หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมง ชวี่เทียนรีบเดินทางมาอย่างรวดเร็ว
"ประธานหลิน!" ชวี่เทียนพูดพร้อมกับหอบหายใจ
"เป็นยังไงบ้าง? สตูดิโอไปถึงไหนแล้ว?" หลินหยางถามด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย
"ประธานหลินเลิกล้อเล่นกับผมได้แล้ว อันที่จริงคุณก็เป็นหุ้นส่วนของสตูดิโอ" ชวี่เทียนยิ้มแล้วพูด "ประธานหลิน คุณสั่งให้ผมมาอย่างเร่งด่วน มีเรื่องอะไรหรือเปล่า?"
"เกิดเรื่องกับกงซีหยุน คุณไปตรวจสอบดูว่าเป็นฝีมือของใคร มีเบาะแสสองอย่าง หนึ่งคือฮั๋นเฉียนแห่งหวงหยู สองคือป้ายทะเบียนรถของต้นเหตุอุบัติเหตุ"
หลินหยางบอกเบาะแสที่มีและความสงสัยของตัวเองให้ชวี่เทียนฟัง
ชวี่เทียนค่อนข้างกระชับกระเฉง รีบไปจัดการทันที
หลินหยางยังรู้สึกไม่ไว้วางใจ จึงไปรับกงซีหยุนมารักษาที่สถาบันการแพทย์พรรคซวนอี หลังจากนั้นพาร่างกายที่เหนื่อยล้าของตัวเองกลับเหยียนเยว่อินเตอร์แนชชั่นแนล
ภายในหอพัก
ซูเหยียนกำลังคุยโทรศัพท์ บนใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความตกใจ
ผ่านไปสักพัก เธอกดวางสาย
"มีอะไรเหรอ?" หลินหยางถาม
"เสี่ยวเสวี่ยโทรมา ฉันรู้เรื่องทั้งหมดจากเสี่ยวเสวี่ยแล้ว"
"เหรอ? ขอโทษด้วยที่ผมทำให้เรื่องมันพัง"
"ไม่เป็นไร ทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว!"
"จริงเหรอ?"
"มันก็ไม่เชิง คุณว่ามันแปลกหรือเปล่า? เสี่ยวเสวี่ยบอกว่า…ฮั๋นเฉียนคนนั้นไปคุกเข่าขอโทษต่อหน้าเธอ และยังสาบานอีกว่าต่อไปนี้จะไม่มายุ่งกับเธออีก! เหมือนกับโดนอาคมอะไรแบบนั้นเลย! ฮั๋นเฉียนคนนั้นคิดจะทำอะไรกันแน่?" ซูเหยียนพูดด้วยความสงสัย
"อ้อ อาจจะเป็นเพราะค้นพบมโนธรรมแล้วมั้ง"
"พบมโนธรรม?"
"หรือไม่ก็สมองมีปัญหา เอาเป็นว่าตั้งแต่แรกที่ผมได้พบกับเขาก็รู้สึกว่าคนคนนี้ไม่ปกติ" หลินหยางยิ้มแล้วพูด
แต่ก็แอบรู้สึกโล่งใจ
ถ้าหากฮั๋นเฉียนยอมไปขอโทษแต่โดยดี งั้นเรื่องของกงซีหยุนน่าจะไม่เกี่ยวกับเขา
"แบบนี้เองเหรอ?" ซูเหยียนงงเป็นไก่ตาแตก หลังจากนั้นส่ายหัว ขี้เกียจไปคิดเรื่องพวกนี้ต่อ
แคว่ก!
ประตูถูกเปิดออก
ซูกวงและจางชิงหยู่ที่เพิ่งไปออกกำลังกายเสร็จเดินเข้ามา
"ฉันว่าแล้วทำไมถึงได้กลิ่นเหม็นสาบตั้งแต่ยังไม่ทันเข้าบ้าน ที่แท้ก็ขยะแกมานี่เอง ที่นี่มันใช่สถานที่ที่แกควรอยู่เหรอ? ไสหัวไป! ไสหัวไปเดี๋ยวนี้!"
