เย่เหยียนสามารถข้ามขั้นตอนที่สำคัญไปได้อย่างราบรื่น เมื่อเข้าสู้ดินแดนเทพเซียนแห่งแผ่นดินที่ทึ่งโลกต่างเลื่อมใสศรัทธา จึงอาศัยแรงกดดันร่วมกันของผู้นำสูงสุดและเจ้าแห่งสำนักของดินแดนแห่งความเงียบและความตาย เพื่อนำศักยภาพในร่างกายของเขาออกมาโดยสิ้นเชิง เช่นนี้จะสามารถประสบความสำเร็จอย่างสูงได้
แต่หลินหยางที่ต้องการจะมาถึงจุดนี้ได้ กลับไม่ง่ายเลย
อันที่จริงแล้วเขาเข้าใจคำและภาพบนผนังอย่างทะลุปรุโปร่ง แต่เขาไม่มีโอกาสนี้ เขาจึงยังคงติดอยู่ในจุดที่สำคัญจุดนี้
สิ่งนี้ไม่ใช่อาศัยเพียงแค่ความสามารถในการเข้าใจและความทุ่มเทพยายามของตนเองแล้วจะสามารถทำได้
เมื่อเห็นว่าทุกๆ คนไม่เข้าใจถึงความลึกล้ำในนั้น จึงทำได้เพียงแค่เลือกที่จะยอมแพ้
แต่อูหงไม่ล้มเลิกความคิด เธอฉีกเสื้อออกหนึ่งชิ้น และกัดนิ้วมือ และใช้เลือดวาดลงไปบนตัวอักษรและรูปภาพบนผนัง มองดูแบบนี้ และคิดกลับไปกลับมาค่อยๆ ทำความเข้าใจมัน
เจ้าเมืองหนานหลี่เฉิงกับผู้นำหมู่บ้านยวินเสี้ยวเริ่มมองหากลไกเพื่อหลินหยางอย่างตรงไปตรงมา
ด้วยพลังความสามารถของคนจำนวนมาก เวลาผ่านไปเพียงธูปไม่ถึงครึ่งก้าน หัวเทียนไห่ก็ค้นพบ
"ท่านหลิน ที่นี่มีช่องลับ!"
หลินหยางได้ยินเช่นนั้น ก็เดินเข้าไปในทันที
เขาเห็นว่าบริเวณที่วางแขนของเก้าอี้บนตำหนัก มีอัญมณีชิ้นหนึ่งที่สามารถเคลื่อนย้ายได้
ดูเหมือนว่าอัญมณีจะฝังอยู่บนเก้าอี้ แต่ถ้ากดมันลงไปมันจะสามารถเคลื่อนย้ายไปมาได้
"นี่เป็นกลไกของประตูบานนั้นเหรอ?"
เจ้าเมืองหนานหลี่เฉิงเอ่ยถาม
"ไม่รู้สิ บางทีอาจจะต้องลองดู"
"ท่านหลิน ระวังไว้ด้วยก็ดีนะ หากเข้าใจผิดและไปแตะต้องกลไกแปลกๆ อะไรเข้า มันจะแย่นะ!"
"วางใจเถอะ"
หลินหยางกล่าวอย่างนิ่งๆ จากนั้นก็กดลงไปที่อัญมณี และเลื่อนไปที่ด้านข้าง
พร้อมกับอัญมณีที่เคลื่อนย้ายไป จู่ๆ ตำหนักก็สั่นสะเทือนขึ้นมาเบาๆ
"เกิดอะไรขึ้น?"
"หรือว่าไปแตะต้องโดนกลไกการป้องกันการรุกรานในตำหนัก?"
"ทุกท่านระวังตัวด้วย!"
ทุกๆ คนต่างเตรียมความพร้อม และรีบรวมตัวกัน มองไปรอบๆ ด้านอย่างระมัดระวัง
แต่ทว่าการสั่นไหวของตำหนักนี้ ไม่ได้มีการป้องกันการรุกรานแต่อย่างใด พื้นตรงกลางตำหนักได้แยกออก จากนั้นโลงศพคริสตัลโปร่งใสก็ค่อยๆ เลื่อนขึ้นมา
สายตาของทุกคนจับจ้องไปทาโลงศพนั้น
โลงศพที่ตกแต่งงดงาม ก็ไม่รู้ว่าใช้วัสดุอะไรสร้างขึ้นมา แต่ภายในแสงที่สลัวๆ มันเปล่งประกายเจิดจ้า
และภายในโลงศพ มีศพที่กลายเป็นโครงกระดูกนอนอยู่ ที่ด้านหน้าโลงศพมีแผ่นหินอันหนึ่ง
"สุสานจักรพรรดิเป่ยเฉิน!"
