เยว่ซูหลิงตัดสินใจรอ
แต่รอไปรอไปถึงเช้าวันรุ่งขึ้น ฉินปิงหลันยังไม่เห็นกลับมา ก็ไม่ต้องพูดถึงเฉินอีแล้ว
“โอ้แม่จ้าว”
เฉินอีกับฉินปิงหลันในขณะเดียวกันนั้น กำลังพากันนั่งกินอาหารเช้ากับโต๋วโต๋วและโน่วโน่วที่โรงแรมแห่งหนึ่ง
ที่พวกเขาเลือกมาอยู่ที่นี่ ก็เพื่อสะดวกในการที่โต๋โต๋จะต้องมาสอบสัมภาษณ์เช้านี้
“ประถมต้นสมัยนี้ร้ายจริง จะเข้าเรียนนี่แม้แค่ชั้นประถมต้นยังต้องสอบสัมภาษณ์”
เฉินอีไม่ได้กลับประเทศมาหลายปี กับเรื่องพวกนี้ย่อมไม่ค่อยจะรู้เรื่อง
ฉินปิงหลันส่ายหน้า พูดว่า “ก็ไม่ใช่จะเป็นแบบนี้ทุกโรงเรียน โดยพื้นฐานก็จะมีแต่โรงเรียนเอกชนจึงมีระเบียบการแบบนี้”
“ช่วยไม่ได้ โรงเรียนเอกชนหรือที่เรียกกันว่าโรงเรียนไฮโซ ก็ต้องดูที่ลูกหลานของตัวเอง อีกทั้งพ่อแม่ก็ต้องถูกสัมภาษณ์ด้วยนะ เฉินอี คุณ............”
หล่อนมองเฉินอีด้วยมีรู้สึกกังวลเล็กน้อย
โรงเรียนแห่งนี้ฉินปิงหลันเพิ่งติดต่อมาเมื่อสองวันก่อนนี้เอง เกรงว่าเฉินอีจะมีปัญหาไม่สะดวกอะไรบางอย่าง เพราะสถานะรอบด้านของผู้ปกครองมีผลสะท้อนถึงระดับชั้นในสังคมอนาคตของเด็ก ถึงแม้จะไม่สามารถยืนยันได้แต่ก็มีความชัดเจนในระดับหนึ่ง
“วางใจเถอะ อย่าลืมว่าที่ผ่านมาจะดีเลวยังไงผมก็คุณชายใหญ่บ้านสกุลเฉินนะ”
ฉินปิงหลันได้ยินว่าเข้านั่นอดไม่ได้ต้องเคาะหัวตัวเอง
ใช่สิ ตระกูลเฉินแห่งเมืองอสูรไม่ใช่ตระกูลรวยฟลุ๊คขึ้นมา เป็นตระกูลใหญ่สืบทอดมาตั้งแต่ราชวงศ์ก่อน การที่เป็นตระกูลใหญ่ที่มีพื้นฐานทางประวัติศาสตร์อยู่ชัดเจน ลูกหลานสืบทอดมาก็จะไม่ถึงกับเลวร้ายหรือแค่ระดับคนธรรมดาเป็นแน่
โรงเรียนไฮโซจิ่งช่าง
ที่นี่เป็นโรงเรียนเอกชนที่มีชื่อเสียงที่สุดในเมืองฉือ มีตั้งแต่ชั้นอนุบาล ประถมต้น ประถมปลายจนถึงระดับอุดมศึกษา นักเรียนที่นี่ล้วนเริ่มเรียนชั้นแรกกันที่นี่ ถึงบางคนจะไม่ใช่คนในตระกูลใหญ่ แต่เมื่อเข้ามหาวิทยาลัยได้ก็จะได้เป็นสมาชิกของสมาคมในเวลาต่อมา เป็นบุคลากรชั้นนำในสังคม จึงเป็นเส้นทางลัดสู่ความสำเร็จอย่างแน่นอนเด็ดขาด
