ผู้ที่ได้รับบาเจ็บหรือเสียชีวิตจะถูกส่งไปยังตำหนักป๋ายฉ่าวเพื่อรับการรักษา แต่ผู้ที่ตายไปแล้ว หลินหยางจะใช้พืชแปลกๆ บางชนิดเพื่อพยายามรักษาพวกเขา
เฟิงซิ้นจื่ออาวุโสของตำหนักป๋ายฉ่าวคือหญิงชราอายุ 60 กว่า ผมของเธอขาว ผอมแห้ง แต่ทักษะการฝังเข็มและการแพทย์ของเธอเป็นไม้ตายในนิกายตงหวง
ตั้งแต่เกิดความขัดแย้งในนิกายตงหวง แต่ละตำหนักก็ฆ่าฟันกันอย่างต่อเนื่อง และเพื่อรักษาบาดแผลในตำหนักส่วนใหญ่นั้นจะมีการจัดเตรียมผู้ที่รู้ทักษะทางการแพทย์เพื่อรักษาอาการบาดเจ็บเหล่านั้น
ถึงกระนั้น ไม่ว่าจะเป็นใครมาจากตำหนักไหนก็ไม่กล้าทำอะไรกับตำหนักป๋ายฉ่าว
เพราะตำหนักป๋ายฉ่าวเป็นตำหนักเดียวของนิกายตงหวงเป็นตำหนักทางการแพทย์หนึ่งเดียว
แต่ถึงกระนั้นไม่ว่าจะเป็นคนบาดเจ้บจากตำหนักไหนมาที่นี่ พวกเขาก็จะรักษาอย่างสุดความสามารถ ดังนั้นจึงมีกฎที่ไม่ได้เขียนเอาไว้ในนิกายตงหวง ไม่ว่าการต่อสู้จะรุนแรงแค่ไหนก็ห้ามทำอะไรกับตำหนักป๋ายฉ่าว!
เพราะเช่นนี้เอง ตำหนักป๋ายฉ่าวจึงไม่เป็นอะไร
เพียงแต่ว่าอาวุโสเฟิงซิ้นจื่อของตำหนักป๋ายฉ่าวนั้นเป็นคนที่เย่อหยิ่งเป็นพิเศษ
"จบแล้วหรอ! ความวุ่นวายนี้น่าจะจบแล้ว ทำไม? เจ้าหนู คุณได้รับแหวนศักดิ์สิทธิ์ตงหวงมาแล้วเป็นเจ้านิกายของพวกเราหรอ ดูหนุ่มมาก!"
เฟิงซิ้นจื่อถือไม้เท้า เดินออกมาจากตำหนักป๋ายฉ่าว กวาดสายตามองหลินหยางและพูด
"อาวุโสเฟิง คุณอย่าไร้มารยาทเกินไป ทำไมถึงไร้มารยาทกับเจ้านิกายหล่ะ? ทั้งยังใช้นำเสียงแบบนั้นพูดกับเจ้านิกายอีก?" คนข้างๆ พูดอย่างจริงจัง
"ฉันก็ไม่มีมารยาทแบบนี้มาตลอด ถ้าเจ้านิกายไม่พอใจฉันก็ลงมือฆ่าฉันเสียเถอะ แม้ว่าฉันจะเชี่ยวชาญด้านการแพทย์ แต่ศิลปะการต่อสู้ของฉันไม่ได้เรื่อง เจ้านิกายนั้นไร้เทียมทาน การฆ่าฉันก็คงจะเป็นเรื่องง่ายๆ!" เฟิงซิ้นจื่อกวาดสายตามองผู้คน พูดอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว
"คุณ..." ฝูงชนกลุ่มนั้นโมโห จะพูดบางอย่าง แต่หลินหยางห้ามไว้
"ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาทะเลาะกัน อาวุโสเฟิง รีบต้มยาเถอะ คนในนิกายของผมได้รับบาดเจ็บจากการประชุมนี้เป็นจำนวนมาก อีกทั้งยังมีบาดแผลที่สาหัส พวกเขาเป็นเสาหลักในนิกายของผม จะเสียไปไม่ได้! ผมหวังว่าคุณจะให้ความร่วมมือกับผมในการรักษาพวกเขา!" หลินหยางพูด
"พวกคุณอยากได้ชื่อเสียงและผลประโยชน์ ทำร้ายกันและกัน สมควรแล้ว แต่ฉันในฐานะแพทย์คงจะมองดูพวกเขาตายไม่ได้ ฉันจะหาวิธีรักษาพวกเขา... เดี๋ยวนะ!" จู่เฟิงซิ้นจื่อรู้สึกว่าบางอย่างผิดปกติ มองหลินหยางด้วยความแปลกใจและพูดด้วยความไม่เข้าใจ: "เจ้านิกาย ฉันไม่ใช่ได้ยินผิดไปใช่ไหม? คุณบอกว่าต้องการให้ฉัน...ให้ความร่วมมือกับคุณ! คุณจะรักษาพวกเขาหรอ?"