"เมื่อเห็นสุสานของฉัน จะต้องกราบสามครั้งคำนับเก้าครั้ง!"
อูหงจ้องมองตัวอักษรบนแผ่นหิน และอ่านออกมา
"คนในโลงศพนี้คือจักรพรรดิเป่ยเฉินเหรอ?"
ผู้นำหมู่บ้านยวินเสี้ยวขมวดคิ้วและกล่าว
"หึ เขาถือตัวขนาดนี้เลยเหรอ? ตายไปแล้วยังจะทำอย่างนี้อีก? กราบสามครั้งคำนับเก้าครั้ง? เขาคิดว่าตนเองเป็นใครกัน? บรรพบุรุษฉันอย่างนั้นเหรอ?"
ใบหน้าของอูหงเต็มไปด้วยความดูถูกเหยียดหยาม
แต่หลินหยางกลับพิจารณาอยู่ครู่หนึ่ง และจู่ๆ ก็ก้าวไปข้างหน้า กราบสามครั้งคำนับเก้าครั้งไปที่แผ่นหิน ด้วยท่าทางที่เคารพและศรัทธาเป็นอย่างยิ่ง
"ผู้นำพันธมิตรหลิน?"
ทุกคนต่างตกตะลึง
"ฉันได้เข้าใจความลับในการเข้าสู่ดินแดนเทพเซียนแห่งแผ่นดินจากตัวอักษรและรูปภาพที่ผู้อาวุโสท่านนี้ทิ้งเอาไว้ เขาก็ถือว่าเป็นกึ่งอาจารย์ของฉัน ถ้าได้กราบสามครั้งคำนับเก้าครั้งต่ออาจารย์ มันจะไม่ควรเลยเหรอ?"
หลินหยางกล่าว
ทุกๆ คนไม่พูดอะไร
แต่ในเวลานี้
ครืนนน
ทันใดนั้นฝาโลงศพคริสตัลก็เปิดออก จากนั้นแสงสว่างโชติช่วงก็พุ่งออกมาจากปากของโครงกระดูกในโลงศพ และเหมือนกับล็อกเอาไว้ที่หลินหยาง มุ่งไปที่ร่างกายของเขาโดยตรง
ทันใดนั้น ร่างกายของหลินหยางก็ปล่อยแสงสีฟ้าออกมา ดูมหัศจรรย์อย่างมาก
ผู้คนโดยรอบต่างล่าถอยออกไป และร้องอย่างตกตะลึงไปตามๆ กัน
เมื่อแสงนี้หายไป ลมปราณบนตัวของหลินหยางก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างน่าทึ่ง
"ผู้นำพันธมิตรหลิน ท่านรู้สึกอย่างไรบ้าง?"
อูหงรีบเอ่ยถาม
"ฉันรู้สึกว่าร่างกายและประสาทสัมผัสของตนเองนั้นดีขึ้นอย่างมาก......"
หลินหยางมองมือทั้งสองของตนเอง และอดไม่ได้ที่จะกล่าวว่า
"ที่แท้ก็ยังมีผลดีเช่นนี้?"
อูหงรีบพุ่งเข้าไป คำนับแผ่นหินนั้นไม่หยุด
แต่ว่าครั้งนี้ โลงศพคริสตัลไม่มีการเปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย.....
"เกิดอะไรขึ้น?"
อูหงตกตะลึง
"คุณโขกหัวคำนับไม่เพียงพอหรือเปล่า?"
หนานซิ่งเอ๋อร์ที่อยู่ข้างๆ อดไม่ได้ที่จะกล่าวด้วยรอยยิ้ม
"จริงเหรอ?"
