"คุณหลินครับ เพียงแค่ความโกรธเคืองในช่วงระยะเวลาสั้นๆ ทำไมจะต้องทำให้คนของหุบเขาอูซานขุ่นเคืองด้วยล่ะ? นี่จะไม่ใช่การได้ไม่คุ้มเสียเหรอครับ?"
ระหว่างทางที่ไปยังห้องประชุม ในที่สุดฉู่ชิวก็อดทนไม่ไหว จึงเอ่ยปากกับหลินหยาง
แต่ไม่รอให้หลินหยางอธิบาย เจ้าเมืองหนานหลี่เฉิงก็กล่าวขึ้นก่อนว่า: "สหายฉู่ อันที่จริงท่านหลินก็ตรึกตรองถึงพันธมิตรเหมือนกัน เพราะถ้าหากบอกว่าทุกคนสามารถขี่ม้าได้ แต่มีเพียงพวกเราที่จะต้องลงจากม้าแล้วเดินเข้าไป นั่นไม่ชัดเจนว่าพันธมิตรชิงเซวียนของพวกเราอ่อนแอเก้นไปหรอกเหรอ? ฉะนั้นท่านหลินจึงปฏิเสธคำขออันไร้มารยาทของคนเหล่านี้ ไม่เช่นนั้นสำนักชิงเซวียนของพวกเราก็จะยิ่งถูกคนดูหมิ่นดูแคลนได้!"
"เจ้าเมืองหนานหลี่เฉิงพูดถูก! ครั้งนี้พวกเรามาเป็นพันธมิตร ถ้าหากพวกเราถูกคนเหล่านี้กลั่นแกล้ง เช่นนั้นก็จะไม่มีใครสนใจพันธมิตรชิงเซวียนของพวกเราอีก ถึงแม่ว่าฉันก็ไม่ได้ให้ความสำคัญกับพันธมิตรคนอื่นๆ มากนัก แต่ทุกท่านเข้าร่วมกับพันธมิตรชิงเซวียน ก็ถือว่าร่วมกับฉันโจมตีตำหนักเทียนเสิน แน่นอนว่าฉันจะต้องสร้างความผาสุกให้กับทุกท่าน ถ้าหากพันธมิตรชิงเซวียนขอเรายังสามารถถูกหอเหลยเจ๋อเทียนและพันธมิตรอื่นๆ ให้ความสนใจได้อีก ฉะนั้นหลังจากที่รบชนะตำหนักเทียนเสินแล้ว ทุกท่านก็ยังสามารถได้รับสิทธิประโยชน์ที่สมควรได้รับอีกด้วย!"
หลินหยางกล่าวอย่างนิ่งๆ
"ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้เอง"
ฉู่ชิวเข้าใจได้ในทันที
"แต่ว่า....ทางด้านหุบเขาอูซาน....ควรจะให้คำอธิบายอย่างไรดีล่ะ?"
หัวเวยเวยกล่าวถามอย่างเป็นกังวล
"กลัวอะไรล่ะ? หากพวกเขามีอะไรไม่พอใจ ก็ให้พวกเขามาลงมือมาได้เลย! พวกเราไม่กลัวพวกเขาอยู่แล้ว!" หนานซิ่งเอ๋อร์กล่าวด้วยความโมโหเดือดดาล
"ซิ่งเอ๋อร์ อย่าใจร้อน!"
เจ้าเมืองหนานหลี่เฉิงกล่าวด้วยเสียงเคร่งขรึม
หนานซิ่งเอ๋อร์ที่อยากจะพูดก็หยุดลง ในที่สุดก็ไม่ได้เอ่ยปากอีก
"เข้าไปกันก่อนเถอะ!"
