“เป็นอะไรเสียแล้ว ไหนจะเลียนแบบหมา ทำเป็นเมินมองข้าอย่างหมาเมิน ถุย!”
รปภ.คนที่ถูกฉินหวยจือเชิดใส่ก่อนหน้านี้บ้วนน้ำลายใส่ฉินหวยจือ
ฉินหวยจือเอามือปาดของเหลวเหนียว ๆ ที่หน้าออก โกรธจนสั่นไปทั้งตัว
“รนหาที่ตายแล้วมึง!มึงรู้มั้ยกูเป็นใคร?กูประธานฉินซื่อกรุ๊ปนะ แล้วไอ้รปภ.กระจอกอย่างมึงนี่....”
“พ่อมึงนี่ถึงจะเป็นรปภ.ก็รปภ.ของวังซื่อกรุ๊ปเว้ย อย่างมึงแม่งจะมีค่ากี่สตังกัน”
“เฮอะ ๆ หรือไม่ใช่ ไม่รู้หรือว่าเหล่าบรรดาลูกน้องเฝ้าบ้านอัครเสนาฯ.นั้นระดับก็ข้าราชการชั้นเอกนะเว้ย แกรีบไสหัวไปให้พ้น ๆ ซะ อย่ามาเกะกะการทำงานของพวกข้า”
“ใช่มั้ย ใช่มั้ย ไม่รู้จักตักน้ำใส่กะโหลก ชะโงกดูเงาตัวเองบ้าง”
ฉินหวยจือหน้าแตกเต็มที่งานนี้
ชีวิตคนมันขึ้นเร็วลงเร็วอะไรกันปานนี้
เขารีบเก็บรวบรวมเอกสารหอบไว้ในมือแน่น เริ่มคิดหาข้ออ้างอะไรได้บ้าง ถึงยังไงก็จะให้คุณย่ารู้เรื่องนี้ไม่ได้ และในขณะนั้นเองโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
ท่านย่าฉินโทรมา
“ฉินหวยจือ แกกลับมาเดี๋ยวนี้!”
เสียงโกรธจัดของท่านย่าฉินตะคอกมาจากอีกฟากของโทรศัพท์ แต่แล้วก็เปลี่ยนน้ำเสียงลง “ไม่ดีกว่า แกรีบไสหัวไปที่ตึกจิ่งซ่าง ไปพร้อมพ่อแกกับแม่แก เชิญฉินปิงหลันให้ไปที่วังซื่อกรุ๊ป ไม่งั้นแล้วอย่าว่าแต่ตำแหน่งประธานเลย แม้ตำแหน่งขี้ข้ากวาดขยะข้าก็จะไม่ให้แก!”
“ตื๊ด ตื๊ด ตื๊ด!”
เสียงจากโทรศัพท์ถูกตัดเลิกการโทร
ฉินหวยจือทรุดก้นจ้ำเบ้านั่งลงพื้น
จบกัน
จบเห่กันงานนี้
ปิดเครื่องโทรศัพท์แล้วท่านย่าฉินหันมองไปรอบ ๆ
“เป็นเพราะความคิดดี ๆ ของพวกแกทั้งนั้น แต่ละคนเอาแต่จะเยาะเย้ยฉินปิงหลัน ทำเอายัยแก่อย่างข้าก็ไม่ทันดูสัญญาให้ละเอียด!”
“ถ้าไม่เป็นเพราะพวกแก มีหรือที่ข้าจะละเลยสัญญาข้อนั้นไป?ดันกลับปล่อยให้เจ้าประธานวังของวังซื่อกรุ๊ปมาเตือนข้า พวกแกนี่ เก่งจริง ๆ นะ!”