อูหงตกตะลึง กัดฟันแน่น และโขกหัวลงไปที่พื้นอย่างแรงอีกครั้ง เสียงโขกดังตึงๆ แต่ก็ยังคงไร้ประโยชน์
"อย่าเปลืองแรงเลยท่านอูหง ฉันคิดว่าโอกาสดีๆ เช่นนี้ น่าจะมีเพียงแค่ครั้งเดียว เจ้าตำหนักท่านนี้คงไม่ได้ให้ทุกคนได้รับมันหรอก"
เจ้าเมืองหนานหลี่เฉิงเอ่ยปาก
"นี่มัน....น่ารังเกียจจริงๆ!"
อูหงรู้สึกไม่พอใจ
แต่เธอไม่กล้าโกรธหลินหยาง อย่างไรเสียท่านนี้แม้แต่นักปราชญ์เย่เหยียนก็ต้องพ่ายแพ้ แล้วเธอจะเป็นศัตรูกับหลินหยางได้อย่างไร?
ภายใต้ความโมโห อูหงจึงเดินเข้าไปที่โลงศพทันที และเตะเข้าไปอย่างแรง
"ไอ้สารเลว มึงหลอกให้กูคำนับเหรอ? เชื่อไหมล่ะว่ากูจะดึงมึงออกมาจากโลงศพเลย!"
อูหงด่าทอ จากนั้นก็ออกแรง ต้องการจะเตะโลงศพนั้นให้คว่ำ
"หยุดนะ!"
หลินหยางตวาดออกมา และพุ่งตัวไปที่ด้านข้างของอูหง
"ทำไมผู้นำพันธมิตรหลิน? หรือคุณคิดว่าเขาเป็นอาจารย์ของคุณจริงๆ?"
"ไม่ใช่ นั่นคือพลังพิเศษประเภทหนึ่ง พลังประเภทนั้นละเอียดอ่อนกว่าพลังจิตสัมผัสฟ้าดินอีก!"
หัวเทียนไห่สูดลมหายใจเข้าลึกๆ และกล่าวด้วยน้ำเสียงแหบพร่า
สายตาของทุกๆ คนมุ่งความสนใจไปที่หัวเทียนไห่ทันที
"ท่านหัวเทียนไห่ ท่านรู้จักพลังมังกรด้วยเหรอ?"
"ก็รู้มาบ้าง ฉันเคยได้ยินคนพูดถึงมัน! ว่ากันว่าข้างล่างของดินแดนแห่งความเงียบและความตาย มีชีพจรมังกรอยู่เส้นหนึ่ง! และใจกลางของชีพจรมังกรนี้ มีพื้นที่แห่งหนึ่ง โดยคนกลุ่มหนึ่งได้อาศัยอยู่ และคนเหล่านี้ล้วนมีเล่ห์กลที่เหนือกว่าคนธรรมดาทั่วไป เป็นการมีอยู่ที่น่าตื่นตกใจ พวกเขาจะถูกฝากไว้รอบๆ ชีพจรมังกร และต้องการดูดซับพลังมังกร จุดประสงค์ก็เพื่อบรรลุถึงความเป็นอมตะ!"
หัวเทียนไห่กล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
คนเหล่านั้นมองหน้ากันไป มองหน้ากันมา และเผยให้เห็นสีหน้าที่ตกตะลึง
"มีเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอ?"
ทุกๆ คนเพิ่งเคยได้ยินเป็นครั้งแรก
คนใต้ดินงั้นเหรอ?
"เช่นนี้ก็หมายความว่า ประตูบานนี้ก็เป็นทางผ่านไปยังเขตของชีพจรมังกรใช่ไหม?"
ผู้นำหมู่บ้านยวินเสี้ยวจ้องมองประตูบานใหญ่ และกล่าวอย่างเคร่งขรึม
"ฉันคิดว่าน่าจะเป็นเช่นนั้นนะ!"
หัวเทียนไห่พยักหน้า และเดินไปข้างประตูบานนั้น และสัมผัสได้ถึงพลังมังกรเล็กน้อยที่รั่วไหลออกมาจากด้านใน เขาจึงถอยออกไปด้วยความตกใจ หายใจกระชั้น บนใบหน้าเผยให้เห็นถึงความหวาดกลัว
"ช่างน่ากลัวเหลือเกิน!"
หัวเทียนไห่กล่าวด้วยความหวาดกลัว : "ลมปราณนี้ช่างแข็งแกร่งจริงๆ! นี่คือพลังมังกรใช่ไหม? สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็นเลยจริงๆ!"