หลินหยางกล่าวอย่างสงบนิ่ง
กลุ่มคนขี่ม้าไปยังใจกลางของดินแดนปัญจธาตุ
ในนี้มีเต็นท์ขนาดใหญ่ที่สร้างเอาไว้ชั่วคราว ด้านล่างของเต็นท์ปกคลุมไปด้วยวงเวทย์ ซึ่งปิดกั้นเสียงจากภายใน
ด้านนอกและด้านในของเต็นท์มียอดฝีมือยืนอยู่จำนวนไม่น้อย มีทุกตระกูลอยู่ทั้งหมด
คนสองสามคนเข้าไปใกล้ สายตาของทุกคนที่อยู่ในสถานที่ตรงนั้นต่างก็จับจ้องมองเข้ามา
"พวกคุณเป็นใครกัน?"
คนคนหนึ่งที่สวมชุดหอเหลยเจ๋อเทียนเดินมุ่งตรงเข้ามา
หลินหยางนำบัตรเชิญโยนเข้าไป
คนคนนั้นรับไว้ อ่านดูเล็กน้อย แล้วคารวะหลินหยางทันที
"ที่แท้ก็เป็นขบวนผู้มาเยือนของผู้นำพันธมิตรหลินนี่เอง ฉันต้อนรับไม่ทั่วถึง ขอผู้นำพันธมิตรหลินได้โปรดอภัยด้วยครับ!"
"ผู้นำกพันธมิตรหลิน ผู้นำหอเฮ่าเทียนรวมทั้งผู้นำพันธมิตรทุกท่านรออยู่ในเต็นท์ใหญ่เป็นเวลานานแล้วครับ และการประชุมก็กำลังจะเริ่มต้นขึ้น ผู้นำพันธมิตรหลินได้โปรดรีบเข้าไปในเต็นท์เถอะครับ!"
น้ำเสียงเกรงใจและเคารพนบนอบเป็นอย่างมาก
ถึงอย่างไรคนของหอเหลยเจ๋อเทียนก็ไม่เหมือนกันกันคนอื่นๆ หลินหยางเคยเข้าไปในสุสานเทพสูงสุดแทนหอเหลยเจ๋อเทียน อีกทั้งยังสามารถมีชีวิตออกมาได้ กระทั่งเคยประมือกับนักปราชญ์เย่เหยียนโดยตรงอีกด้วย
สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่คนทุกคนของหอเหลยเจ๋อเทียนได้พบได้เห็นมากับตาตัวเอง พวกเขาจะกล้าไม่เคารพนบนอบต่อหลินหยางได้อย่างไรกัน?
"โอเค!"
หลินหยางพยักหน้า คนคนนั้นเข้ามาจูงม้าทันที
และกลุ่มคนก็เดินเข้าไปในเต็นท์
หลินหยางพาคนมาน้อย จึงไม่จำเป็นต้องรออยู่ข้างนอก และตามเข้าไปในเต็นท์ทั้งหมด
แต่หัวเวยเวยไม่กล้าเข้าไปในเต็นท์
หลินหยางก็เข้าใจถึงความกลัวของเธอ
"คุณเวยเวย ถ้าหากคุณไม่อยากเข้าไป ก็รอฉันอยู่ข้างนอกก็ได้!"
หลินหยางกล่าวแล้วยิ้มอย่างนิ่งๆ
หัวเวยเวยพยักหน้า: "คุณหลิน เช่นนั้นฉันขอรออยู่ข้างนอกก็แล้วกัน"
"ได้!"
หลินหยางมองไปยังคนของหอเหลยเจ๋อเทียนที่อยู่ข้างๆ : "คอยดูแลคุณหัวให้ดีนะ อย่าให้เธอต้องรู้สึกน้อยใจแม้แต่น้อย!"
"ผู้นำพันธมิตรหลินวางใจเถอะครับ ไม่มีใครกล้ามุทะลุเช่นนี้หรอกครับ!"
คนคนนั้นคำนับทันที
หยินหยางจึงเดินเข้าไปในเต็นท์ใหญ่
แต่ทว่าทันทีที่เขายกม่านนั้นขึ้น พลังอันมหาศาลก็จู่โจมเข้ามาที่เขาทันที
เจ้าเมืองหนานหลี่เฉิง ฉู่ชิว และหนานซิ่งเอ๋อร์ที่อยู่ข้างๆ ต่างก็ถูกพลังอันมหาศาลนี้ห่อหุ้มเอาไว้ ขาทั้งคู่ของแต่ละคนก็สั่นสะท้านเล็กน้อย จนแทนจะยืนไม่อยู่.....