"ใช่ มีปัญหาอะไรหรอ?" หลินหยางพูด
"คุณจะรักษาหรอ?"
"ใช่"
"คุณ..." เฟิงซิ้นจื่อรู้สึกอับอาย แต่พูดไม่ออก ในขณะที่โมโห เธอพยักหน้าและกระแทกเสียง: "ได้สิ! ไม่คิดว่าเจ้านิกายคนใหม่ของพวกเราจะเข้าใจทักษะทางการแพทย์! ดี! ถ้าอย่างงั้นฉันก็จะให้ความร่วมมือกับคุณอย่างสุดความสามารถ จะได้เปิดโลกด้วย ดูว่าเจ้านิกายคนใหม่ของพวกเรามีทักษะทางการแพทย์ที่พิเศษแค่ไหน!"
เมื่อพูดเสร็จเธอก็โบกมือ ให้คนไปเตรียมต้มยา
หลินหยางนำผู้บาดเจ็บเดินเข้าไปในตำหนักป๋ายฉ่าว...
ตั้งแต่ความขัดแย้งของนิกายตงหวง ตำหนักป๋ายฉ่าวเต็ไมปด้วยผู้บาดเจ็บ ศิษย์ที่บาดเจ็บหลายคนถูกนำตัวส่งมาที่ตำหนักทุกวัน ภายในระยะเวลาหนึ่งด้านหลังของตำหนักป๋ายฉ่ายก็เต็มไปด้วยเสื่อฟาง เมื่อมองดูมันคือคนจำนวนมากที่กำลังนอนอยู่
ศิษย์ตำหนักป๋ายฉ่าวหลายคนมีเหงื่อไหลบนหน้าผากเพราะพยายามอย่างหนักเพื่อทายาให้กับคนอื่นๆ
แต่ตำหนักป๋ายฉ่าวมีทางเข้าเพียงทางเดียว จะไปดูแลคนจำนวนมากขนาดนี้ได้อย่างไร?
จึงทำให้มีผู้บาดเจ็บมากมายถึงแม้บาดแผลจะเป็นหนองและบาดเจ็บสาหัสไม่ได้รับการรักษา
นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมตอนนั้นตำหนักชิงเหอมีผู้บาดเจ็บมากมาย แต่กลับไม่อยากมาที่ตำหนักป๋ายฉ่าว
พวกเขาคิดว่าแม้ว่าจะไปที่ตำหนักป๋ายฉ่าวก็คงไม่ได้รับการรักษา
ความจริงแล้วเป็นเช่นนี้
หลินหยางเดินเข้าไปในตำหนักป๋ายฉ่าว กลิ่นที่เขาสัมผัสได้ไม่ใช่กลิ่นของยาสมุนไพร แต่เป็นกลิ่นหนองของบาดแผลที่อักเสบและเน่า
ระหว่างทางเดินมีคนนั่งอยู่ทุกหนแห่ง
หลายคนหน้าซีด บางคนนอนขดตัวและตัวสั่นเทา
บางคนคร่ำครวญราวกับว่าความเจ็บปวดจากบาดแผลนั้นเหลือทนสำหรับพวกเขา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สุดยอดลูกเขยของเทพธิดา
D...
ทำไมบางตอนเนื้อหาหายไปหมดเหลืออยู่แค่ไม่ถึง6บรรทัดเลย...
หลินหยาง...ผมอยากบอกว่า คุณมันกระจอก 5555...
บทหาย...
หายย...
เกิดอะไรขึ้นกับเว็บหรือป่าวครับ ข้อความไม่ครบหลายเรื่องเลย...
ตระกูลซูน่ารังเกียจมาก ส่วนซูเหยียน คนทั้งตระกูลรังแกเอาเปรียบกลายเป็นของเล่น ก็ทนอยู่นะ พ่อกับแม่ก็ไม่สนใจลูกเลยเอาใจแต่คุณย่าคุณย่า แยกบ้านไม่เป็นหรอ...