เป็นอย่างที่เหลียงหงอิงคาดคิดไว้ คนเหล่านี้ล้วนเป็นคนที่ถังเจียจวินส่งมา
ดูเหมือนว่าเขาคิดจะใช้โอกาสที่ตระกูลหานและตระกูลเหลียงมีเรื่องบาดหมางกันเพื่อคิดจะรวบเอาบริษัทหงจวงอินเตอร์เนชั่นแนลไปเป็นของตัวเองโดยที่ไม่ให้เหลียงหงอิงไหวตัวได้ทัน
หลังจากที่เหลียงหงอิงวิ่งเข้าไปถึงในบริษัท ผู้บริหารระดับสูงของหงจวงก็ได้รับโทรศัพท์ให้ไปรวมตัวกันในห้องประชุมใหญ่เพื่อจัดการประชุมของผู้ถือหุ้น
"ประธานเหลียง คุณมาได้เร็วมาก!"
ชายสวมแว่นกรอบทองที่ดูอ่อนโยนกล่าวขึ้นด้วยรอยยิ้ม
"คุณคือใคร?"
เหลียงหงอิงขมวดคิ้วถาม
"สวัสดีครับประธานเหลียง ผมคือซีอีโอคนใหม่ของหวงจวงอินเตอร์เนชั่นแนล ผมชื่อเหมยหย่งเซิง คุณสามารถเรียกผม...ประธานเหมย!"
ชายสวมแว่นกล่าวด้วยรอยยิ้ม
"ประธานเหมย?"
เหลียงหงอิงทำหน้าเครียด "ฉันจำไม่ได้ว่าบริษัทเรามีคุณอยู่ด้วย! ใครเป็นคนเรียกคุณมา?"
"แน่นอนว่าสำนักงานใหญ่ส่งผมมาไงล่ะ!"
"สำนักงานใหญ่?"
"ทำไมเหรอ? ประธานเหลียงไม่รู้เหรอ? บริษัทถังเฉิงเทคโนโลยีได้เข้าซื้อหุ้นของหงจวงแล้วถึงหกสิบเปอร์เซ็นต์ ตอนนี้บริษัทถังเฉิงเทคโนโลยีมีสิทธิ์ในการเข้าควบคุมหวงจวงอย่างชอบธรรม ฉะนั้นบริษัทถังเฉิงเทคโนโลยีมีอำนาจเข้ามาจัดการเรื่องการแต่งตั้งและโยกย้ายตำแหน่งทั้งหมด"
เหมยหย่งเซิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม "ประธานเหลียง คุณมาก็ดีแล้ว เรากำลังจะจัดการประชุมเรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายบุคลากรและเตรียมปรับโครงสร้างการดำเนินงานในบางแผนก โดยให้ความสำคัญไปที่แผนกบัญชี ผมว่าคุณต้องสนใจมากแน่ๆ"
เหลียงหงอิงแสดงสีหน้าเคร่งเครียดอย่างมาก
สัญญาที่ได้เซ็นวันนี้นั้นเหมือนสั่งให้เธอหมดอำนาจในฐานะผู้ถือหุ้นบริษัท ตอนนี้อำนาจสั่งการสำคัญๆ ของบริษัทแทบไม่ได้อยู่ในมือของเธอแล้ว
อีกทั้ง เหมยหย่งเซิงมาถึงก็เข้าจัดการแผนกบัญชีโดยตรง
เห็นได้ชัดว่าเขาได้รับคำสั่งจากถังเจียจวินเพื่อให้มากุมชะตาชีวิตของหงจวงและค่อยๆ กัดกินทุกสิ่งที่เธอสร้างขึ้นมา
หลังจากจบการประชุม เกรงว่าบุคลากรในแผนกบัญชีคงต้องเปลี่ยนเป็นคนของถังเจียจวินหมดแน่
ถึงตอนนั้น เหลียงหงอิงคงไม่มีสิทธิ์ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวในบัญชีเล็กใหญ่ของทั้งบริษัทแน่
"พวกคุณช่างรีบร้อนเสียเหลือเกิน!"
เหลียงหงอิงกัดฟันกรอดและกล่าวอย่างเยือกเย็น "แต่ตอนนี้บริษัทยังมีโปรเจ็คใหญ่อยู่จำนวนหนึ่งที่ยังดำเนินการอยู่ การจะโยกย้ายทีมบุคลากรบัญชีอย่างกะทันหันแบบนี้ต้องส่งผลกระทบถึงโปรเจ็คทำยังไม่จบแน่ พวกคุณจะรับผิดชอบไหวเหรอ หากงานไม่เสร็จได้ตามเวลาที่กำหนด?"