ทันทีที่จางชืงหยู่เห็นหลินหยาง เธอระเบิดอารมณ์ออกมาทันที ชี้หน้าเขาแล้วแหกปากด่าโดยตรง
"แม่ เลิกโวยวายสักทีได้หรือเปล่า? หนูเคยคุยกับแม่แล้วไม่ใช่เหรอ เรื่องดื่มเหล้าเมื่อคืนไม่เกี่ยวอะไรกับหลินหยาง เขาไม่ได้เป็นคนมอมหนู หนูเป็นคนดื่มเอง!" ซูเหยียนพูดด้วยท่าทางที่โมโห
"ยัยเด็กโง่ เธออย่าให้เขาหลอกเอาได้! อย่าเห็นเขาไม่ทำอะไรเลย อันที่จริงความคิดของเขาลึกซึ้งจนยากจะหยั่งถึง! เขาหลอกใช้เธอมาโดยตลอด!" จางชิงหยู่พูดห้ามปรามด้วยความเป็นห่วง
"แม่ แม่…กำลังพูดอะไร หลินหยางก็เป็นลูกเขยของแม่ ทำไมแม่ต้องขัดหูขัดตากับเขาตลอด?" ซูเหยียนโมโหจนกระทืบเท้า
ช่วงนี้หลินหยางช่วยเธอเอาไว้ไม่น้อย
ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อคืนหลินหยางก็เป็นคนส่งเธอกลับบ้าน บวกกับเรื่องก่อนหน้านี้ ทัศนคติที่ซูเหยียนมีต่อหลินหยางเปลี่ยนไปไม่น้อย ตอนนี้ได้ยินจางชิงหยู่ว่าหลินหยางแบบนี้ ภายในใจของเธอย่อมรู้สึกไม่ดีเป็นเรื่องปกติ
"ยัยเด็กโง่! ทำไมถึงไม่ยอมเชื่อฟังแม่บ้างเลย?"
จางชิงหยู่ก็รู้สึกโมโหมาก เธอกัดฟันจ้องหลินหยาง
ซูกวงยืนดูอยู่ด้านข้างโดยไม่พูดอะไร
ในตอนนั้น เขาเหล่มองเวลาแวบหนึ่ง พูดขึ้นอย่างกะทันหัน "พอดีเลย บ่ายสองครึ่งแล้ว วันนี้เป็นวันศุกร์ สำนักกิจการพลเรือนยังเปิดทำการ ลูกพ่อ เสี่ยวหยาง หรือไม่ไปจดทะเบียนหย่าให้เรียบร้อยวันนี้เลย"
หลังจากที่พูดจบ ซูเหยียนตกตะลึงทันที
หลินหยางหันหน้าไปเล็กน้อย
จางชิงหยู่กลับปรบมือ หลังจากนั้นยกนิ้วโป้งให้ซูกวง พูดด้วยน้ำเสียงที่ตื่นเต้น "ใช่ใช่ใช่ ลูกแม่ ตอนนี้ก็กำลังว่างพอดีเลย ไป พวกเราไปเซ็นใบหย่าตอนนี้เลย"
พูดจบ ดึงแขนของซูเหยียนเดินออกไปด้านนอกทันที
ซูเหยียนเพิ่งตั้งสติได้ รีบสะบัดมือของจางชิงหยู่จนหลุด พูดด้วยความร้อนใจและโมโห "แม่ อย่ามาเพิ่มความกังวลใจให้หนูได้หรือเปล่า!"
"เพิ่มความกังวลใจ? ลูกแม่ เธอพูดแบบนี้หมายความว่ายังไง?" จางชิงหยู่รู้สึกอึ้ง
"หนูไม่อยากหย่า! อย่างน้อยตอนนี้!" ซูเหยียนพูดด้วยความโมโห
"อะไรนะ? ไม่หย่า?" จางชิงหยู่พูดเสียงสูง เบิกตากว้างจนราวกับแทบจะหลุดออกมาจากเบ้า
"ลูกพ่อ เธอ…เธอคงจะไม่ได้ชอบหลินหยางจริงหรอกนะ?" ซูกวงพูดด้วยท่าทางไม่อยากเชื่อ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สุดยอดลูกเขยของเทพธิดา
D...
ทำไมบางตอนเนื้อหาหายไปหมดเหลืออยู่แค่ไม่ถึง6บรรทัดเลย...
หลินหยาง...ผมอยากบอกว่า คุณมันกระจอก 5555...
บทหาย...
หายย...
เกิดอะไรขึ้นกับเว็บหรือป่าวครับ ข้อความไม่ครบหลายเรื่องเลย...
ตระกูลซูน่ารังเกียจมาก ส่วนซูเหยียน คนทั้งตระกูลรังแกเอาเปรียบกลายเป็นของเล่น ก็ทนอยู่นะ พ่อกับแม่ก็ไม่สนใจลูกเลยเอาใจแต่คุณย่าคุณย่า แยกบ้านไม่เป็นหรอ...