หลินหยางขมวดคิ้วแน่น แล้วมองเข้าไปในเต็นท์ขนาดใหญ่
เห็นเพียงภายในเต็นท์ขนาดใหญ่มีโต๊ะหินขนาดใหญ่โต๊ะหนึ่งวางอยู่
โดยรอบโต๊ะหินมีคนนั่งล้อมอยู่สองสามคน ซึ่งพลังของแต่ละคนมีความแข็งแกร่งสูงสุด มีหยูซานสุ่ย หวางอี้เซิงและคนอื่นๆ ซึ่งไม่มีใครที่มีศักยภาพอ่อนแอแม้แต่คนเดียว
และด้านหลังของคนเหล่านี้ มีกลุ่มคนยืนอยู่ ซึ่งคนเหล่านี้ก็ไม่ธรรมดาเหมือนกัน มีศักยภาพอันน่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างยิ่ง
พลังอันมหาศาลที่จู่โจมเข้ามา มันถูกปล่อยออกมาจากคนสองสามคนที่อยู่ทางด้านซ้ายของโต๊ะหิน
คนสองสามคนนี้ทั้งหล่อและสวย ผู้ชายล้วนเป็นคนหล่อที่มีส่วนสูงเกือบสองเมตรมีรูปร่างอันสง่างาม ส่วนผู้หญิงก็มีผิวขาวงดงาม มีบุคลิกอรชรอ้อนแอ้น สวมเสื้อผ้าที่เปิดเผยทำให้คนหลงใหล
และด้านหน้าของพวกเขา มีผู้หญิงสวมชุดผ้าแพรสีม่วงคนหนึ่งริมฝีปากแดงฟันขาวดวงตากลมโตทั้งคู่ราวกับดอกท้อ กำลังพิจารณาหลินหยางอยู่
ขาขาวเรียวยาวของผู้หญิงที่ไขว่ห้างอยู่ ด้านล่างของกระโปรงค่อนข้างโปร่งและมองเห็นขาอันเรียวยาวที่ขาวราวกับหิมะได้ ซึ่งดึงดูดสายตาของชายหนุ่มโดยรอบ และเส้นเลือดของทุกคนก็ขยายตัวในทันที
หลินหยางกวาดสายตามองผู้หญิงคนนั้นเล็กน้อย จากนั้นก็โบกมือ ไล่พลังอันมหาศาลนี้ให้สลายไป และเดินมุ่งตรงไปที่โต๊ะหิน
"สหายหลิน อ้อไม่ใช่สิ ควรจะเรียกว่าผู้นำพันธมิตรหลิน ไม่ได้เจอกันนานเลยนะครับ!"
เหลยหู่เรียกหลินหยางด้วยใบหน้าที่แฝงไปด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย
หลินหยางมองไปยังเหลยหู่
แต่ก็เห็นว่าด้านหลังของเขาในเวลานี้มีชายวัยกลางคนคนหนึ่งยืนอยู่
ชายคนนั้นสวมชุดคลุมสีม่วงเมฆสายฟ้า ผมเผ้าหงอกขาวราวกับหิมะ หน้าตาเรียบร้อย มีริ้วรอยที่หางตา และจากสีหน้าเผยให้เห็นความมีเมตตาและอ่อนโยน ซึ่งคนดูเป็นมิตรอย่างมาก คล้ายกับเป็นเพื่อนบ้านกัน
จู่ๆ พลังแห่งสวรรค์ก็ปะทุขึ้นมาทั่วตัวของหลินหยาง คนกลายเป็นกระแสน้ำอันน่าสะพรึงกลัว และพุ่งไปยังผู้ชายคนนั้นโดยตรง
ผู้ชายคนนั้นตกใจจนหน้าถอดสี กระแสน้ำขนาดมหึมานี้ทำให้เขาตกใจจนสั่นไปทั้งตัว และขยับตัวไม่ได้
เขาเบิกตาโพลง มองหลินหยางที่พุ่งเข้ามา ในดวงตาเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง
นี่คือเจตนาสังหารอันสั่นสะเทือนเลื่อนลั่น!