"ประธานเหลียงหมายความว่ายังไง?"
"ฉันไม่เห็นด้วยที่มีการโยกย้ายถ่ายโอนบุคลากรตอนนี้!"
"เกรงว่าคุณจะไม่มีอำนาจในการปฏิเสธ"
"คุณ..."
"ประธานเหลียง หากคุณอยากเข้าร่วมการประชุมครั้งนี้ก็ขอให้นั่งลง หากไม่ต้องการเข้าร่วมก็ออกไปได้ กรุณาอย่าสร้างปัญหา ไม่งั้นผมคงต้องขอไล่คุณออกไปจากที่นี่!"
เหลียงหงอิงได้ยินเข้าก็รู้สึกโกรธมาก
นี่คือบริษัทที่เธอสร้างขึ้นมากับมือ แต่เธอกลับเจอเรื่องเช่นนี้ในบริษัทของตัวเอง!
เธอรีบกวาดสายตาไปที่ผู้ถือหุ้นระดับสูงคนอื่นๆ ทันที
ในมือของคนเหล่านี้ล้วนถือหุ้นอยู่จำนวนมากด้วยเช่นกัน
ทว่าสีหน้าของพวกเขากลับเคร่งขรึมและต่างพากันก้มหน้าโดยไม่พูดอะไร และมีบางคนก็จ้องมองเหลียงหงอิงอย่างเย็นชาด้วยความโกรธ
เหลียงหงอิงรู้ว่าพวกเขาคงไม่สามารถพูดอะไรเพื่อช่วยเธอได้
เพราะตัวเองเป็นคนดึงดูดบริษัทถังเฉิงเทคโนโลยีเข้ามาเอง ซึ่งก็เหมือนกับการล่อเสือเข้าถ้ำ
เป็นที่แน่ชัดแล้วว่าหงจวงถูกบีบโดยบริษัทถังเฉิงเทคโนโลยี บริษัทแทบล้มละลายแล้ว แล้วเช่นนี้ทำไมพวกเขาจะไม่รู้สึกโกรธเคืองเหลียงหงอิง?
"คุณหนูเหลียง แม้ว่าฉันจะไม่รู้เหตุผลว่าทำไมคุณถึงชักจูงถังเฉิงเทคโนโลยีเข้ามา แต่ฉันคิดว่าตอนนี้หงจวงไม่มีอนาคตแล้ว คุณไปเสียเถอะ!"
หญิงที่แต่งหน้าจัดคนหนึ่งกล่าวออกมาอย่างเยือกเย็น
เธอคือพี่ซันนี่และถือเป็นบุคลากรอาวุโสของหงจวง หากไม่ได้เธอคอยช่วยเหลือละก็ เหลียงหงอิงคงไม่สามารถทำธุรกิจได้อย่างราบรื่นอยู่ในเมืองหลวงแห่งนี้อย่างแน่นอน
"พี่ซันนี่ ฉัน...."
"พอได้แล้ว ฉันไม่อยากฟังเธออธิบายอะไร หลายปีมานี้มาคอยดูแลใส่ใจเรื่องราวในตระกูลของเธอ โดยที่ไม่ได้สนใจบริษัทเลย โปรเจ็คส่วนใหญ่ในบริษัทก็มีพวกเราที่คอยรับเรื่องมาตลอด! นอกจากเธอจะได้หน้าจากชื่อเสียงของบริษัทแล้ว เธอได้ทำอะไรให้บริษัทอีกบ้าง?"
พี่ซันนี่กล่าวออกมาอย่างเย็นชา
"ใช่ โปรเจ็คใหญ่ที่เข้ามาในช่วงสองสามปีมานี้ก็มีพวกเราที่คอยรับมา แล้วคุณล่ะ? คุณไม่เคยสนใจใส่ใจเรื่องตรงนี้เลย ทุกครั้งหลังประชุมเสร็จก็ไม่เคยเห็นเงาของคุณเลย! แค่นี้ยังไม่พอ ตอนนี้คุณยังทำให้บริษัทต้องเป็นอยู่ในสภาพนี้ ทำไมคุณถึงยังมีหน้ามายืนอยู่ตรงหน้าพวกเราได้อีก?"
"ประธานเหลียง คุณทำให้พวกเราผิดหวังมาก!"