เข้าไปในโรงเรียนโดยสะดวกเพราะมีการนัดหมายอยู่ล่วงหน้า เฉินอีกับฉินปิงหลันมาพบกับหญิงไฮโซวัยกลางคนคนหนึ่งที่ห้องธุรการ
“ว้าว ดูท่าปิงหลันไม่ได้คุยเลย แค่เพียงสภาพที่เห็น ในมืองฉือนี่จัดว่าอยู่ในระดับไม่เลวทีเดียว”
เฉินอีเหลือบตามองผ่านแล้วเก็บสายตากลับ
แม้หญิงไฮโซวัยกลางคนนั้นจะสวยมาก แต่เฉินอีไม่มีรสนิยมแบบนั้น
“คุณผู้หญิงฉิน คุณเฉิน สวัสดีค่ะ”
หญิงไฮโซวัยกลางคนพูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้มว่า “ดิฉันชื่อซ่งหลัน ผู้จัดการฝ่ายธุรการของโรงเรียนนี้ เป็นผู้ให้การต้อนรับและประสานงานกับคุณทั้งสองค่ะ”
แล้วมองไปที่โต๋โต๋กับโน่วโน่ว “แน่นอนกับหนูน้อยน่ารักทั้งสองด้วยค่ะ”
สุดท้ายสายตามาหยุดที่โต๋วโต๋ว ในจอตาฉายแววแปลกใจโดยที่ไม่มีใครมองเห็น
“สาวน้อยคนนี้ทำไมดูผอมจัง เหมือนว่าบกพร่องในสารอาหารนะ”
ดูเหมือนเป็นการวิเคราะห์พื้น ๆ แต่การวิเคราะห์ของซ่งหลานนั้นครอบคลุมไปหลายเรื่อง
เป็นต้นว่าสภาพการเงินของครอบครัวนี้ดูท่าคงไม่สู้จะดีแน่นอน
โชคดีว่า หล่อนก็ไม่อ้อมค้อมมาก ตรงเข้าหาประเด็นหลักเลย
“พวกเราเริ่มการสัมภาษณ์กันเถอะ หนูน้อยนี่ต้องไปรออยู่ห้องข้าง ๆ นั่นก่อน ส่วนคุณเฉินกับคุณผู้หญิงฉิน พวกคุณใครท่านหนึ่งนั่งคุยกับดิฉันที่นี่เลยค่ะ”
“ได้ค่ะ”
ฉินปิงหลันก็พาโต๋โตเดินออกจากห้องไป ถึงแม้การศึกษาของหล่อนก็อยู่ในระดับดี แต่เทียบกับเฉินอีจากตระกูลเฉินแห่งเมืองอสูรแล้วคงยังห่างอีกมาก
เพียงแต่ว่าซ่งหลันไม่รู้ หล่อนจึงเอาแต่ส่ายหน้าไม่หยุด
ในสายตาของหล่อน ถึงยังไงฉินปิงหลันก็เป็นคนมีชื่อเสียงอยู่ แม้ชื่อเสียงจะมีส่อไปทางไม่ค่อยดีแต่ก็เป็นตระกูลใหญ่ อีกทั้งประวัติการศึกษาก็ไม่เลวอยู่
กลับมาดูฝ่ายสามี ดูไม่น่าเชื่อถือเอาเลย ถึงแม้หน้าตาดีหุ่นให้ แต่สำหรับซ่งหลันแล้วถ้าไม่รู้หัวนอนปลายตีนมาจะตัดสินว่าเป็นคนธรรมดา โดยหาคิดไม่ว่าเรื่องเพชรในตมมีจริง
เฉินอีนั้นลดทิฐิลงไปมากแล้ว มิฉะนั้นกระจอกกระจอกอย่างซ่งหลานไม่มีสิทธิ์มานั่งอยู่ตรงหน้าเขาแบบนี้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ศึกเดือด มหากาฬ