมาพร้อมกับพูดว่า “ได้! เจ้าตำหนักอนุญาตแล้ว คิดว่าน่าจะรออีกไม่นานเงินก็จะได้! แต่ในระหว่างนี้พวกเราขอพบคุณชายก่อน!”

“ได้ ไม่มีปัญหา!”

หลินหยางมองไปที่นอกหน้าต่างเเล้วพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ตอนนี้ก็เที่ยงเเล้ว ผมเดาว่าคุณชายของพวกคุณคงกินข้าวอยู่ที่โรงอาหาร หากทุกท่านไม่รังเกียจล่ะก็ ไปทานข้าวกับผมด้วยเลยก็เเล้วกัน! ”

โจวโม่ จื่ออ้าย รวามถึงคนอื่นๆรู้สึกว่าหลินหยางกำลังต้อนรับพวกเขา ถึงจะไม่ใช่การจัดเลี้ยงแบบเป็นทางการก็ตาม แต่อย่างน้อยก็คงจะได้รับการต้อนรับจากโรงเเรมระดับห้าดาว?

แต่เมื่อทุกคนตามหลินหยางมาถึงโรงอาหาร ทุกคนต่างพากันอึ้ง

ที่นี่เป็นโรงอาหารธรรมดาๆ ไม่ว่าจะเป็นคนงานต่างชาติหรือชาวเมืองหยางหัว ทุกคนล้วนพากันเข้าเเถวต่อคิวเพื่อซื้ออาหาร

“นี่คุณให้พวกฉันมากินข้าวที่โรงอาหารนี้งั้นเหรอ?”

จื่ออ้ายมองไปที่หลินหยางพร้อมกับทำตาโตอย่างคาดไม่ถึงว่าหลินหยางจะพาพวกเขามากินข้าวที่นี่

“มีปัญหาอะไรรึเปล่า? ปกติแล้วฉันก็กินที่นี่นะ”

หลินหยางชำเลืองมองไปที่เธอ

“เร็วเข้าๆ พวกพี่ยืนข้างหลังฉันนะ อย่าให้คนอื่นมาแทรกได้ล่ะ”

โจวสืออวิ้นพูดพร้อมกับไปยืนด้านหน้าเป็นหัวเเถว

จื่ออ้าย โจวโม่ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาสักคำ แต่ก็ยังยืนอยู่ด้านหลังของเขา

เรื่องที่สืออวิ้นอยู่ที่นี่จะให้เจ้าตำหนักรู้ไม่ได้ เพราเกรงว่าเจ้าตำหนักจะรับไม่ได้กับเรื่องที่กระทบกับความรู้สึก

โจวโม่ลังเลที่จะพูดออกมา

ทุกคนต่างพากันพยักหน้า

ผ่านไปไม่นาน ทุกคนก็ตักข้าวมาเต็มถ้วย

สีของอาหารดูจืดชืด อารมีทั้งหมดสี่เมนูเเละน้ำซุปอีกหนึ่งจนทำให้คนที่ถือนั้นนิ้วหัวเเม่มือสั่นเพราะหนัก

แต่คนของตำหนักราชามังกรที่คุ้นเคยกับอาหารทะเลแน่นอนว่าไม่ได้ทำให้พวกเขานั้นตื่นเต้นกับอาหารตรงหน้าเลย

เเต่โจวสืออวิ้นกลับกินลงไปโดยไม่ลังเล

ทุกคนไม่มีใครขยับตะเกียบแม้เเต่คนเดียว โจวสิออวิ้นตกใจ

“เอ้าพี่ถัง พี่อ้ายพวกพี่มัวเเต่อึ้งอะไรกันอยู่? กินสิ!” เขาพูดเร่งให้กินอาหารตรงหน้า

“สืออวิ้น อาหารพวกนี้นายกินลงได้ยังไง?” จื่ออ้ายอดไม่ได้ที่จะถามออกไปด้วยเสียงที่เบา

“พี่อ้าย ตอนที่ฉันมาถึงที่นี่เเรกๆก็เหมือนกับพวกพี่นี่เเหล่ะ แต่ฉันหิวจนทนไม่ไหวเลยกินไปหนึ่งคำ แบบนี้ พี่ก็ลองกินดูสิ พี่กินเเค่คำเดียวก็จะรู้เลย”

โจวสืออวิ้นหัวเราะเบาๆพร้อมกับพูดเพื่อเชื้อเชิญพี่ๆของเขาให้กินอาหาร

“อาหารแบบนี้ ขนาดเอาให้หมูที่ตำหนักกินยังไม่มีคุณสมบัติ ดูอันที่ดำๆตรงนี้สิ นี่มันอะไรกัน? ฉันไม่กินหรอก!”

จื่ออ้ายพูดด้วยความคับเเค้นใจพร้อมกับกอดอก

“พี่อ้าย นี่มันของดีเลยนะ! ผมรับรองเลยว่าพี่ไม่เคยกินอย่างเเน่นอน ลองชิมดูสักชิ้น แค่คำเดียว!”

โจวสืออวิ้นหยิวสิ่งที่ดูเหมือนเป็นสิ่งที่คล้ายกับเห็ดแต่ก็ไม่ใช่เห็ด เขาคีบมาวางใกล้จมูกของจื่ออ้าย จากนั้นเขย่าเบาๆไปมา

กลิ่นนั้นหอมโชยเข้าจมูก

จื่ออ้ายมีท่าทีตะลึงอยู่เล็กน้อย รู้สึกว่ากลิ่นหอมเเบบนี้มันตราตรึงใจเเละเชิญชวน

เธอลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เเละเมื่อเห็นว่าโจวสืออวิ้นดูท่าทางดีใจและตื่นเต้น ความลังเลเมื่อครู่นั้นหายไป จากนั้นเธอหยิบเอาช้อนที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมาแล้วตักอาหารคำเล็กๆแล้วเอาเข้าปาก เธอค่อยๆเคี้ยวอยู่สองสามที

นาทีนั้นเองรูม่านตาของจื่ออ้ายขยายกว้างพร้อมกับร่างกายที่เเข็งค้างอยู่อย่างนั้น

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สุดยอดลูกเขยของเทพธิดา