ท่านย่าฉินโกรธระเบิดทะลุฟ้าเลยทีนี้
ตอนนี้พี่สามกับน้องสี่ตระกูลฉินได้แต่ก้มหน้าเงียบ
หลิวหลันกลับเหมือนลืมไปแล้วว่าตัวเองก็เป็นหนึ่งในคนที่ด่าใส่ฉินปิงหลันเมื่อวานนี้ มองดูสองพี่น้องคู่นี้กำลังโดนดุด่าด้วยอารมณ์สมน้ำหน้า นึกฝันไปอยู่ตอนที่ฉินปิงหลันได้ดีจนร่ำรวยแล้วตัวเองก็จะได้ใส่ชุดสวยประดับเครื่องแต่งตัวแพงหรูหรา
“นั่นนะ ท่านย่า เจ้าฉินปิงหลันท่าจะได้ขึ้นเตียงกับประธานวังนั่นแล้วแน่เลย ไม่งั้นทำไมต้องเจาะจงให้ต้องเป็นหล่อน”
ฉินโร่ซียังคิดจะพูดอะไรต่ออีก แต่ถูกเสียงชาเยือกของท่านย่าฉินตัดบท
“ข้าไม่สนว่าฉินปิงหลันจะใช้กลวิธีอะไร ข้ารู้แต่ว่าตอนนี้มีแต่ฉินปิงหลันเท่านั้นที่จะพาตระกูลฉินของพวกเราก้าวขึ้นสูงไปอีกขั้นหนึ่งได้”
“ใช่แล้ว นี่ถ้าแกไม่พูดข้าก็ลืมไปแล้ว ก็แกอีกคนใช่ไหมที่ด่าเยาะฉินปิงหลันมากที่สุดเมื่อวานนี้”
ฉินโร่ซีหน้าเปลี่ยนลงทันที ไม่ทันรู้ตัวก็โดนไม้เท้าท่านย่าฉินฟาดใส่ “แกก็รีบไสหัวไปขอขมาด้วย ถ้าฉินปิงหลันไม่ยอมตกลงกลับมารับตำแหน่งประธาน พวกแกก็ไสหัวออกไปให้พ้นข้าทั้งหมดเลย!”
“ทรัพย์สินของตระกูลฉินข้าก็จะมอบให้เป็นการกุศลโดยไม่ให้พวกแกแม้แต่เศษสตางค์แดงเดียว”
ท่านย่าฉินโกรธเต็มที่อย่างเห็นชัด จึงพูดได้ออกมาถึงขนาดนี้
ฉินโร่ซียังคิดจะพูดชี้แจงอะไรอีก แต่เห็นท่านย่าฉินเงื้อไม้เท้าขึ้นสูงเต็ม ๆ เลยรีบเผ่นแนบออกไป
ในเวลาขณะนั้น ฉินปิงหลันไม่รู้เรื่องเหตุการณ์ที่เกิดอะไรทั้งหมด
โทรศัพท์เรียกเข้าไม่รู้กี่สายต่อกี่สาย หล่อนก็ไม่รู้เรื่องเลย เพราะโทรศัพท์แบตฯ.หมด
อีกทั้งยังถูกเฉินอีปัดเอาที่ชาร์จแบตฯ.โทรศัพท์ของหล่อนหลุด
เสียหายไปเล็กน้อย
“คุณแม่ คุณแม่ แม่ดูนกกระเรียนที่หนูพับสิสวยมั้ย”
โต๋วโต๋วชูนกกระเรียนกระดาษพับวิ่งไปรอบบ้าน ฉินปิงหลันดูไปก็สั่งกำชับไปว่า “ระวังหน่อยลูก ไม่ อย่าวิ่งขึ้นไปข้างบน”
หล่อนไม่รู้ว่ามีเรื่องอะไรที่ชั้นบน แต่เข้าใจว่าเป็นส่วนที่เฉินอีใช้คุยกับเพื่อน แม้ตัวหล่อนเองก็ขึ้นไปไม่ได้
พลันให้คิดไปถึงโทรศัพท์มือถือที่ไม่ได้ดูมาหลายชั่วโมง หล่อนรีบวิ่งไปหาจึงได้เห็นว่าที่ชาร์จแบตฯ.ไม่ได้เสียบไว้ ขยับนิ้วยีขมับ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ศึกเดือด มหากาฬ