บรรดาผู้ถือหุ้นอาวุโสคนอื่นก็ต่างพากันด่าทอออกมาด้วยความโกรธ
เพราะถึงอย่างไรตอนนี้เหลียงหงอิงก็ไม่ใช่ผู้ถือหุ้นใหญ่ที่มีอำนาจที่สุดของบริษัทแล้ว ฉะนั้นพวกเขาจึงได้ระบายความโกรธแค้นและสิ่งที่อยู่ในใจตลอดหลายปีออกมาอย่างไม่สนใจใดๆ
เหลียงหงอิงได้ยินเข้าก็รู้สึกโกรธมาก
"อะไรคือไม่เห็นเงาของฉันอีกเลย? หมกมุ่นอยู่กับเรื่องในตระกูล? ไม่ใช่ฉันหรอกเหรอที่พัฒนาผลิตภัณฑ์ตัวเด่นชูโรงของบริษัทออกมา? และยังมีการจัดซื้อวัตถุดิบเครื่องสำอางของบริษัทก็มีฉันที่คอยไปเจรจาไม่ใช่เหรอ? ตอนนี้พวกคุณกลับพูดเหมือนฉันไม่มีค่าอะไรเลย? หากไม่มีฉันที่ก่อตั้งและพัฒนาผลิตภัณฑ์ พวกคุณจะมีงานให้ทำเหรอ? พวกคุณจะร่ำรวยขึ้นมาได้ยังไง?"
เหลียงหงอิงตอกกลับอย่างโมโห
แต่วินาทีต่อมา
เพี๊ยะ!
หญิงที่แต่งกายเรียบหรูคนหนึ่งก็ลุกขึ้นตบหน้าเหลียงหงอิงอย่างแรง
เหลียงหงอิงตกใจมาก
หลายคนต่างทำสีหน้าตกตะลึงเช่นเดียวกัน
"อวี่ฉี เธอ...เธอตบหน้าฉันทำไม?"
เหลียงหงอิงเอามือกุมใบหน้าและถามออกไปอย่างเหม่อลอย
จากนั้นก็เห็นผู้หญิงคนนั้นร้องไห้ออกมาและตะโกนเสียงดังชี้ไปที่ประตู "ไสหัวออกไปซะ!"
เหลียงหงอิงรู้สึกสับสนงุนงงอย่างมาก
เฉินอวี่ฉีคือเพื่อนร่วมชั้นเรียนตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัยและคอยช่วยเหลือเธอมาตั้งแต่ที่เธอเริ่มก่อตั้งหงจวงอินเตอร์เนชั่นแนล ซึ่งอาจพูดได้ว่าหงจวงไม่ได้เป็นเพียงเลือดเนื้อของเหลียงหงอิงเพียงคนเดียว แต่กลับมีเลือดเนื้อหยาดเหงื่อของเฉินอวี่ฉีด้วยอีกคน
พวกเธอล้วนเป็นคนที่มีความฝัน
พวกเธอไม่สนใจผลกำไรและการขาดทุนในระยะสั้น
คนอย่างเฉินอวี่ฉี เธอไม่ได้สนใจเลยว่าตอนนี้บริษัทขาดทุนไปเท่าไร แต่เธอรับไม่ได้หากต้องเห็นบริษัทกำลังจะล้มละลาย
เหลียงหงอิงชักจูงถังเฉิงเทคโนโลยีเข้ามา นั่นก็หมายความว่าหงจวงจะต้องไม่รอดแน่ๆ
และผลสรุปก็คงมีเพียงสองอย่างเท่านั้น
หนึ่งคือถูกฟ้องล้มละลายเพราะขาดสภาพคล่องด้านการเงิน
สองคือถูกถังเฉิงเข้ามาฮุบกิจการทั้งหมดไป
ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นยังไงก็ล้วนบอกได้ว่าความฝันของเฉิงอวี่ฉีกำลังพังลง


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สุดยอดลูกเขยของเทพธิดา
ทำไมขาดๆหายๆ...
อยากอ่านต่อครับ...
ลงวันละ10ตอนไม่ได้เหรคับ 5ตอนมันน้อยไป กว่าจะอ่านจบลืมหมดพอดี...
อ่านสนุกนางเอกค่อนข้างโง่ซื่อบื้อ...
อยากอ่านต่อ...
เขียนดีอ่านสนุกครับ...
D...
ทำไมบางตอนเนื้อหาหายไปหมดเหลืออยู่แค่ไม่ถึง6บรรทัดเลย...
หลินหยาง...ผมอยากบอกว่า คุณมันกระจอก 5555...
บทหาย...