ทุกคนต่างก็ตกใจเป็นอย่างยิ่ง!
ใครๆ ต่างก็ไม่คาดคิดว่า วินาทีก่อนหน้านี้หลินหยางยังสงบนิ่งราวกับสาวพรหมจารีอยู่เลย แต่จู่ๆ กลับลงมืออย่างโหดเหี้ยม
อีกทั้งการลงมือ ก็คือมือสังหาร!
"หยุดนะ!"
ผู้หญิงคนหนึ่งรู้สึกตกใจ จึงนั่งไม่ติดอีกต่อไป เธอยกมือขึ้นมาทันที และตั้งใจจะขวางหลินหยาง
แต่ต่อให้เป็นผู้หญิงออกมือ หลินหยางก็ไม่ได้มีเจตนาที่จะออมมือแม้แต่น้อย
การโจมตีอันรุนแรงนี้ ทำให้คนต่างก็ตกตะลึง
แม้จะเป็นผู้หญิงแต่ก็รู้สึกถึงแรงกดดันเป็นสองเท่า
แต่ในขณะที่ทั้งสองฝ่ายกำลังจะปะทะกัน
"ทุกท่านได้โปรดอย่าใจร้อนไปเลย!"
เสียงอันเย็นชาเสียงหนึ่งดังขึ้นมา
จากนั้นม่านอันโปร่งแสงก็ปรากฏขึ้นระหว่างคนทั้งสอง
ตึง!
พลังอันรุนแรงของหลินหยางกระทบเข้ากับม่านอย่างแรง และถูกม่านดูดซับไปจนหมด
หลินหยางหยุดลง ขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วมองไปตามเสียง
เป็นเฮ่าเทียนเองที่ออกมือ!
แต่เห็นเฮ่าเทียนที่ลุกขึ้นอย่างช้าๆ และมองไปยังสองฝ่ายอย่างสงบนิ่ง: "ทุกท่านเป็นฝ่ายเดียวกันที่ต้องการจะโจมตีตำหนักเทียนเสิน แล้วเหตุใดถึงมาสู้ห้ำหั่นกันเช่นนี้? ไว้หน้าฉันบ้าง ได้โปรดปล่อยวางความแค้นแต่เก่าก่อนด้วยเถอะ!"
เฮ่าเทียนเอ่ยปาก แน่นอนว่าไม่มีใครกล้าฝ่าฝืน
"ผู้นำหอเฮ่าเทียน คนคนนี้มีเจตนาสังหารคนของพวกเรา ไม่ใช่ฉันที่ก่อเรื่องวิวาทนะ!"
อูหงกวาดสายตามองหลินหยาง แล้วกล่าวอย่างไม่พอใจ
"คุณอาจจะเข้าใจผิดแล้วล่ะ"
หลินหยางส่ายหน้า: "ฉันไม่เพียงแต่ต้องการจะสังหารคนของคุณ แต่ฉันอาจจะสังหารคุณด้วยซ้ำไป!"
"คุณว่าอะไรนะ?"
ลมหายใจอูหงสั่นสะท้าน ไม่อยากจะเชื่อ

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สุดยอดลูกเขยของเทพธิดา
ทำไมขาดๆหายๆ...
อยากอ่านต่อครับ...
ลงวันละ10ตอนไม่ได้เหรคับ 5ตอนมันน้อยไป กว่าจะอ่านจบลืมหมดพอดี...
อ่านสนุกนางเอกค่อนข้างโง่ซื่อบื้อ...
อยากอ่านต่อ...
เขียนดีอ่านสนุกครับ...
D...
ทำไมบางตอนเนื้อหาหายไปหมดเหลืออยู่แค่ไม่ถึง6บรรทัดเลย...
หลินหยาง...ผมอยากบอกว่า คุณมันกระจอก 5555...
บทหาย...