ผู้คนต่างงุนงงสงสัย แต่เมื่อได้เขาไปใกล้ๆ ก็เหมือนกันกับหัวเทียนไห่ ที่ตกใจกลัวอย่างมาก
หลินหยางเข้าใจความรู้สึกของพวกเขาในเวลานี้ พลังมังกรนี้ แม้แต่เย่เหยียนก็ทนรับมันไม่ไหว เขาทำได้เพียงกินยาที่ทำขึ้นเป็นพิเศษ จึงจะสามารถต้านทานได้
"พลังมังกรนี้เชื่อมต่อมาจากภายใน เช่นนั้นไม่ได้หมายความว่า บริเวณชีพจรมังกร จะเต็มไปด้วยพลังมังกรหรอกเหรอ? คนที่ใช้ชีวิตอยู่ในเขตชีพจรมังกรนั้น ควรจะอยู่ระดับไหนกัน?"
"หรือว่า ล้วนเป็นเทพเซียนแห่งแผ่นดินทั้งหมด?"
ทุกๆ คนอ้าปากค้าง และตกใจกลัว
หัวเทียนไห่ส่ายหัว : "จะมีเทพเซียนแห่งแผ่นดินมากมายขนาดนั้นได้ที่ไหนกัน? คิดว่าเป็นผักกาดขาวที่อยู่ข้างถนนหรือไง? อย่ากังวลเกินไปเลย ในเขตชีพจรมังกรนั้นไม่ได้มีพลังมังกรรุนแรงอย่างนี้หรอก พลังมังกรเช่นนี้ ใครจะรับมันไหว! และอย่าได้เอ่ยถึงการบำเพ็ญฌานเลย"
"เดิมทีก็เป็นเช่นนี้เอง"
"คิดๆ ดูแล้วก็จริง พวกเขาเพียงแค่อาศัยประโยชน์จากชีพจรมังกร แต่พลังมังกรที่รุนแรงเข่นนี้ ใครจะทนรับมันไหว? แน่นอนว่าจะต้องหลีกเลี่ยงพลังมังกรเพื่อเข้าไปฝึกฝน!"
อูหงกล่าวอย่างเข้าใจในทันที
"ผู้นำพันธมิตรหลิน ตอนนี้ควรจะทำอย่างไรดี? เราไม่วามารถผ่านทางเชื่อมนี้ เพื่อที่จะไปฆ่าเย่เหยียนได้!"
เจ้าเมืองหนานหลี่เฉิงกล่าวด้วยคิ้วขมวด
อย่าพูดว่าเดินผ่านไปเลย เกรงว่าแม้แต่เปิดประตูทุกๆ คนก็ไม่กล้า มิเช่นนั้นเกรงว่าพลังมังกรอันน่าสะพรึงกลัวจะน้องหลั่งไหลออกมา บางทีคนในที่นี้ คงมีเพียงแค่หลินหยางเท่านั้นที่ทนรับมันได้
"พวกคุณออกไปจากที่นี่ก่อน"
หลินหยางเหมือนกับว่าตัดสินใจอะไรบางอย่างได้ เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ และกล่าวออกมา
ผู้คนต่างสั่นสะท้าน และมองเขาอย่างตกตะลึง
"ผู้นำพันธมิตรหลิน?"
"พวกคุณออกไปก่อน ไปรอฉันที่ด้านบน!"
หลินหยางดึงเข็มเงินออกมา จ้องมองประตูบานนั้น และกล่าวด้วยน้ำเสียงแหบพร่า : "ฉันอยากลองพลานุภาพของพลังมังกรดูซะหน่อย ว่าจะเป็นอย่างไร!"

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สุดยอดลูกเขยของเทพธิดา
ทำไมขาดๆหายๆ...
อยากอ่านต่อครับ...
ลงวันละ10ตอนไม่ได้เหรคับ 5ตอนมันน้อยไป กว่าจะอ่านจบลืมหมดพอดี...
อ่านสนุกนางเอกค่อนข้างโง่ซื่อบื้อ...
อยากอ่านต่อ...
เขียนดีอ่านสนุกครับ...
D...
ทำไมบางตอนเนื้อหาหายไปหมดเหลืออยู่แค่ไม่ถึง6บรรทัดเลย...
หลินหยาง...ผมอยากบอกว่า คุณมันกระจอก 5555...
บทหาย...